โผ ครม."ปู 3" ส่อไม่มีรองนายกฯความมั่นคง!
แง้มโผ ครม.ยิ่งลักษณ์ 3 "ยุทธศักดิ์" ส่อหลุดเก้าอี้ อาจไม่มีรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงดูแลปัญหาภาคใต้ เหตุ 3 รองนายกฯที่ตั้งเข้าไปใหม่ไม่เคยผ่านงานด้านนี้ แย้มนายกฯอาจคุมเอง เตรียมผุด "วอร์รูม" ในทำเนียบรัฐบาล ด้านสถานการณ์ชายแดนใต้คนร้ายยิงเอ็ม 79 หวังถล่มจุดตรวจที่ตากใบ แต่พลาดเป้า ปะทะเดือดที่บาเจาะ วิสามัญฯผู้ต้องหาคดีความมั่นคง ทลายฐานปฏิบัติการย่อย ชาวบ้านคึกรับรายอฮัจญี
หลังจาก นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ยอมรับเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 ต.ค.2555 ว่าได้ทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) "ยิ่งลักษณ์ 3" ที่มีการปรับเปลี่ยน 22 ตำแหน่งไปแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนรอโปรดเกล้าฯ นั้น
จากการตรวจสอบรายชื่อ ครม.ยิ่งลักษณ์ 3 มีประเด็นที่น่าสนใจคือ ครม.ชุดที่มีการปรับใหม่นี้อาจไม่มีรองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงโดยตรง เนื่องจากค่อนข้างชัดเจนว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลแก้ไขปัญหาภาคใต้ และเป็นประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กปต.) จะหลุดจากตำแหน่งและพ้นจาก ครม.
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งร่วมรับผิดชอบภารกิจดับไฟใต้ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ก็พ้นจากตำแหน่งไปก่อนแล้วจากการลาออกเพราะเสี่ยงต่อการขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี หลังถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดย้อนหลังสมัยยังเป็นข้าราชการระดับสูงกระทรวงมหาดไทย ในคดีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ซึ่งเป็นที่ธรณีสงฆ์
ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบรายชื่อบุคคลที่ได้รับการคาดหมายว่าจะเข้ามาดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีใหม่ใน ครม.ยิ่งลักษณ์ 3 ประกอบด้วย
- นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่ถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งจากคดียุบพรรคไทยรักไทย เป็นรองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
- นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เป็นรองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการการต่างประเทศ
- นายปลอดประสพ สุรัสวดี พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นรองนายกรัฐมนตรี
จะเห็นได้ว่าทั้ง 3 คนไม่มีใครเคยเกี่ยวข้องหรือมีประสบการณ์กับงานด้านความมั่นคงมาก่อน เช่นเดียวกับรองนายกรัฐมนตรีจาก ครม.ยิ่งลักษณ์ 1 และ 2 ที่ยังเหลืออีก 3 คน คือ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี
โดยในส่วนของ ร.ต.อ.เฉลิม นั้น แม้จะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ก็แสดงท่าทีชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับปัญหาภาคใต้เฉพาะในมิติของตำรวจ และไม่ยอมเดินทางลงพื้นที่อย่างเด็ดขาด
มีรายงานว่า นางสาวยิ่งลักษณ์อาจกำกับดูแลงานด้านความมั่นคงและปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยตัวเอง ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ ผอ.รมน. และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผอ.ศอ.บต.) โดยตำแหน่ง โดยจะขับเคลื่อนงานภายใต้กลไกปกติผ่านกฎหมายสำคัญ 2 ฉบับ คือ พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 (พ.ร.บ.ความมั่นคง) ที่กำหนดอำนาจหน้าที่ของ กอ.รมน. และพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 ที่กำหนดอำนาจหน้าที่ของ ศอ.บต. เพราะจนถึงขณะนี้นายกฯยังไม่ได้ลงนามในโครงสร้างศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศปก.กปต.ซึ่งเป็นโครงสร้างใหม่ในการขับเคลื่อนงานเพื่อบูรณาการการแก้ไขปัญหาของ 17 กระทรวง 66 หน่วยงานตามที่ กอ.รมน.เสนอแต่อย่างใด
มีรายงานด้วยว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ได้เตรียมเปิด "วอร์รูม" ด้านความมั่นคงขึ้นที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมอบหมายให้ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นแม่งาน ซึ่งวอร์รูมแห่งนี้จะรับผิดชอบมอนิเตอร์สถานการณ์จากจังหวัดชายแดนภาคใต้และเสนอแนะแนวทางจัดการปัญหาให้กับฝ่ายการเมืองด้วย
