“ประเสริฐ”ขอความเป็นธรรมคสช.ยันไม่เคยทุจริตหลังถูกม.44สั่งพักงาน
“…กรณีนี้ จึงไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือปลอมแปลงเอกสาร หรือประพฤติมิชอบที่ทำให้เสียหายแก่ทางราชการหรือทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ไม่มีการกระทำเป็นขบวนการ หรือเป็นการตรวจสอบที่ใช้เวลานานแต่ประการใด หากแต่เลขาธิการ กสทช. ลังเลในการสั่งการเอง เนื่องจากไม่มั่นใจในกระบวนการสอบสวนทางวินัยที่ไม่ครบถ้วน…”
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org : เป็นคำชี้แจงและขอความเป็นธรรมของนายประเสริฐ อภิปุญญา กรรมการติดตามและประเมินการปฏิบัติงานของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการวิทยุและโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กรณีถูกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 16/2558 สั่งให้ระงับการปฏิบัติราชการ
----
ขอชี้แจงและขอความเป็นธรรมต่อกรณีคำสั่ง คสช. ที่ 16/2558 ที่สั่งการให้ระงับการปฏิบัติราชการในตำแหน่งกรรมการตป.การชั่วคราว โดยกล่าวหาว่า การทุจริตและปลอมแปลงเอกสารนั้น ขอชี้แจงว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าว เป็นการเข้าใจผิดและข้อมูลคลาดเคลื่อน
โดยข้อกล่าวหากรณีการสอบสวนทางวินัยและการปลอมแปลงเอกสารเกี่ยวกับการเบิกจ่ายโบนัสให้กับพนักงานและผู้ปฏิบัติงานของสำนักงาน กสทช. ในขณะที่ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการฯ รักษาการผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรบุคคลนั้น เป็นการดำเนินการภายใต้คำสั่งของ ศ.ดร.ประสิทธิ์ ประพิณมงคลการ ปฏิบัติหน้าที่ประธาน กสทช. ในสมัยนั้น ซึ่งเป็นการสั่งการให้เสนอขออนุมัติหลักการให้กับพนักงานและผู้ปฏิบัติงานทั้งสำนักงาน รวม 831 คน และการสั่งการในวันนั้น รักษาการเลขาธิการ ได้แก่ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ นายทศพร เกตุอดิศร นายพิทยาพล จันทนสาโร รักษาการตามระเบียบไม่ได้อยู่ในสำนักงานกสทช. ทำให้ต้องเสนอเรื่องให้ ศ.ดร.ประสิทธิ์ เป็นผู้ลงนาม เนื่องจากเป็นเรื่องของส่วนรวม มิใช่เป็นเรื่องของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด
นอกจากนี้ประธานได้รับทราบรายละเอียดและเป็นผู้วินิจฉัยตามอำนาจให้ความเห็นชอบให้จ่ายได้ โดยนายประเสริฐฯ มีหน้าที่เป็นเพียงผู้รวบรวมข้อมูลนำเสนอตามคำสั่งเพื่อการวินิจฉัยสั่งการ เมื่อประธานวินิจฉัยการเบิกจ่ายตามระเบียบ ซึ่งรวมพนักงานของสำนักงาน กสทช. ที่ลาศึกษาต่อภายในประเทศจำนวน 2 ราย ที่คณะกรรมการสั่งการให้มาปฏิบัติงานเป็นคณะกรรมการเพื่อขับเคลื่อนการประมูลคลื่นความถี่ 2100MHz และรองเลขาธิการฯอีกคนหนึ่ง (นายทศพรฯ) เป็นผู้สั่งจ่าย
ส่วนประเด็นปัญหาเป็นเรื่องของการดำเนินการตามคำสั่งของประธาน กทช. เกี่ยวกับการนำเสนอเอกสารและการตีความคุณสมบัติอันเป็นอำนาจของคณะกรรมการและประธาน กทช. และต่อมาพนักงานทั้งสองรายได้แสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการคืนเงินดังกล่าวแล้ว
กรณีนี้ จึงไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือปลอมแปลงเอกสาร หรือประพฤติมิชอบที่ทำให้เสียหายแก่ทางราชการหรือทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ไม่มีการกระทำเป็นขบวนการ หรือเป็นการตรวจสอบที่ใช้เวลานานแต่ประการใด หากแต่เลขาธิการ กสทช. ลังเลในการสั่งการเอง เนื่องจากไม่มั่นใจในกระบวนการสอบสวนทางวินัยที่ไม่ครบถ้วน
กล่าวคือ ไม่มีการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด หากแต่เป็นการสอบที่มุ่งเน้นนายประเสริฐฯ แต่เพียงผู้เดียว มีการปรับเปลี่ยนองค์ประกอบของคณะกรรมการหลายครั้ง และไม่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาแก้ข้อกล่าวหา ไม่มีการนำความเห็นของประธาน กทช. ปฏิบัติหน้าที่ประธาน กสทช. มาประกอบการพิจารณาสอบข้อเท็จจริง ทั้งที่การกำหนดกฎเกณฑ์และการวินิจฉัยปัญหาเป็นอำนาจของคณะกรรมการ กทช. รวมทั้งมีการดึงเวลาดำเนินการให้ล่าช้ายาวนานกว่า 3 ปี
ยืนยันว่าประเด็นการสอบวินัยที่ถูกส่งให้ คสช. เป็นเรื่องเกิดขึ้นเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการฯ ในปี พ.ศ.2555 เป็นเรื่องการวินิจฉัยคุณสมบัติของพนักงานจำนวนเพียง 2 ราย ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือประพฤติมิชอบที่ทำให้เสียหายแก่ทางราชการหรือทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
ไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการที่มีอุปสรรคการตรวจสอบที่ใช้เวลา รวมทั้งตำแหน่งกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน กสทช. ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ ไม่มีอำนาจในการให้คุณให้โทษ เกี่ยวข้องกับการบริหารหรือสั่งการใช้อำนาจของรัฐแต่ประการใด
ดังนั้น การนำเสนอข้อมูลดังกล่าวอาจมีมูลเหตุจูงใจมาจากความขัดแย้งในการปฏิบัติงานภายในระหว่างนายประเสริฐฯ และนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. พร้อมทั้งยืนยันว่าการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานฯ เป็นการสนับสนุนและเพิ่มความเข้มแข็งต่อกระบวนการตรวจสอบ กสทช. และเลขาธิการ กสทช. ที่รับผิดชอบงบประมาณที่สูงกว่า 5,000 ล้านบาท
รวมทั้งตลอดระยะเวลาการปฏิบัติงานในหน้าที่ข้าราชการและพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐตลอดเวลา 29 ปีที่ผ่านมา ได้ยืนหยัดปฏิบัติหน้าที่ด้วยความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ในฐานะข้าราชการที่ดีของแผ่นดิน และปฏิเสธพฤติกรรมการทุจริตมิชอบทุกรูปแบบ
อ่านประกอบ :ชำแหละ 45 'บิ๊ก ขรก.-นักการเมืองท้องถิ่น'พันคดีฉาว ชนวน ม.44 'บิ๊กตู่'