- Home
- Community
- กระแสชุมชน
- ข่าวการเมือง
- ร่าง พ.ร.ฏ.ตั้งสถาบันความปลอดภัยแรงงานฯ สะดุด ภาครัฐ-แรงงานขัดแย้ง
ร่าง พ.ร.ฏ.ตั้งสถาบันความปลอดภัยแรงงานฯ สะดุด ภาครัฐ-แรงงานขัดแย้ง
คปก.จัดเสวนาร่าง กม.สถาบันความปลอดภัยแรงงานฯ ภาครัฐ-แรงงาน เห็นไม่ลงรอยเรื่องที่มา-สัดส่วนคณะกรรมการฯ และ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ตัวแทนกรรมกรหวั่นระบบราชการแทรกแซงได้อีก
วันที่ 20 ก.พ.55 คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) และ คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงและพัฒนากฎหมายด้านสวัสดิการสังคม จัดเสวนา “ร่างพระราชกฤษฎีกา(พ.ร.ฎ.) จัดตั้งสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ณ โรงแรมทีเค พาเลส กรุงเทพฯ
ตามที่พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 มาตรา 52 กำหนดให้มีการจัดตั้งสถาบันส่งเสริมความปลอดภัยฯ กระทรวงแรงงานได้ตั้งคณะอนุกรรมการยกร่าง พ.ร.ฎ.การจัดตั้งสถาบันฯ โดยมีตัวแทนนักวิชาการและภาคประชาชนร่วมด้วย ได้แก่ รศ.ดร.วรวิทย์ เจริญเลิศ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นายพรชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ และนางสมบุญ สีคำดอกแค
นายวินัย ลู่วิโรจน์ รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวว่า หลังการทำประชาพิจารณ์ 14 ก.พ. 55 มีความเห็นไม่สอดคล้องกันในการยกร่างกฏหมาย เช่น เสียงส่วนใหญ่เห็นว่าประธานกรรมการบริหารสถาบันฯต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถที่รัฐมนตรีแต่งตั้ง แต่ฝ่ายแรงงานเสนอให้ ประธานกรรมการบริหารมาจากการสรรหาและไม่ใช่ข้าราชการ ส่วนตัวแทนฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างนั้นเสียงส่วนใหญ่เห็นว่าควรเลือกตั้งในระบบไตรภาคี(ฝ่ายรัฐ นายจ้าง ลูกจ้าง) แต่ฝ่ายแรงงานต้องการให้ตัวแทนฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างมาจากการสรรหาหรือเลือกตั้งทางตรงจากผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศโดยยึดหลัก 1 คน 1 เสียง
นอกจากนี้ยังมีความเห็นไม่สอดคล้องกันในประเด็นที่ฝ่ายแรงงานต้องการให้มีการตั้ง “ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์” เพื่อให้สถาบันฯเข้าถึงข้อมูลร้องทุกข์ของแรงงานโดยตรง แต่คณะกรรมการไตรภาคีให้เป็นงานที่ซ้ำซ้อนกับสำนักงานความปลอดภัยแรงงาน ของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
ด้านนายพรชัย กล่าวว่า ภาคแรงงานคาดหวังให้สถาบันส่งเสริมความปลอดภัยฯ มีความอิสระอย่างแท้จริงเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อผู้ใช้แรงงานได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้การเรียกร้องให้ตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์โดยตรงในสถาบันฯ เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้แรงงานโดยตรง เป็นข้อมูลมาปรับปรุงแก้ไขให้แรงงานเข้าถึงการช่วยเหลือได้มากขึ้น แต่ภาครัฐกลับอ้างว่าซ้ำซ้อนเพราะกลัวว่าจะมีการเปิดโปงความหละหลวมในการป้องกันความปลอดภัย และทำให้เสียภาพพจน์องค์กร
นายพรชัย ยังกล่าวถึงประเด็นการสรรหาประธานกรรมการบริหารสถาบันฯ ว่าต้องไม่ใช่มาจากข้าราชการ เพื่อไม่ให้ถูกแทรกแซงการทำงาน จึงต้องแต่งตั้งจากบุคคลที่ได้รับการสรรหา โดยมีคณะกรรมการสรรหาซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ขณะที่กรรมการฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างก็ไม่ควรเลือกในระบบไตรภาคี เพราะอาจทำให้สัดส่วนตัวแทนผู้ใช้แรงงานมีน้อยเกินไปจนไม่สามารถเป็นปากเสียงแทนแรงงานได้ จึงควรสรรหาหรือเลือกตั้งจากผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ .