เปิดผลสอบปมมรภ.พระนคร เช่าที่ดินวัดพระศรีฯ ฉบับ‘มีชัย' กำชับอธิการฯต่อไปทำให้ถูกต้อง

เขียนวันที่

วันศุกร์ ที่ 01 กรกฎาคม 2559 เวลา 07:30 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

รายงาน-สกู๊ป | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

"..เป็นความจริงที่ไม่ได้มีการจัดทำรายงานการขอเช่าที่ดินมาก่อน เหตุที่มิได้ทำ เพราะเป็นการเช่าที่ต่อเนื่องกันมายาวนาน สัญญาเช่าฉบับแรก นั้น ทำขึ้นเมื่อ 1 เม.ย. 2538 โดย กรมการฝึกหัดครู เป็นผู้ดำเนินการจัดทำสัญญาเช่า แล้วมอบให้มหาวิทยาลัยดำเนินการเบิกจ่าย ต่อมา ก็มีการทำสัญญา 1 ปีบ้าง 3 ปีบ้าง มาจนถึงสัญญาปัจจุบัน ก็มิเคยทำรายงานการขอเช่าที่ดิน .."

300659 pnru 00

กรณีปมปัญหาที่เกิดขึ้นภายในรั้วมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร (มรภ.พระนคร) หลายกรณี นับจากวันที่ 11 ธ.ค. 2558 ที่ทางสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ทำหนังสือถึง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ‘ให้ดำเนินการตามควรแก่กรณี’ กับ ผู้บริหารมรภ.พระนคร และแจ้งผลการดำเนินการดำเนินการไปยัง สตง. ภายใน 60 วัน โดยในวันที่ 22 ธ.ค. 2558 เลขา ฯ กกอ. ได้ส่งเรื่องให้นายกสภา มรภ.พระนคร (นายมีชัย ฤชุพันธุ์) ดำเนินการต่อ ทว่า ยังคงค้างอยู่ในสภา ฯ (อ่านประกอบ : หนังสือเลขาฯกกอ.จัดการ‘อธิการ มรภ.พระนคร’ -วัดใจ ‘มีชัย-ดาว์พงษ์’ กู้ ‘ธรรมาภิบาล’ ?)

กระทั่ง 17 มิ.ย. 2559 ดร.พิชัย สิริรัตนพลกุล อาจารย์ประจำคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มรภ.พระนคร พร้อมด้วย นักศึกษาจำนวนหนึ่ง เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ นายกสภามหาวิทยาลัย ฯ เพื่อขอให้ตรวจสอบการบริหารงานของ รศ.ดร.พงศ์ หรดาล อธิการบดี มรภ.พระนคร โดยเฉพาะ ในส่วนของการจัดซื้อจัดจ้างที่มีวงเงินมากกว่า 1 ล้านบาท โดยมี ดร.ถนอม อินทรกำเนิด อุปนายกสภา ฯ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกสภา ฯ รับยื่นหนังสือดังกล่าวไว้ พร้อมระบุจะนำเรื่องดังกล่าวไปดำเนินการขยายผลต่อไป (อ่านประกอบ : ปัญหาใต้'พรม'ใน มรภ.พระนคร! ล่าสุด 'ดร.พิชัย'พานักศึกษายื่น'มีชัย'ขอความเป็นธรรม)

ล่าสุด สภามรภ.พระนคร โดย นายมีชัย ฤชุพันธ์ นายกสภาฯ ได้ทำหนังสือถึง เลขาฯ กกอ. เรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ของอธิการบดี มรภ.พระนคร ถึงเลขา ฯ คณะกรรมการการอุุดมศึกษา (กกอ.) เมื่อ 8 มี.ค. 2559 สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลมานำเสนอ ณ ที่นี้

โดยระบุสาระสำคัญ ว่า บัดนี้ คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้รายงานการสอบข้อเท็จจริงให้สภามหาวิทยาลัย ฯ ทราบ กรณีการเช่าที่ดินของมหาวิทยาลัย ฯ กับวัดพระศรีมหาธาตุ ฯ ในการประชุมสภา ฯ ครั้งที่ 2/2559 แล้ว เมื่อ 19 ก.พ. 2559 ตามประเด็นที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) แจ้งมายังสภามหาวิทยาลัย ดังนี้

ประเด็นที่ 1 การดำเนินการเช่าที่ดิน ตามสัญญาเช่า ที่ 15/2556 ลงวันที่ 1 ต.ค. 2556 โดยไม่มีการทำรายงานขอเช่าที่ดิน เป็นการดำเนินการไม่เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง รายงานว่า ในการจัดทำสัญญาเช่า ไม่มีการดำเนินการจัดทำรายงานขอเช่าที่ดินตามลำดับขั้นตอน เป็นไปตามที่ สตง. วินิจฉัย

ในประเด็นนี้ มหาวิทยาลัยชี้แจงว่า เป็นความจริงที่ไม่ได้มีการจัดทำรายงานการขอเช่าที่ดินมาก่อน เหตุที่มิได้ทำ เพราะเป็นการเช่าที่ต่อเนื่องกันมายาวนาน สัญญาเช่าฉบับแรก นั้น ทำขึ้นเมื่อ 1 เม.ย. 2538 โดย กรมการฝึกหัดครู เป็นผู้ดำเนินการจัดทำสัญญาเช่า แล้วมอบให้มหาวิทยาลัยดำเนินการเบิกจ่าย ต่อมา ก็มีการทำสัญญา 1 ปีบ้าง 3 ปีบ้าง มาจนถึงสัญญาปัจจุบัน ก็มิเคยทำรายงานการขอเช่าที่ดิน

กรณีการใช้ที่ดินวัดพระศรีมหาธาตุ ฯ นี้ มีประวัติความเป็นมาในอดีต ตั้งแต่ปี 2499 มรภ.พระนคร ซึ่งเป็น 'โรงเรียนการฝึกหัดครูพระนคร' ในสมัยนั้น ได้ย้ายจากบริเวณหลังวังจันทรเกษม ซึ่งเป็นที่ตั้งของคุรุสภาในปัจจุบัน มาตั้งอยู่ ณ บริเวณที่ว่างเปล่าของวัดพระศรีมหาธาตุ ฯ ต่อมา ได้ยกฐานะขึ้นเป็น 'วิทยาลัยครูพระนคร' ตามลำดับ กรมการศาสนาได้ของบ ฯ เหลือจ่ายจัดสรรเป็นค่าบำรุงรักษาความสะอาดให้แก่ วัด ปีละ 33,000 บาท

ต่อมา ได้มอบให้ กรมการฝึกหัดครู ซึ่งเป็นผู้ใช้ประโยชน์จากที่ดินที่วิทยาลัยครูพระนครตั้งอยู่เป็นผู้ดำเนินการ แต่กรมการฝึกหัดไม่ได้จ่ายอย่างต่อเนื่อง จนวัดฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายต่อศาลแพ่ง ในที่สุด ศาลมีคำสั่งให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และ กรมการฝึกหัดครู ร่วมกันชำระค่าเสียหายให้วัดพระศรี ฯ เดือนละ 33,000 บาท จนกว่าจะออกจากที่ดินของวัด ศาลมีคำสั่งตั้งแต่ พ.ศ. 2528 และกรมการฝึกหัดครูได้จัดสรรงบประมาณชำระให้วัดตลอดมา

จนกระทั่ง วันที่ 31 มี.ค. 2538 ศธ. และกรมการฝึกหัดครู มีนโยบายให้วิทยาลัยครูมีที่ตั้งถาวร จึงปรับเปลี่ยนเป็น 'สัญญาเช่า' ระหว่าง 'วัด' ซึ่งเป็น 'ผู้ให้เช่า' กับ 'กรมการฝึกหัดครู' ซึ่งเป็น 'ผู้เช่า' โดยอาศัยฐานอัตราที่ศาลสั่ง เป็นค่าเช่าในอัตราเบื้องต้น และได้ปรับปรุงอัตราค่าเช่าหลายครั้ง เรื่อยมาจนเป็นเดือนละ 261,360 บาท ในปัจจุบัน และจะมีอัตราก้าวหน้าต่อไปอีก ซึ่งจะเป็นภาระอย่างมากในอนาคตของมหาวิทยาลัย ในการจัดทำสัญญาแต่เดิม นั้น กรมการฝึกหัดครู จะเป็นผู้ดำเนินการเองทั้งสิ้น เมื่อทำสัญญาแล้ว จึงส่งเอกสารสัญญามาให้มหาวิทยาลัยเป็นผู้เบิกจ่ายค่าเช่าให้แก่วัด

ต่อมา เมื่อมหาวิทยาลัยเป็นผู้จัดทำสัญญาเช่าเอง จึงดำเนินการโดยมิได้ทำรายงานการขอเช่า ซึ่งเป็นการเข้าใจโดยสุจริตว่า การต่อสัญญาเช่าต่อเนื่องเป็นไปโดยชอบ และประกอบกับในปี 2554-2556 เกิดกรณีที่มหาวิทยาลัยมิได้จ่ายค่าเช่าที่ดินให้แก่วัด เนื่องจากมีการขึ้นอัตราค่าเช่า วัดจึงฟ้องมหาวิทยาลัยต่อศาลแพ่ง กรณีมิได้จ่ายค่าเช่าที่ดิน

ต่อมา ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของศาลแพ่งได้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท โดย วัดยินยอมถอนฟ้อง จึงทำให้มหาวิทยาลัยอยู่ในฐานะจำยอม และมีความจำเป็นต้องเร่งทำสัญญาโดยเร็ว เพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อมหาวิทยาลัย

ประเด็นที่ 2 การทำสัญญาเช่าที่ดิน มีการนำที่ดินราชพัสดุ เนื้อที่ 34 ไร่ 15 ตารางวา รวมอยู่ในสัญญาเช่าด้วย เป็นการดำเนินการไม่เป็นไปตามกฎกระทรวง ว่าด้วย หลักเกณฑ์และวิธีการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้ และจัดหาประโยชน์เกี่ยวกับที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2545 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง รายงานว่า การทำสัญญาเช่า โดยมีเนื้อที่ที่ดินเพิ่มเติมจากเดิมประมาณ 137 ไร่ เป็นประมาณ 162 ไร่ นั้น มีที่ราชพัสดุ เนื้อที่ 34 ไร่ 15 ตารางวา รวมอยู่ในสัญญาเช่าจริง ตามที่ สตง. วินิจฉัย

มหาวิทยาลัย ชี้แจงว่า กรณีที่สัญญาเช่าที่อ้างถึง ปรากฏเลขที่โฉนดที่เป็นที่ราชพัสดุอยู่ด้วย นั้น กรณีนี้ทางวัดเป็นผู้จัดทำร่างสัญญาเช่า ก่อนลงนามในสัญญาเช่า มหาวิทยาลัยก็ได้ทักท้วงวัดไปแล้วว่า มีที่ราชพัสดุอยู่ด้วย วัดจึงเพิ่มข้อความว่า "ถ้ามีข้อผิดพลาดในสัญญาเช่าเรื่องเขตที่ดิน ก็สามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้"

มหาวิทยาลัยจึงได้ลงนามไปด้วยเหตุผล 3 ประการ คือ 1.การเพิ่มเนื้อที่ไม่ได้เป็นการเพิ่มค่าเช่า เพราะกำหนดเป็นค่าเช่ายกแปลง ค่าเช่าก็ยังคงเท่าเดิม

2.เพื่อให้สามารถใช้สัญญาเป็นเอกสารเบิกจ่ายค่าเช่าได้ตามเวลา มิฉะนั้น อาจเป็นเหตุให้วัดฟ้องขับไล่ได้ ดังที่ได้เคยฟ้องร้องมาแล้ว และเมื่ออธิการบดีคนปัจจุบันมารับตำแหน่ง ก็ได้มาแก้ปัญหาจนเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยของศาลแพ่ง จนกระทั่ง วัดถอนฟ้อง โดยมอบให้กองคลังชำระค่าเช่าที่ดินที่ติดค้างตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554-2556 เป็นเงิน 4,775,760 บาท ซึ่งถ้ายังคงไม่ใช้งบประมาณเพื่อจ่ายค่าเช่า งบประมาณส่วนนี้ต้องส่งคืนกระทรวงการคลัง

นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าทนายความ ค่าฤชาศาล มหาวิทยาลัยไม่มีงบ ฯ ในส่วนนี้ จึงได้จัดทอดผ้าป่า และมอบเงินจากการทอดผ้าป่าให้วัดไปทั้งหมดเป็นเงินประมาณ 9 แสนบาท รวมเงินที่จ่ายให้วัด ทั้งค่าเช่าที่ดิน และอื่่น ๆ เป็นเงิน 5 ล้านบาทเศษ

และ 3.ในระหว่างที่มหาวิทยาลัยรอการตรวจสอบรังวัดที่ดินจากกรมธนารักษ์ หากกลการตรวจสอบเป็นไปตามที่มหาวิทยาลัยแจ้งแก่วัด มหาวิทยาลัยก็จะได้ใช้เป็นหลักฐานการขอแก้ไขสัญญาได้ โดยไม่เกิดความเสียหายใด ๆ แก่มหาวิทยาลัย

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กรมธนารักษ์แจ้งผลการรังวัดที่ดิน และแจ้งให้มหาวิทยาลัยทราบว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ราชพัสดุ มหาวิทยาลัยได้แจ้งให้วัดทราบ และขอให้ตรวจสอบ ทางวัดก็ยังยืนยันว่า เนื้อที่ดินตามสัญญาเช่าถูกต้องแล้ว และหลังจากนั้นก็ยังมีหนังสือมายังมหาวิทยาลัยเพื่อขอสงวนพื้นที่ เพื่อสร้างโรงเรียนปริยัติธรรมอีก

