logo isranews

logo small 2

ปค.ดิ้นทวงปืนคืน! หลัง “หจก." ตัวแทนนำเข้าไร้ใบอนุญาต ถูกสั่งยึด 4 พันกระบอก

เขียนวันที่
วันศุกร์ ที่ 16 มกราคม 2558 เวลา 11:00 น.
เขียนโดย
isranews

"กรมการปกครอง" ร่อนหนังสือโต้แย้งความเห็นทางกฎหมาย กฤษฎีกา หลังไฟเขียวยึดอาวุธปืน “หจก.” อดีตก๊วนธุรกิจ “ลูกบิ๊กทหาร” เครือข่ายค้าอาวุธ กองทัพ นำเข้าโดยไม่มีใบอนุญาต 4,000 กระบอก  เผยเป็นของราชการเอง สั่งนำเข้าเป็นสวัสดิการ โดยใช้เอกชนเป็นตัวแทน ไม่เกี่ยวการค้า 

oeeddd

จากกรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เคยตรวจสอบพบว่า สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้เผยแพร่คำวินิจฉัยข้อกฎหมาย กรณีกรมศุลกากร ทำหนังสือหารือ กรณี ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) ปืนเอกภัทร นำสินค้าอาวุธปืนสั้นพร้อมอุปกรณ์เข้ามาในประเทศไทย รวม 6 ครั้ง ระหว่างวันที่ 6 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 20 มิถุนายน 2554 โดยมีใบอนุญาตที่ออกให้ระหว่างวันที่ 21 เมษายน 2554 ถึงวันที่ 28 สิงหาคม 2555 และใบอนุญาตแต่ละฉบับเป็นใบอนุญาตที่ออกให้ในภายหลังจากการนำเข้าแต่ละครั้งทั้งสิ้น

โดยเบื้องต้น คณะกรรมการกฤษฎีกาฯ ยืนยันว่า ในการสั่งหรือนำเข้าซึ่งอาวุธปืน ต้องได้รับใบอนุญาตให้สั่งหรือนำเข้าซึ่งอาวุธปืนจากนายทะเบียนท้องที่ก่อนสั่งหรือนำเข้าซึ่งอาวุธปืน และผู้ได้รับใบอนุญาตมีหน้าที่ต้องนำใบอนุญาตดังกล่าวไปแสดงต่ออธิบดีกรมศุลกากรหรือเจ้าพนักงานซึ่งอธิบดีศุลกากรมอบหมายก่อนสั่งหรือนำเข้าซึ่งอาวุธปืนด้วย  

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด ปืนเอกภัทรได้สั่งหรือนำเข้าซึ่งอาวุธปืนโดยไม่มีใบอนุญาตให้สั่งหรือนำเข้าซึ่งอาวุธปืนจากนายทะเบียนท้องที่กรุงเทพมหานคร จึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 24 และมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว อันเป็นความผิดสำเร็จแล้ว 

ส่วนปัญหาในประเด็นที่ว่า กรมศุลกากรสามารถดำเนินการยึดอาวุธปืนให้ตกเป็นของแผ่นดินตามมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ได้หรือไม่ นั้น เห็นว่า มาตรา 31 (4) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว เป็นบทบัญญัติที่ใช้สำหรับกรณีอาวุธปืนที่ได้สั่งโดยมีใบอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่ออาวุธปืนมาถึงแล้ว และไม่มีผู้รับไปจากกรมศุลกากรภายในเวลาที่กำหนด จึงส่งผลทำให้อาวุธปืนดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน 

ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า ภายหลังจากที่ กฤษฎีกาฯ ได้พิจารณาความเห็นดังกล่าวแล้ว กรมการปกครองได้มีหนังสือ ที่ มท 0307.4/17232 ลงวันที่ 30 กรกฎาคม 2556 ถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อโต้แย้งความเห็น  โดยระบุว่า การจัดหาอาวุธปืนเพื่อเป็นสวัสดิการของกรมการปกครองไม่อยู่ในบังคับบทบัญญัติว่าด้วยการสั่งหรือนำเข้าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า เพราะการที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ปืนเอกภัทร เป็นผู้แทนสั่งและนำเข้าอาวุธปืน เป็นเพียงขั้นตอนของการปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 108/2535  เรื่อง จำกัดการออกใบอนุญาตให้บุคคลสั่งหรือนำเข้าซึ่งอาวุธปืนบางชนิด ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 ที่กำหนดให้ร้านค้าอาวุธปืนเป็นผู้สั่งหรือนำเข้าแทนเท่านั้น

นอกจากนี้ อาวุธปืนที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ปืนเอกภัทร สั่งนำเข้าแทนกรมการปกครองเพื่อเป็นสวัสดิการไม่ใช่อาวุธปืนสำหรับการค้าตามมาตรา 24 และมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ แต่เป็นอาวุธปืนที่กรมการปกครองสั่งนำเข้าโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ โดยได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน และห้างหุ้นส่วนจำกัด ปืนเอกภัทร ได้ยื่นคำขอรับในอนุญาตภายในเวลาที่กำหนดตามมาตรา 16 และมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ

"เมื่อกรมการปกครองได้ถือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ และคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 104/2535 เรื่อง จำกัดการออกใบอนุญาตให้บุคคลสั่ง หรือนำเข้าซึ่งอาวุธบางชนิด ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2535 โดยชอบแล้ว และถือว่ากรมการปกครองเป็นเจ้าของอาวุธปืนที่สั่งนำเข้าเเพื่อเป็นสวัสดิการ จึงขอให้ทบทวนความเห็นตามมติคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อกรมการปกครองและส่วนราชการจะได้ถือเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป" 

รายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุด คณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 1 ได้รับหนังสือโต้แย้งความเห็นทางกฎหมายของกรมการปกครองดังกล่าว เข้าสู่การพิจารณาแล้ว โดยมีการระบุข้อมูลจำนวนปืนที่ถูกยึดไว้ 4,000 กระบอก 

สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับ หจก.ปืนเอกภัทร นั้น ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า หจก. ปืนเอกภัทร จดทะเบียนเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2511 ทุน3,000,000 ตั้งอยู่เลขที่ 18/176 ซอยลาดปลาเค้า 83 ถนนลาดปลาเค้า แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ประเภทธุรกิจจำหน่ายอาวุธปืน และยุธโธปกรณ์หรือส่วนประกอบ มีหุ้นส่วนผู้จัดการ 3 คน คือ นาย ชนะเกียรติ มั่นประสงค์ นาย นิพนธ์ พูลวัฒนา และ น.ส. พิมพลอย พงษ์ภักดี

จากการตรวจสอบพบว่า นาย ชนะเกียรติ มั่นประสงค์ นาย นิพนธ์ พูลวัฒนา ทำธุรกิจซื้อขายรถยนต์ ร่วมกับ นาย อนุชิต การภักดี ในชื่อบริษัท ป.สมบูรณ์ทวีสินทรัพย์ จำกัด

ทั้งนี้ นายอนุชิต การภักดี ปรากฏรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้น ใน บริษัท รอยัล แอมมูนิชั่น จำกัด หนึ่งในห้าเสือผู้ค้าอาวุธใหญ่ขายอาวุธปืนและกระสุนให้กองทัพบก

นอกจากนี้ นายอนุชิต ยังนายอนุชิต การภักดี ถือหุ้นในบริษัทค้าอาวุธให้กองทัพชื่อ กมลรัตน์ คอมเมอร์เชียล ซึ่งมี พล.อ. คนหนึ่งถือหุ้น 1,000 หุ้น และ พล.ท. 1,000 หุ้น

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจ ระบุว่า บริษัท รอยัล แอมมูนิชั่น จำกัด เดิมจดทะเบียนวันที่ 28 มิถุนายน 2533 ชื่อ บริษัท โกลเด้นอาร์ม จำกัด ต่อมาวันที่ 17 สิงหาคม 2542 เปลี่ยนชิ่อ เป็น บริษัท โอลิมปิคอาร์มแอนด์แอมมูนิชั่นประเทศไทย จำกัด กระทั่งวันที่ 31 ตุลาคม 2548 จดทะเบียนเป็น บริษัท รอยัล แอมมูนิชั่น จำกัด ที่ตั้งเลขที่ 99/4 หมู่ที่ 2 ถนนนครสวรรค์ท่าตะโก ตำบลพระนอน อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์

ณ วันที่ 25 มิถุนายน 2553 นายจรัล จาวาลา ถือหุ้น 80% นายวิษณุ จาวาลา 9.9% นายชาตรี สุขทวี 5% นายอนุชิต การภักดี 3% นางสาว ธนวันต์ หาญศิริการ2% มีนายจรัล จาวาลา นายวิษณุ จาวาลา นาย การัณย์ จาวาลา นายพรเทพ พุทธนรากุลเป็นกรรมการ

จากการตรวจสอบพบอีกว่า นายจรัล จาวาลา นายวิษณุ จาวาลา นาย การัณย์ จาวาลา ทำธุรกิจร่วมกับ นายฐิติพันธุ์ เกยานนท์ บุตรชาย พล.ร.อ. สถิรพันธุ์ เกยานนท์ อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ และรองประธานคณะรักษาความสงบเรียบร้องแห่งชาติ (คมช.) อย่างน้อย 3แห่ง

แห่งแรก บริษัท อาร์วิชั่น จำกัด ที่ตั้งเดียวกับ บริษัท รอยัล ดีเฟนส์ จำกัด เลขที่ 77/153-154 อาคารสินสาธรทาวน์เวอร์ ชั้น 35 นายการัณย์ และ นายฐิติพันธุ์ ถือหุ้นคนละ 49.7% จากทุนจดทะเบน 1 ล้านบาท

แห่งที่สองชื่อ บริษัท รอยัล มัลติมีเดีย ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด จดทะเบียน 21 กรกฎาคม 2551 ทุน 1 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่ 88/1 ซอยโพธิ์แก้ว ถนนโพธิ์แก้ว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ นายการัณย์ และ นายฐิติพันธุ์ ถือหุ้นคนละ 17.5% นายธรรศ พจนประพันธ์ 33% นายอัจฉริยะ หร่ำเดช 32%

แห่งที่ 3 ชื่อ บริษัท ท๊อป อะเมซิ่ง จำกัด จดทะเบียนวันที่ 1 สิงหาคม 2551 ทุน 5 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่ 123/2 หมู่ที่ 4 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ นายฐิติพันธุ์ถือหุ้น 17.2% นายการัณย์13.8%

เห็นได้ว่า บริษัท รอยัล ดีเฟนส์ จำกัด และ บริษัท รอยัล แอมมูนิชั่น จำกัดเป็นเครือข่ายเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น บริษัท รอยัล แอมมูนิชั่น จำกัด ณ วันที่ 29 พฤษภาคม 2555

พบว่า นายอนุชิต การภักดี ไม่ปรากฏชื่อเป็นหนึ่ง ในผู้ถือหุ้น บริษัท รอยัล แอมมูนิชั่น จำกัด แล้ว

(อ่านประกอบ : ไฟเขียวยึดอาวุธปืน “หจก.” อดีตก๊วนธุรกิจ “ลูกบิ๊กทหาร” เครือข่ายค้าอาวุธ กองทัพ )

(เชิญชวนติดตามข่าวสารสำนักข่าวอิศรา ได้ที่ แฟนเพจ  "I love isranews)