- Home
- Community
- กระแสชุมชน
- นักปกป้องสิทธิที่ดิน ‘ชุมชนบ่อแก้ว’ จ.ชัยภูมิ จี้ ‘วราวุธ’ ยกเลิกหมายบังคับคดีไล่รื้อ
นักปกป้องสิทธิที่ดิน ‘ชุมชนบ่อแก้ว’ จ.ชัยภูมิ จี้ ‘วราวุธ’ ยกเลิกหมายบังคับคดีไล่รื้อ
นักปกป้องสิทธิที่ดิน ‘ชุมชนบ่อแก้ว’ จ.ชัยภูมิ บุกสภาฯ ยื่นหนังสือผ่าน 7 พรรคฝ่ายค้าน ส่งถึง รมว.ทรัพยากรฯ จี้ยกเลิกหมายบังคับคดีไล่รื้อชาวบ้าน 27 ส.ค. 62 ยันอาศัยมาก่อนประกาศป่าสงวนฯ
วันที่ 15 ส.ค. 2562 ที่อาคารรัฐสภา ตัวแทนชาวบ้านชุมชนบ่อแก้ว จากจังหวัดชัยภูมิเดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ 7 พรรคฝ่ายค้าน เรื่อง การขอให้ยกเลิกหมายบังคับคดีขับไล่ชาวบ้านให้ออกจากพื้นที่ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 27 ส.ค.นี้ เสนอต่อนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)ให้แก้ปัญหาของชาวบ้านชุมชนบ่อแก้วให้เป็นรูปธรรม
นายนิด ต่อทุน ตัวแทนชาวบ้านพื้นที่พิพาทชุมชนบ่อแก้ว จังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า ชาวบ้านเข้าถือครองทำประโยชน์ในที่ดินของพื้นที่ชุนบ่อแก้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 เป็นต้นมา โดยมีหลักฐานเป็นเอกสารเสียภาษีบำรุงท้องที่ ภ.บท.11 ซึ่งต่อมาปี พ.ศ. 2516 รัฐได้ประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติป่าภูซำผักหนาม และในปี พ.ศ. 2521 องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) ได้ขอเข้าทำประโยชน์ปลูกสร้างสวนป่าคอนสาร ในระบบสมาชิกโครงการหมู่บ้านป่าไม้ เนื้อที่ 4,401 ไร่ และนำมาสู่การผลักดัน ขับไล่ชาวบ้านออกจากที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัย จำนวน 12 ครัวเรือน ซึ่งนับตั้งแต่การเข้ามาของ ออป. ชาวบ้านเคลื่อนไหวคัดค้านมาโดยตลอด แต่ไม่สามารถยุติการดำเนินงานได้ กระทั่งพื้นที่ทำกินกลายสภาพเป็นสวนยูคาลิปตัสในที่สุด โดยรายสุดท้ายที่จำต้องออกจากพื้นที่ ในปี พ.ศ. 2529 คือ นายวัก โยธาธรรม มีชาวบ้านจำนวน 277 ราย คือจำนวนผู้เดือดร้อนที่ผ่านการตรวจสอบของคณะทำงานเมื่อปี 2548 ปัจจุบันมีชาวบ้านอยู่ในพื้นที่พิพาทประมาณ 110 คน เนื่องจากมีพื้นที่จำกัดเพียง 96 ไร่
โดยกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ ได้มีการดำเนินงานร่วมกัน ระหว่างหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับประชาชนที่เดือดร้อน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 เป็นต้นมา มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง จนพบว่าประชาชนอยู่มาก่อนการปลูกสร้างสวนป่าคอนสาร และสวนป่าคอนสารปลูกทับที่ของประชาชนจริง จึงมีมติให้ยกเลิกสวนป่าคอนสาร แล้วนำที่ดินมาจัดสรรให้กับประชาชนผู้เดือดร้อน และมีการพิจารณากรณีปัญหาดังกล่าวจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่ประชุมประชาคมตำบลทุ่งพระ ซึ่งการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจำเป็นต้องมีการตัดสินใจเชิงนโยบาย เพื่อให้เกิดข้อยุติ
นายนิด กล่าวเพิ่มเติมว่า ในขณะเดียวกัน ออป. ได้เป็นโจทก์ฟ้องขับไล่พวกเราออกจากพื้นที่ ซึ่งคดีได้ถึงที่สุด และอยู่ในชั้นบังคับคดี โดยเราได้มีหนังสือขอให้ชะลอการบังคับคดี ทั้งนี้ กระบวนการแก้ไขปัญหาทั้งในเรื่องพิพาทสิทธิที่ดิน และปัญหาคดีความ ได้มีกลไกการแก้ไขร่วมระหว่างรัฐบาลกับขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 เป็นต้นมา โดยในกรณีปัญหาคดีความ ได้มีบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่างผู้แทนองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ กับราษฎร เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2554 ในข้อที่ 1 ระบุว่า “จะไม่มีการเร่งรัดบังคับคดี”
นอกจากนี้ ภายหลังปี พ.ศ. 2557 เป็นต้นมา ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือพีมูฟ ได้มีการประชุมหารือ และแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมกับรัฐบาล รวมทั้งมติข้อตกลงหลายฉบับที่จะมีนัยสำคัญในการแก้ไขปัญหาให้ยุติลงได้ ในกรณีสวนป่าคอนสาร สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีหนังสือเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิให้ชะลอการดำเนินการใดๆ ที่อาจเป็นมูลเหตุให้เกิดความขัดแย้งไว้ก่อน จนกว่ากระบวนการพิจารณาแก้ไขปัญหาจะมีผลเป็นที่ยุติต่อไป กระทั่งมีการพิจารณารับรองแผนการจัดการที่ดินและทรัพยากรอย่างยั่งยืนโดยชุมชน ของคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีประชาชนได้รับผลกระทบจากแผนแม่บทการแก้ไขปัญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้ การบุกรุกที่ดินของรัฐ และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
ตัวแทนชาวบ้านพื้นที่พิพาทชุมชนบ่อแก้ว จังหวัดชัยภูมิ กล่าวถึงเส้นทางการต่อสู้ของชาวบ้านเพิ่มเติมว่า ในปี พ.ศ. 2561 พีมูฟได้เจรจากับรัฐบาล กระทั่งมีบันทึกข้อตกลงร่วมระหว่าง พีมูฟ กับรัฐบาล และคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 (กขป. 5) โดยในข้อที่ 3 ระบุว่า “ชะลอการดำเนินคดีกับราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่า และแก้ไขปัญหาราษฎรที่ได้รับผลกระทบโดยเร่งด่วน ในกรณีการดำเนินคดีกับราษฎรในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะจำนวน 10 พื้นที่” ซึ่งกรณีสวนป่าคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น
นอกจากนี้ ผลการประชุมหารือระหว่างผู้แทนพีมูฟ กับนายเสริมยศ สมมั่น หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่ได้รับมอบหมายจาก รมว.ทส. โดยกรณีสวนป่าคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ขอให้มีการตัดสินใจทางนโยบาย เพื่อนำเรียน รมว.ทส. พิจารณา และนำเสนอคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาของพีมูฟต่อไป
“วันที่ 9 ก.ค. 2562 เราได้เข้ายื่นหนังสือ ขอให้ชะลอการบังคับคดีต่อนายกรัฐมนตรี ผ่านนายอำเภอคอนสาร และวันที่ 19 ก.ค. 2562 พีมูฟยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อให้เร่งรัดแก้ไขปัญหา และแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมในการดำเนินงานระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับผู้แทนประชาชน วันที่ 26 ก.ค. 2562 เจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีจังหวัดชัยภูมิ สาขาภูเขียว เข้าปิดหมายบังคับคดีในพื้นที่ชุมชนบ่อแก้ว โดยให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 29 และที่ 33 พร้อมทั้งบริวารออกจากสวนป่าคอนสารซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าภูเขียวภูซำบักหนามในท้องที่ตำบลโนนคูณ ตำบลห้วยยาง และตำบลทุ่งพระ อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ออกจากพื้นที่และปรับสภาพพื้นที่สวนป่าให้กลับสู่สภาพเดิม และออกจากที่ดินในพื้นที่สวนป่าคอนสารทั้งหมดหมด พร้อมทั้งให้ทำการออกจากพื้นที่ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันติดประกาศ (27 ส.ค. 2562)” นายนิดระบุ
