ป.ป.ช.เชือดล็อตแรกคดีข้าวจีทูจี"บุญทรง-ภูมิ"ไม่รอด-ฟ้องแพ่ง 6 แสนล้าน
ลงมติทางการแล้ว! ป.ป.ช. เชือด"บุญทรง" พร้อมพวกรวม 21 ราย "ภูมิ-วีระวุฒิ-คนสยามอินฯ-สิราลัย" ไม่รอด โดนฟ้องแพ่ง 6 แสนล้านบาท แจ้งสรรพากรสอบธุรกรรมการเงิน คดีระบายข้าวจีทูจีเก๊ร่อนรายงานให้ "บิ๊กตู่" ทราบด้วย
จากกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีนัดหมายประชุมชี้มูลความผิด นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ และพวกรวม 11 ราย สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ในช่วงสายวันที่ 20 ม.ค.2558 ที่ผ่านมา
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวระดับสูงในสำนักงาน ป.ป.ช. ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ มีมติเห็นชอบให้ชี้มูลความผิดกับนายบุญทรง พร้อมพวกทั้งหมด ในคดีทุจริตระบายข้าวจีทูจีแล้ว
ล่าสุด คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว มีมติว่า ผู้ถูกกล่าวหารวม 21 ราย แบ่งเป็น ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 3 ราย คือ นายบุญทรง นายภูมิ และ พ.ต.วีระวุฒิ วัจจนะพุกกะ เลขานุการนายบุญทรง ข้าราชการระดับสูง 3 ราย คือ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรม และอดีต ผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ
เอกชนอีก 13 ราย คือ นายสมคิด เอื้อนสุภา นายรัฐนิธ โสจิระกุล นายลิตร พอใจ ผู้รับมอบอำนาจชำระเงินและผู้รับมอบอำนาจรับมอบข้าว น.ส.รัตนา แซ่เฮง กรรมการบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด น.ส.สุธิดา จันทะเอ กรรมการบริษัท สยามอินดิก้าฯ น.ส.เรืองวัน เลิศศลารักษ์ กรรมการบริษัท สยามอินดิก้าฯ และในฐานะส่วนตัว นายโจ หรือนิมล รักดี นายสุธี เชื่อมไธสง น.ส.สุนีย์ จันทร์สกุลพร นายกฤษณะ สุระมนต์ นายสมยศ คุณจักร น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร กรรมการบริษัท สิราลัย จำกัด และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร
รวมถึงบริษัท 2 แห่ง คือ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และบริษัท สิราลัย จำกัด หรือบริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
ได้ร่วมกันกระทำความผิด ด้วยการแบ่งหน้าที่กันทำงาน โดยช่วยเหลือ มุ่งหมาย เอื้อประโยชน์ให้กับ Guangdong (กวางตุ้ง) stationery & sporting goods imp. & exp. Corp. และ Hainan (ไห่หนาน) grain and oil industrial trading company ซึ่งมิได้รับมอบหมายจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนให้เข้ามาทำสัญญาซื้อขาย แต่ให้มีสิทธิเข้าทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ โดยไม่ต้องแข่งขันราคากับผู้เสนอราคารายอื่นแล้วนำข้าวที่ซื้อได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคาขายตลาดภายในประเทศ หรือต่ำกว่าราคาที่ฝ่ายไทยเสนอ หรือต่ำกว่าราคาที่รับจำนำ นำไปขายต่อให้กับผู้ประกอบการค้าข้าวในประเทศ หรือนำไปให้บริษัท สยามอินดิก้าฯ นำไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่กรมการค้าต่างประเทศ และประเทศชาติอย่างร้ายแรง
ผู้ถูกกล่าวหาข้างต้นร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหา ที่เป็ฯเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อพิจารณาลงโทษทางวินัย และให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินคดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหาตามฐานความผิดดังกล่าวข้างต้น ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 92 และ 97 แล้วแต่กรณี สำหรับผู้ถูกกล่าวหารายอื่นั้น ให้คณะอนุกรรมการไต่สวน ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปโดยเร็ว
นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบริษัท กวางตุ้งฯ และบริษัท ไห่หนานฯ ได้แจ้งให้กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง ดำเนินการให้ผู้ถูกกล่าวหา หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ชดใช้ความเสียหายตามมาตรา 73/1 วรรคท้ายแห่ง พ.ร.บ.ป.ป.ช. ด้วย รวมถึงแจ้งให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน หรือการชำระภาษีของผู้ถูกกล่าวหา รวมถึงผู้เกี่ยวข้องที่ทำการสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คให้กับกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ตามมาตรา 103/7 แห่ง พ.ร.บ.ป.ป.ช.
