นายกฯล่องใต้สั่งรื้อใหม่"รปภ.ครู" วิจารณ์วุ่น "เรือเหาะ" ดิ่งพสุธา
"ยิ่งลักษณ์" ล่องใต้จับเข่าคุยแกนนำครู-สมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี สั่งตั้งคณะกรรมการดูแลมาตรการรักษาความปลอดภัย "แม่พิมพ์ชาติ" พร้อมให้แต่ละพื้นที่บูรณาการ "ภาคประชาชน-โรงเรียน-ครู-ฝ่ายความมั่นคง" จัดทำแผนร่วมกัน แม่ทัพนัดประชุมอีกรอบ 14 ธ.ค.ด้านโรงเรียนใน 4 อำเภอสงขลา 125 โรงหยุดสอนหลังเจอใบปลิวขู่ซ้ำ ระทึกเรือเหาะตกกระแทกพื้น เจ้าหน้าที่เจ็บ
ภารกิจของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 ธ.ค.2555 นายกฯพร้อมคณะได้เดินทางไปที่ศาลากลางจังหวัดปัตตานีเพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่จาก พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 โดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าร่วมรับฟัง
ต่อมา นายกฯได้เดินทางต่อไปยังโรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี อ.เมือง จ.ปัตตานี เพื่อหารือกับสมาพันธ์ครูสามจังหวัดชายแดนภายใต้ โดยมี นายบูญสม ทองศรีพราย ประธานสมาพันธ์ฯ และแกนนำครูจำนวน 10 คนเข้าหารือ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าฟังเช่นกัน
หลังจากนั้น นายกฯได้พบปะกับสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีในพื้นที่ และประชุมร่วมกับคณะกรรมการพัฒนาบทบาทสตรี 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งกลุ่มพลังมวลชน จำนวนกว่า 1,000 คน ที่มารอต้อนรับ
นายกฯกล่าวบนเวทีตอนหนึ่งว่า กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีนั้น หากมองในมิติของผู้หญิง จะทำให้เกิดความเท่าเทียมกัน สิ่งไหนที่รัฐบาลช่วยได้รัฐบาลก็พร้อมเข้าไปดูแลเพื่อความมั่นคงและเท่าเทียม และจะก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยกัน ส่วนตัวเชื่อว่าผู้หญิงในพื้นที่สามจังหวัดมีความเข้มแข็งอยู่แล้ว แต่ไม่มีโอกาส มั่นใจว่ากองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจะเข้าไปเป็นตัวเสริมเพื่อการพัฒนาที่มั่นคงและยังยืน
ตั้งกรรมการดูแลมาตรการ รปภ.ครู
ภายหลังการประชุม นางสาวยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยครูว่า หลังจากนี้จะมีการทำงานอย่างเป็นระบบมากขึ้น จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุดเป็นชุดใหญ่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อดูแลในภาพรวม ส่วนการทำงานของระดับปฏิบัติจะมีการปรับรูปแบบให้บูรณาการและมีความร่วมมือระหว่างภาคประชาชน โรงเรียน ครู และฝ่ายความมั่นคง โดยจะมีการหารือกันอย่างเป็นรูปธรรมในวันศุกร์ที่ 14 ธ.ค. ทั้งสถานการณ์ระยะสั้นและระยะยาว
ส่วนอีกเรื่องคือสวัสดิการครูนั้น มองว่าปัญหาสำคัญที่สุดคือเรื่องจิตใจ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (เหตุการณ์ลอบสังหารครูอย่างต่อเนื่อง) ถือว่าเป็นคความสูญเสียที่ทุกคนสะเทือนใจมากที่สุด แต่ครูที่ชายแดนใต้มีสปิริตมาก คิดว่าในวันจันทร์ที่ 17 ธ.ค.นี้ โรงเรียนทุกแห่งในพื้นที่จะเปิดการเรียนการสอนตามปกติเหมือนเดิม
ภายหลังเสร็จภารกิจที่โรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี นายกรัฐมนตรีได้นั่งเฮลิคอปเตอร์ไปเป็นประธานเปิดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 418 ตอนใหม่ ช่วงสะพานข้ามอ่างเก็บน้ำบางลางในพื้นที่ อ.บันนังสตา และ อ.ธารโต จ.ยะลา ซึ่งทำให้ย่นระยะทางระหว่างยะลาถึง อ.เบตง ได้หลายสิบกิโลเมตร จากนั้นจึงเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร
โรงเรียนใน 4 อำเภอสงขลาแห่ปิดหลังเจอใบปลิวขู่
การเดินทางลงพื้นที่ชายแดนใต้ของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 ธ.ค.เป็นวันเดียวกับที่โรงเรียนกว่า 1,200 แห่งในพื้นที่ปิดการเรียนการสอนชั่วคราวตามมติสมาพันธ์ครูสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังเกิดเหตุคนร้ายบุกยิงครูเสียชีวิต 2 รายที่โรงเรียนบ้านบาโง ต.ปานัน อ.มายอ จ.ปัตตานี เมื่อวันอังคารที่ 11 ธ.ค.