นายนิด กล่าวอีกว่า กระบวนการแก้ไขปัญหากรณีดังกล่าวมีพัฒนาการ และความคืบหน้ามาเป็นลำดับ หากมีการตัดสินใจทางนโยบาย โดยการรับรองแผนการจัดการที่ดินและทรัพยากรอย่างยั่งยืนโดยชุมชน ดังที่กล่าวแล้ว ปัญหาข้อพิพาทจะสามารถยุติลงได้ และนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิต และความสมบูรณ์ของทรัพยากรโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ดังนั้นเราจึงขอเรียกร้องให้ตัวแทนของพรรคฝ่ายค้านนำประเด็นปัญหาของเราไปนำเรียนต่อนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้แก้ปัญหาของชาวบ้านชุมชนบ่อแก้วให้เป็นรูปธรรมด้วยการสั่งการให้ยกเลิกหมายบังคับคดีโดยด่วนที่สุด ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 27 ส.ค.นี้ และนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาร่วมของทุกฝ่าย เพื่อให้ได้ข้อยุติ ต่อไป เพื่อป้องกันมิให้มีการไล่รื้อที่อยู่อาศัยหรือที่ทํากินของชุมชนโดยที่ชุมชนไม่สมัครใจหรือไม่มีการชดเชยให้เหมาะสมกับความเสียหายที่คนในชุมชนได้รับซึ่งถือว่าเป็นการที่รัฐบาลละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชนอย่างร้ายแรง
ด้าน น.ส.สายใจ เวียงทอง หนึ่งในตัวแทนชาวบ้านจากชุมชนบ่อแก้ว กล่าว พวกเราเดือดร้อนมาก วันที่ 27 ส.ค. นี้จะมีการผลักไล่ชาวบ้านให้ออกจากพื้นที่ที่พวกเราเคยทำกินมาตั้งแต่ปูย่าตายาย จะให้เราไปอยู่ที่ไหน ตอนนี้คนที่อาศัยอยู่ข้างในมี 46 ครัวเรือน แล้วมีทั้งคนแก่และเด็กมากถึง 180 คน จะให้คนเหล่านี้ไปอยู่ที่ไหน จะให้เขาไปทำอะไร มันเคยมีการพิสูจน์สิทธิ์แล้วและทาง อปป.ก็ยอมรับว่าชาวบ้านอยู่มาก่อนจริง พวกเราไม่เข้าใจว่าการพิสูจน์สิทธิ์มันชัดเจนอยู่แล้วว่าเราอยู่มาก่อนการประกาศป่าสงวนจริง ทำไมพวกเรายังโดนบังคับคดีอยู่ เราไม่ได้รับความเป็นธรรม
“วันนี้ที่มายื่นหนังสือให้กับฝ่ายค้านทั้ง 7 พรรค อยากให้พรรคฝ่ายค้านนำหนังสือฉบับนี้ไปยื่นให้ไปถึงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา อยากให้กลไกของรัฐสภาช่วยกันดันเรื่องให้ไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร เพราะรัฐบาลที่ผ่านมารับปากกับประชาชนว่าจะช่วยเหลือประชาชน แต่ไม่เคยแก้ไขปัญหานี้สักครั้งจะผลักดันคนไทยไปทิ้งไว้ตรงไหน วันที่ 27 นี้พวกเราก็จะถูกผลักดันและขับไล่ออกจากพื้นที่อยู่แล้ว” น.ส.สายใจ กล่าว
ขณะที่ นายอภิชาติ สิริสุนทร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ หนึ่งในตัวแทนของพรรคฝ่ายค้านที่เข้าร่วมรับหนังสือของชาวบ้านในครั้งนี้กล่าวว่า เข้าใจในความเดือนร้อนของชาวบ้านในครั้งนี้และจะนำเรื่องความเดือดร้อนของชาวบ้านชุมชนบ่อแก้วเสนอต่อประธานรัฐสภา เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลให้แก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไปและในวันที่ 17 ส.ค.ที่จะถึงนี้ นายทิม พิธา และนายปิยบุตร แสงกนกกุล สส.จากพรรคอนาคตใหม่จะลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาของชาวบ้านและช่วยหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านด้วย .
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/