"มูลค่าความเสียหายในกรณีนี้คาดว่าเกิน 6 แสนล้านบาทขึ้นไป โดยจะส่งให้กับกระทรวงการคลังเป็นผู้ดำเนินการฟ้องทางแพ่ง ซึ่งจะได้ตัวเลขที่แน่นอน และจะได้แจ้งให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะรัฐมนตรี รับทราบเรื่องนี้ด้วย" นายวิชา กล่าว
นายวิชา กล่าวด้วยว่า เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา ได้รับคำร้องขอความเป็นธรรมจากนายทิฆัมพร และนายอัครพงศ์ ระบุว่า ได้มาให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้ว เมื่อทราบว่าจะถูกชี้มูลจึงขอความเป็นธรรมด้วย คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า บุคคลทั้งสองรายเข้าไปเกี่ยวข้องในด้านการเจรจาในฝ่ายไทย ร่วมกับนายมนัส และการให้ถ้อยคำก็มิได้เป็นประโยชน์ถึงขั้นต้องกันไว้เป็นพยาน ฉะนั้นก็ไม่ได้พิจารณาเรื่องกันไว้เป็นพยาน จึงต้องถูกชี้มูลความผิดไปตามรูปคดี
เมื่อถามว่า กันบริษัทเอกชนไว้เป็นพยานทั้งหมดกี่บริษัท นายวิชา กล่าวว่า มีบริษัทเอกชนที่กันไว้เป็นพยานทั้งหมด 4 บริษัท
เมื่อถามว่า มีหลายฝ่ายสังเกตว่าชี้มูลความผิดในช่วงสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายวิชา กล่าวว่า มันบังเอิญ จำได้หรือไม่ เคยบอกมาล่วงหน้าตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ตั้งแต่ก่อนกำหนดวันคดีถอดถอนของ สนช. บอกไว้หมดว่าทำงานอย่างไร ทุกขั้นตอน คือเราไม่ได้อยู่ดี ๆ มาชี้มูล จะเห็นได้ว่าเราทำงานมีขั้นตอน และชัดเจนแน่นอน ไม่อย่างนั้นสื่อคงไม่มารอดูวันนี้
เมื่อถามว่า มั่นใจไหมว่าสำนวนคดีนี้สมบูรณ์พอที่จะไม่ต้องตั้งคณะทำงานร่วมฯกับ อสส. นายวิชา กล่าวว่า คงไปถึงขนาดนั้นไม่ได้หรอก เราก็ทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อถามว่า ที่ส่งรายงานสำนวนคดีนี้ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่ออะไร นายวิชา กล่าวว่า เป็นรายงานสรุปการชี้มูลแบบย่อ ระบุว่า มีความเสียหายอะไรบ้าง แทนที่จะบอกแต่ว่าให้ส่งไปแค่กระทรวงพาณิชย์ หรือกระทรวงการคลัง แต่ก็ให้ส่งไปที่คณะรัฐมนตรีด้วย
อ่านประกอบ :
ป.ป.ช.พบตัวละครคดีข้าวจีทูจีโยงซื้อขายมันเส้น!-สอบปตท.ปมปลูกปาล์มในอินโดฯ
“วิชา”จ่อบินพบรมต.จีน ประสานข้อมูลสำคัญก่อนสรุปคดีข้าวจีทูจี“บุญทรง”
เปิด19 ชื่อป.ป.ช.แจ้งข้อหาเพิ่มคดีข้าวจีทูจี-“สิราลัย-คนสยามอินฯ"โดนยกแผง!
คืบ80%สอบลึก5 รมต.พันโครงการข้าว-ป.ป.ช.ชี้ปรองดองไม่อยากให้ข่าว