ป.ป.ช.ตั้งอนุฯไต่สวน"ปู-เต้น-จารุพงศ์" ยุยงใช้ความรุนแรงข่มขู่องค์กรอิสระ
ป.ป.ช. มีมติตั้งองค์คณไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีร้องเรียน "ยิ่งลักษณ์-ณัฐวุฒิ-จารุพงศ์" พร้อมพวก 14 คน ยุยงใช้ความรุนแรงข่มขู่องค์กรอิสระ เผย "นายกฯ " โดนในฐานะผู้บังคับบัญชา แม้ไม่เกี่ยวข้องเวทีปราศรัย แต่รู้เหตุแล้วไม่ยับยั้งสอบสวนข้อเท็จจริง ถือเป็นการละเว้นปฏิบัติหน้าที่เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติหรือประชาชน
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2557 นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า เนื่องด้วยได้มีผู้กล่าวหาร้องเรียนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมกับพวก รวม 14 คน ตามมาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554
กรณีเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด (ยกเว้นนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ในฐานะแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ร่วมกันจัดเวทีปราศรัยที่อาคารลิปตพัลลภฮอลล์ ในสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา โดยใช้ชื่อว่า “นปช. ลั่นกลองรบ” ได้กล่าวปราศรัยในลักษณะยุยงให้ใช้ความรุนแรง ให้จัดตั้งกองกำลังของกลุ่มคนเสื้อแดง ข่มขู่องค์กรอิสระ ศาล ยุยงให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ให้มีการแบ่งแยกราชอาณาจักรไทยออกเป็นสองส่วน จึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้เกิดความเสียหายกับประเทศชาติ ประชาชน และเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
ส่วนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชา มีอำนาจสั่งยับยั้งและสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการได้
แต่เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงตามสื่อมวลชนว่ามีการกระทำการดังกล่าวอันเป็นความผิดต่อกฎหมายเกิดขึ้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี กลับไม่ดำเนินการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงใดๆ
นอกจากนั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีอำนาจหน้าที่ในการบังคับบัญชาและรับผิดชอบในการกำหนดนโยบายของกระทรวงกลาโหมให้ปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและรักษาความมั่นคงของราชอาณาจักร จากภัยคุกคามทั้งภายนอกและภายในประเทศ แต่กลับนิ่งเฉยไม่ยอมดำเนินการใดๆ จึงเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติหรือประชาชน หรือกระทรวงกลาโหม
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติให้รับเรื่องกล่าวหาดังกล่าวไว้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง ตามหมวด 4 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะในการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยมอบหมายให้นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการ ป.ป.ช. และนายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นกรรมการผู้รับผิดชอบสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง
จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน