มีประเด็นใหม่! ป.ป.ช.สั่งสอบเพิ่มปมราชภักดิ์-รวมข้อมูลกล่าวหา‘บิ๊กโด่ง’

ป.ป.ช. เจอประเด็นใหม่! สั่งสอบเพิ่ม 2-3 อย่างปมสร้างราชภักดิ์ ยันแสวงหาข้อเท็จจริงตามข้อกล่าวหา ‘บิ๊กโด่ง-บิ๊กบี้’ – ศาลปกครองสูงสุดรับพิจารณาคดีปัญหาจำกัดอำนาจ ป.ป.ช. แล้ว

นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีสำนักงาน ป.ป.ช.ดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริง กรณีการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า ขณะนี้ได้ข้อมูลจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงกลาโหมแล้ว พบว่า มีข้อมูลบางส่วนตรงกัน แต่ก็มีข้อมูลบางส่วนที่ 2 หน่วยงานดังกล่าวยังไม่ได้ตรวจสอบ ซึ่งเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. ที่จะต้องไปดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม โดยมีประเด็นใหม่อยู่ 2-3 ประเด็น แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าเป็นประเด็นอะไรบ้าง เพราะอยู่ระหว่างคณะทำงานของ ป.ป.ช. รวบรวม

นายสรรเสริญ กล่าวอีกว่า ประเด็นหลักที่ ป.ป.ช. จะดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงคือข้อร้องเรียนที่นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ยื่นเรื่องกล่าวหา พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. และ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม กรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากการก่อสร้างดังกล่าวอาจมีการหักหัวคิว 10% จากเซียนพระ อ. นอกจากนี้ยังปรากฏว่า พล.ต.สุชาติ พรหมใหม่ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก และ พ.อ.คชาชาติ บุญดี อดีตนายทหารฝ่ายเสนาธิการ ประจำกองทัพภาคที่ 3 (นายทหารคนสนิทของ พล.อ.อุดมเดช ปัจจุบันถูกถอดยศ-เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์แล้ว) อาจมีส่วนร่วมในการทุจริตเกี่ยวกับการจัดสร้างอุทยานดังกล่าว ซึ่งข้อมูลในส่วนนี้สำนักงาน ป.ป.ช. กำลังรวบรวมข้อมูลอยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 23 มี.ค. 2559 ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ที่มี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธาน ศอตช. จะเปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์โดยมีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และ สตง. ร่วมด้วย

(อ่านประกอบ : ‘วีระ’ยื่น ป.ป.ช.สอบ‘อุดมเดช-ศิริชัย’ ปมก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์)

@ศาลปกครองสูงสุดรับพิจารณาคดีปัญหาลดอำนาจ ป.ป.ช. แล้ว

นายสรรเสริญ กล่าวถึงกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำตัดสินคดีหนึ่งซึ่งวินิจฉัยว่า ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจพิจารณาคดีฐานทำราชการเสียหาย และประพฤติชั่วร้ายแรง ว่า ภายหลังที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติส่งเรื่องให้คณะรัฐมนตรีเพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติส่งเรื่องให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาคดีดังกล่าวใหม่อีกครั้ง ล่าสุดทราบมาว่า ศาลปกครองสูงสุดได้รับคำร้องของทาง ป.ป.ช. ที่ขอให้พิจารณาคดีดังกล่าวใหม่แล้ว ส่วนกรณีที่ส่งเรื่องขอให้รัฐบาลส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความนั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย ได้เรียกตัวแทนของ ป.ป.ช. ไปหารือแล้วหลายครั้ง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ และเมื่อใด

“ระหว่างนี้ ป.ป.ช. ก็ยังไต่สวนและชี้มูลความผิดทางวินัยได้อยู่ ไม่ว่าจะฐานใดก็ตาม ไม่ใช่เฉพาะทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการเท่านั้น เพราะกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. หากไม่ปฏิบัติตามก็อาจมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้ ส่วนข้าราชการรายใดที่ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทางวินัยฐานอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ฐานทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หากไม่เห็นด้วยให้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) หรือยื่นฟ้องต่อศาลปกครองได้ ” นายสรรเสริญ กล่าว

อ่านประกอบ :

ป.ป.ช.ค้านศาล ปค.! ยันมีอำนาจฟันผิดฐานทำราชการเสียหาย-ชงศาล รธน.ชี้ขาด

ป.ป.ช.ถกปมศาล ปค.ชี้ไร้อำนาจฟันผิดคนทำราชการเสียหาย-ประพฤติชั่วร้ายแรง