สภามหาวิทยาลัยจึงต้องเเต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางและรูปแบบการใช้ที่ดินวัดพระศรีมหาธาตุ ฯ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาคมของ มรภ.พระนคร ให้มีความเข้าใจตรงกันว่า ขณะนี้ มหาวิทยาลัยกำลังเผชิญปัญหาการใช้ที่ดินของวัดอย่างไร และให้ศึกษาข้อมูลเพื่อหาแนวทางและรูปแบบวิธีการ การใช้ที่ดินวัดพระศรีมหาธาตุ ฯ ซึ่งกรณีการเช่าที่ดินนี้ สภามหาวิทยาลัย ให้ข้อสังเกตว่า คงจะเป็นปัญหาที่ไม่สิ้นสุดและคงต้องใช้วิธีการประนีประนอม เพื่อให้มหาวิทยาลัยยังคงอยู่ในพื้นที่นี้ได้ และปัญหานี้จะเป็นสิ่งที่มหาวิทยาลัยต้องเผชิญในอนาคตอันใกล้เเล้ว เนื่องจากกำลังจะครบกำหนดการต่อสัญญาในวันที่ 30 ก.ย. 2559 นี้

ทั้งนี้ คณะกรรมการศึกษาแนวทางและรูปแบบวิธีการการใช้ที่ดินวัดพระศรีมหาธาตุ ฯ ได้ประชุมหารือและเห็นพ้องกันว่า ต่อไปจะเชิญผู้แทนกรมธนารักษ์ วัดพระศรีมหาธาตุ ฯ สำนักงานพระพุทธศาสนา สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำนักงบประมาณ มาช่วยกันแก้ปัญหาเรื่องนี้

นอกจากนี้ อธิการบดี ยังได้ขอพบและหารือกับทางวัด และเมื่อ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยได้ไปขอพบเจ้าอาวาสวัดพระศรีมหาธาตุ ฯ เพื่อหารือเรื่องที่วัดขอสงวนสิทธิ์การใช้พื้นที่อาคาร 9 และอาคาร 18 เพื่อสร้างโรงเรียนปริยัติธรรม ขณะนี้ วัดได้มีหนังสือแจ้งมาแล้วว่า จะชะลอการดำเนินการกรณีดังกล่าว

ดังนั้น จากรายงานการสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงตามคำชี้แจงของมหาวิทยาลัย และตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในกรณีปัญหาการใช้ที่ดินวัดพระศรีมหาธาตุ ฯ สภามหาวิทยาลัย จึงพิจารณาดำเนินการตามที่ สตง. และ กกอ. ขอให้สภา ฯ พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ โดยกำชับให้อธิการบดีมีความระมัดระวัง ดำเนินการด้วยความรอบคอบในการจัดทำสัญญาเช่าที่ดินกับวัดพระศรีมหาธาตุ ฯ ครั้งต่อไปให้ถูกต้องตามระเบียบกระทรวงการคลัง

แต่เนื่องจาก ระเบียบกระทรวงการคลังไม่เอื้อต่อการปฏิบัติ เพราะจะเป็นปัญหาต่อ มหาวิทยาลัยได้ในอนาคต โดยเฉพาะรายงานการขอเช่าที่ดินที่มีข้อกำหนดให้ต้องมีการสอบถามอัตราค่าเช่าที่ดินของพื้นที่ใกล้เคียง จึงมอบหมายให้มหาวิทยาลัยไปปรึกษากับกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ว่า ในการดำเนินการ เรื่อง เช่าที่ดินกับวัดพระศรีมหาธาตุ ฯ มหาวิทยาลัยยังจะต้องมีการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุเพียงใด

โดยเฉพาะที่จะต้องจัดทำรายงานหัวหน้าส่วนราชการถึงเหตุผลความจำเป็น ราคาที่ผู้ให้เช่าเสนอ รายละเอียดของที่ดิน และอัตราค่าเช่าของพื้นที่ใกล้เคียง เนื่องจาก สัญญาเช่าที่ดินนี้ได้กระทำมาเเล้วอย่างต่อเนื่อง หากมีการเปรียบเทียบอัตราค่าเช่าของพื้นที่ใกล้เคียงก็จะทำให้มหาวิทยาลัยอาจต้องจ่ายค่าเช่าในราคาที่สูงมาก และจะได้รับความลำบากในการเช่าที่ดินของวัดพระศรีมหาธาตุ ฯ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการได้

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ นายกสภามหาวิทยาลัยราภัฏพระนคร พร้อมลงลายมือชื่อกำกับ

ทั้งหมด คือ ข้อมูลโดยละเอียดที่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ นายกสภา มรภ.พระนคร ส่งชี้เเจงถึงเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กรณีการเช่าที่ดินวัดพระศรีมหาธาตุ ฯ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

300659 pnru 01