อย่างไรก็ดี โรงเรียนในพื้นที่ไม่ได้ปิดเฉพาะแค่ในสามจังหวัดคือ จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เท่านั้น แต่ยังลามไปปิดถึงใน 4 อำเภอชายแดนของ จ.สงขลา คือ อ.จะนะ เทพา สะบ้านย้อย และนาทวี ซึ่งอยู่ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสงขลาเขต 3 ด้วย จำนวนทั้งสิ้น 125 โรง
สำหรับโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่สีแดง ซึ่งมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบ โดยเฉพาะ อ.สะบ้าย้อย จำนวน 31 โรง และ อ.เทพา จำนวน 20 โรงนั้น เจ้าหน้าที่ได้เพิ่มกำลังในการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเป็นพิเศษ เพราะล่าสุดในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนของ จ.สงขลา ได้มีกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบโปรยใบปลิวข่มขู่ครู โดยมีข้อความระบุว่า "สงครามยังไม่สงบอย่าเพิ่งนับศพครู" สร้างความหวาดผวาให้กับครูในพื้นที่เป็นอย่างมาก
ด้านการเสียชีวิตของ ครูตติยารัตน์ ช่วยแก้ว อายุ 51 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านบาโง อ.มายอ ที่ถูกยิงเสียชีวิตคาโรงอาหารในโรงเรียนเมื่อวันอังคารที่ 11 ธ.ค.นั้น ครอบครัวได้นำศพกลับไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดคูขุด อ.สทิงพระ จ.สงขลา ซึ่งเป็นบ้านเกิดแล้ว
ระทึกเรือเหาะดิ่งกระแทกพื้น จนท.เจ็บ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตลอดทั้งวันที่นายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้นำเรือเหาะตรวจการณ์ขึ้นบินเพื่อเฝ้าระวังเหตุร้าย ปรากฏว่าในช่วงบ่ายซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องนำเรือเหาะขึ้นบินอีก 1 รอบหลังเสร็จภารกิจในครึ่งวันเช้า ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้น เนื่องจากมีฝนตกและลมแรง
แหล่งข่าวซึ่งรับทราบเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ เล่าว่า เจ้าหน้าที่กำลังนำเรือเหาะขึ้นบิน สูงจากพื้นไม่กี่สิบเมตร แต่เมื่อเกิดลมกรรโชกแรง ทำให้เรือเหาระเสียการทรงตัว และตกลงมากระแทกพื้นบริเวณลานบิน ซึ่งขณะที่เรือเหาะดิ่งลงมานั้น เจ้าหน้าที่ประจำเรือเหาะทั้ง 4 นายได้กระโดดออกจากที่นั่งบนตัวบอลลูน ทำให้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ไม่มีการเปิดเผยถึงความเสียหายของเรือเหาะ
สำหรับเรือเหาะ หรือระบบเฝ้าตรวจการณ์ทางอากาศ กองทัพบก (ทบ.) ได้จัดซื้อมาตั้งแต่ปี 2552 โดยใช้งบประมาณจัดซื้อสูงถึง 350 ล้านบาท แต่กลับไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ท่ามกลางกระแสวิจารณ์และการเปิดโปงข้อมูลว่า เรือเหาะรุ่น "สกาย ดราก้อน" ที่ ทบ.จัดซื้อมานี้ อาจเป็นเรือเหาะมือสอง ไม่ได้สร้างขึ้นใหม่ จึงมีราคาสูงเกินไป ซ้ำยังไม่เหมาะกับปฏิบัติการในพื้นที่ชายแดนใต้ที่เต็มไปด้วยป่ารกทึบและฝนตกเกือบตลอดปี
ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เรือเหาะถูกนำขึ้นบินนับครั้งได้ และการทดลองบินแต่ละครั้งก็ไม่สามารถบินได้ตามสเปคที่ระบุในเอกสารการจัดซื้อ คือบินได้จริงต่ำกว่าสเปค ซ้ำยังประสบปัญหาผ้าใบบอลลูนรั่วซึม จนต้องของบประมาณซ่อมแซม กระทั่งเปลี่ยนผ้าใบผืนใหม่ การประสบอุบัติเหตุของเรือเหาะในครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก จึงเป็นประเด็นที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
ผู้สนใจสามารถติดตามอ่านเพิ่มเติมได้จาก "เจาะเส้นทางเรือเหาะฉาว" http://bit.ly/TXufG6 ซึ่งเป็นสกู๊ปพิเศษของทีมข่าวอิศรา
--------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทักทาย น.ส.คอลีเยาะ หะหลี แกนนำกลุ่มสตรีผู้สูญเสียจากเหตุการณ์กรือเซะ ขณะลงพื้นที่ จ.ปัตตานี โดยทั้งคู่เคยพบกันมาแล้วหลายครั้ง ทั้งที่ทำเนียบรัฐบาล และค่ายสิรินธร เมื่อครั้งนายกฯเดินทางลงพื้นที่ครั้งแรก
2 นายกฯประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่ศาลากลางจังหวัดปัตตานี บรรยากาศค่อนข้างเคร่งเครียด (ภาพโดย อับดุลเลาะ หวังหนิ)
3 เรือเหาะ "สกาย ดราก้อน" ของกองทัพบก ขณะนำขึ้นบินตรวจการณ์ (ภาพโดย สุเมธ ปานเพชร)