- Home
- Community
- กระแสชุมชน
- ข่าวการเมือง
- เวทีประชาธิปไตยชุมชน จี้รัฐห้ามแตะ รธน.หมวดสิทธิชุมชน
เวทีประชาธิปไตยชุมชน จี้รัฐห้ามแตะ รธน.หมวดสิทธิชุมชน
เครือข่ายภาคพลเมือง ยื่น 5 ข้อเสนอจังหวัดจัดการตนเองต่อรัฐบาลผ่าน “ยงยุทธ” ระบุห้ามแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.66-68 หมวดสิทธิชุมชน “ดร.สุจิต” ชี้จุดอ่อนสังคมไทยเสพติดประชานิยม-ระบบอุปถัมภ์
วันที่ 16 มี.ค. 55 สภาพัฒนาการเมือง (สพม.) ร่วมกับเครือข่ายภาคพลเมือง จัดประชุมสมัชชาประชาธิปไตยชุมชนสู่ชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเองประจำปี 2554 ณ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ แจ้งวัฒนะ พร้อมยื่นข้อเสนอเชิงนโยบายจังหวัดจัดการตนเองต่อนายยงยุทธวิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 5 ข้อ ได้แก่
1.ให้รัฐบาลสนับสนุนการขับเคลื่อนจังหวัดจัดการตนเอง โดยสามารถเข้าถึงงบประมาณและยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดตามกรอบรัฐธรรมนูญ(รธน.) พร้อมปรับโครงสร้างการบริหารราชการท้องถิ่น กระจายอำนาจสู่ชุมชนมากขึ้น 2.รัฐบาลต้องมอบอำนาจให้ประชาชนแต่ละพื้นที่แก้ไขปัญหาเอง และเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหาป่าไม้ ที่ดิน เหมืองแร่ ทรัพยากรธรรมชาติที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต
3.ห้ามรัฐบาลแก้ไข รธน. ปี 2550 ในหมวดทั่วไป หมวดพระมหากษัตริย์ และหมวดแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ตลอดถึงสิทธิชุมชนมาตรา 66-68 และ 4.รัฐบาลต้องเปิดพื้นที่สื่อสาธารณะของรัฐและสนับสนุนงบประมาณผลิตสื่อของประชาชน 5.ขอให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างภาครัฐและภาคประชาชนเพื่อติดตามปัญหาแต่ละพื้นที่
นายยงยุทธ กล่าวภายหลังรับข้อเสนอว่า จะรับเรื่องทั้งหมดเพื่อดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะนโยบายการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นเป็นความต้องการของรัฐบาลอยู่แล้ว แต่ต้องอาศัยเวลาสร้างความเข้าใจถึงบทบาทหน้าที่และขอบเขตต่าง ๆ และขอให้เชื่อมั่นในการทำหน้าที่ด้านการพัฒนาชุมชนของรัฐบาล
ศ.ดร.สุจิต บุญบงการ ประธาน สพม. กล่าวว่าหลายปีที่ผ่านมาการเมืองไทยลุ่มๆดอนๆเพราะมองเพียงรัฐธรรมนูญและโครงสร้างการเมืองเท่านั้น แต่ฐานรากประชาธิปไตยที่แท้จริงอยู่ที่การนำกฎหมายไปใช้ของประชาชน สังคมไทยขณะนี้เป็นระบบเศรษฐกิจทุนนิยม ยากที่จะจัดสรรทรัพยากรให้เกิดความชอบธรรม นำมาซึ่งความขัดแย้งและความเหลื่อมล้ำทางรายได้ระหว่างประชาชนทั่วไปและนายทุน ดังนั้นต้องส่งเสริมให้เกิดจังหวัดจัดการตนเองเพื่อกระจายอำนาจสู่ชุมชนท้องถิ่น โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจัดทำแผนนโยบายและการปฏิบัติโดยปราศจากการแทรกแซงจากกลุ่มทุนและการเมือง
“เราชอบพูดว่าฝากให้รัฐบาลช่วยทำ เพราะคนไทยติดภาพการหาเสียงจากนโยบายประชานิยม- ระบบอุปถัมภ์ มากกว่านโยบายที่มุ่งเน้นการพัฒนายั่งยืน จนกลายเป็นจุดอ่อนให้สังคมได้แต่แบมือรอรับของจากภาครัฐจนเคยชิน” ประธาน สพม. กล่าว
ด้านนายสัญชัย สูติพันธ์วิหาร นักวิชาการ ม.มหิดล กล่าวว่ารัฐบาลควรส่งเสริมให้เกิดจังหวัดจัดการตนเอง เพื่อป้องกันการรุกล้ำทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น เช่น การถมทะเล สร้างท่าเรือน้ำลึก เหมืองถ่านหิน ล้วนเกิดจากความต้องการของนายทุนและนักการเมือง โดยปราศจากการมีส่วนร่วมของประชาชน โครงการขนาดใหญ่ที่อาจส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตนั้นจำเป็นต้องผ่าน 3 ขั้นตอน ได้แก่ 1.การประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) 2.จัดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนที่อาจรับผลกระทบ 3.องค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพเสนอความเห็นรองรับ หากผ่าน 3 ขั้นตอนจะสามารถดำเนินการจัดสร้างได้ แต่ขณะนี้ภาครัฐไม่ทำตามกฎหมาย แต่ใช้อำนาจทางการเงินบีบบังคับ
นายยงยุทธ ยังเปิดเผยกับศูนย์ข่าวเพื่อชุมชน สำนักข่าวอิศราว่าขณะนี้รัฐบาลได้จัดตั้งกองทุนพัฒนาสตรีและกองทุนส่งเสริมงบประมาณระดับท้องถิ่นหลายประเภท เพื่อนำร่องให้ประชาชนจัดการตนเองอย่างเป็นระบบ เมื่อถามถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายยงยุทธกล่าวว่าขึ้นอยู่กับสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่จะเลือกเข้ามา แต่ยืนยันว่าจะไม่แตะต้องหมวดพระมหากษัตริย์ ส่วนเรื่องอื่นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ ส.ส.ร.