ยิงเอ็ม 79 หวังถล่มจุดตรวจที่ตากใบแต่พลาดเป้า
ด้านสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงครบรอบ 8 ปีตากใบ (24-25 ต.ค.2555) มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นบ้างประปราย โดยเมื่อค่ำวันพุธที่ 24 ต.ค.คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้เครื่องยิงลูกระเบิดแบบเอ็ม 79 ยิงระเบิด 2 ลูกซ้อนถล่มจุดตรวจไพรวัน ตั้งอยู่ริมถนนสายตากใบ-นราธิวาส ท้องทีบ้านศาลาเชือก หมู่ 6 ต.ศาลาใหม่ อ.ตากใบ แต่พลาดเป้า ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
วันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนลูกซองยิง นายวีระเดช เป็นสุข อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/1 หมู่ 10 ต.บาละ อ.กาบัง จ.ยะลา ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดขณะที่นายวีระเดชขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนสายบ้านมะเหร็ง-บ้านสองแยก หมู่ 10 ต.บาละ เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านหลังไปซื้อของที่ร้านค้า เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง
วันอังคารที่ 23 ต.ค.เวลา 15.20 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถกระบะเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายบือราหัม เง๊าะ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32/1 บ้านจาเราะแป หมู่ 3 ต.ธารโต อ.ธารโต จ.ยะลา เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดขณะที่นายบือราหัมกับพวกอีก 2 คนกำลังขนไม้ยางพาราลงจากรถกระบะบริเวณหน้าโรงงานรับซื้อไม้ยาง บ้านจาแบปะ หมู่ 4 ต.ระแว้ง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
วิสามัญฯผู้ต้องหาคดีความมั่นคง-ทลายฐานย่อยที่บาเจาะ
ด้านปฏิบัติการของฝ่ายความมั่นคง เมื่อวันพุธที่ 24 ต.ค.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 สนธิกำลังกับทหารหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 และตำรวจกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส (บก.ภ.จว.นราธิวาส) เข้าติดตามจับกุมบุคคลเป้าหมายในพื้นที่หมู่ 9 ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส และได้เกิดการยิงปะทะกับกลุ่มผู้ต้องสงสัยจำนวน 5 คนเป็นเวลาประมาณ 10 นาที
หลังเสียงปืนสงบ พบศพ นายมะยากี ตีเย๊าะ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 บ้านคลอเระ หมู่ 3 ต.บาเระใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส พร้อมยึดของกลางอาวุธปืนพกขนาด 11 มม.ที่ถูกปล้นจากค่ายกองพันพัฒนาที่ 4 อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 โดยจากการตรวจสอบประวัตินายมะยากี พบมีหมายจับในคดีความมั่นคง
ต่อมากำลังพลยังเข้าตรวจค้นบ้านต้องสงสัยไม่มีเลขที่ ตั้งอยู่หมู่ 2 ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ พบว่าบ้านถูกปรับสภาพเป็นฐานปฏิบัติการย่อย มีการวางจุดสังเกตการณ์โดยรอบเพื่อป้องกันการบุกรุกของเจ้าหน้าที่ และพบของกลางอาทิ เป้าสนาม เป้สะพาย เสื้อผ้า ถุงยังชีพ และอุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวนมาก คาดว่าการรวมตัวกันของกลุ่มผู้ต้องสงสัยเพื่อเตรียมก่อเหตุใหญ่ในวันครบรอบ 8 ปีตากใบ เพราะกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่หลบหนีไปได้คาดว่าเป็นผู้ต้องหาคดีความมั่นคงรายสำคัญ ทั้งมือระเบิดและบุคคลที่ร่วมปล้นอาวุธปืนจากค่ายกองพันพัฒนาที่ 4 เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังเชื่อว่ากลุ่มของนายมะยากีที่ถูกวิสามัญฆาตกรรม เกี่ยวข้องกับเหตุลอบวางระเบิดหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา เช่น เหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารชุดรักษาความปลอดภัยครู (รปภ.ครู) ภายในโรงเรียนบ้านบาตู อ.บาเจาะ เมื่อวันที่ 24 ก.ย. เหตุลอบวางระเบิดตลาดต้นไทร อ.บาเจาะ เมื่อวันที่ 28 ก.ย. และเหตุลอบวางระเบิดรถหุ้มเกราะ วี 150 ของหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน เมื่อวันที่ 21 ต.ค.เพราะยึดหลักฐานสำคัญคือโทรศัพท์มือถือที่บันทึกภาพเหตุลอบวางระเบิดรถหุ้มเกราะเอาไว้
ปูพรมปิดล้อมตรวจค้น-ตามรวบผู้ต้องสงสัยยิงตำรวจ
เมื่อเวลา 16.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 25 ต.ค.หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 23 ได้สนธิกำลังกับทหารพราน ตำรวจ สภ.เมืองปัตตานี และอาสารักษาดินแดน (อส.) เข้าปิดล้อมตรวจค้นห้องแถวเลขที่ 5/8 หมู่ 3 ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี หลังสืบทราบว่าอาจมีแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบเข้าไปหลบซ่อนตัว ผลของการปิดล้อมตรวจค้นสามารถควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัยได้ 1 ราย อายุประมาณ 40 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง โดยบุคคลต้องสงสัยรายนี้มีภูมิลำเนาอยู่ในท้องที่ ต.บานา
ช่วงเช้าวันเดียวกัน หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 25 รับมอบตัว นายอาดัม แวมูซอ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 บ้านโต๊ะซูด หมู่ 6 ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ซึ่งมีหมายจับในคดีความมั่นคง 2 หมาย ในข้อหาร่วมกันก่อการร้ายและฆ่าเจ้าพนักงาน โดยนายอาดัมตัดสินใจเข้ารายงานตัวตามนโยบาย “สานใจสู่สันติ”ของแม่ทัพภาคที่ 4
วันพุธที่ 24 ต.ค.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 ได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเป้าหมายในพื้นที่บ้านกะทอง หมู่ 5 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส พร้อมเชิญตัวผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับคดีลอบยิง ส.ต.อ.ธรรมรงค์ กองรัมย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 ต.ค.2555 ในท้องที่ ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส โดยผู้ต้องสงสัยรายนี้เกี่ยวโยงกับผู้ต้องสงสัยอีกรายที่ควบคุมตัวนายก่อนหน้านี้โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
ส่วนที่ อ.เมืองปัตตานี หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 23 สนธิกำลังกับตำรวจ สภ.เมืองปัตตานี และ อส.เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่บ้านกูวิง หมู่ 5 ต.บานา เพื่อจับกุมบุคคลเป้าหมาย และสามารถควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัยเอาไว้ได้ 3 ราย โดยหนึ่งในนั้นเป็นชาว ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา เป็นบุคคลตามหมายจับคดีความมั่นคง 2 หมาย
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันอังคารที่ 23 ต.ค.หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 25 ได้สนธิกำลังกับตำรวจ สภ.กะพ้อ จ.ปัตตานี เข้าตรวจค้นบ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 7 ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ และสามารถยึดยาบ้าได้จำนวนหนึ่ง พร้อมควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 5 ราย ทั้งหมดเป็นเยาวชน นอกจากนั้นยังได้ตวรจค้นบ้านอีกหลังหนึ่งในหมู่บ้านเดียวกัน สามารถยึดอาวุธปืนและเครื่องกระสุนได้ถึง 9 รายการ
ชายแดนใต้คึกรับรายอฮัจญ์
สำหรับบรรยากาศในพื้นที่ชายแดนใต้ช่วงนี้คึกคักเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นช่วงเข้าสู่วันตรุษอิดิ้ลอัฎฮา หรือรายอฮัจญ์ ประจำปี 2555 ในศุกร์ที่ 26 ต.ค.ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองให้กับมุสลิมที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่นครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยมีกำหนดพร้อมกันทั่วโลก ซึ่งในปีนี้วันรายอฮัจญ์ยังตรงกับวันศุกร์อันเป็นวันละหมาดใหญ่ของมุสลิมอยู่แล้วด้วย
ตลอด 1-2 วันที่ผ่านมา (24-25 ต.ค.) พี่น้องมุสลิมชายแดนใต้ได้พากันออกไปจับจ่ายซื้อของเพื่อเตรียมทำอาหาร และทำพิธีกุรบ่าน (เชือดสัตว์พลี) แบ่งให้กับเพื่อนบ้าน ผู้ยากไร้ และเด็กกำพร้า ตามคติความเชื่อของอิสลาม
การกุรบ่าน หมายถึง การเข้าใกล้ต่ออัลลอฮ์ด้วยการเชือดสัตว์ (อูฐ วัว ควาย แพะ แกะ แต่ประเทศไทยนิยมเชือดวัว) พลีต่อพระองค์ในวันอีดิ้ลอัฎฮา อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าปีนี้มีปริมาณการซื้อวัวเพื่อทำกุรบ่านน้อยลง เนื่องจากวัวมีราคาสูงขึ้น แต่ราคายางพาราตกต่ำ ทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง โดยราคาวัวอยู่ที่ตัวละ 25,000-28,000 บาท สูงกว่าปีที่ผ่านมาถึงตัวละ 4,000–5,000 บาท
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงที่ส่อพ้น ครม.
2 พี่น้องมุสลิมจ่ายตลาดซื้อของเตรียมต้อนรับรายอฮัจญี (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)