- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- ใต้เดือดรับตรุษจีน ฆ่าเผาครูดับคาถนน-บึ้มทหารเจ็บ 7
ใต้เดือดรับตรุษจีน ฆ่าเผาครูดับคาถนน-บึ้มทหารเจ็บ 7
อะหมัด รามันห์สิริวงศ์
แวดาโอ๊ะ หะไร และทีมข่าวอิศรา
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
ใต้ระอุรับตรุษจีน คนร้ายโหดประกบยิงครูวัย 52 ดับคาถนนที่กะพ้อ ก่อนราดน้ำมันเผาซ้ำจนร่างดำเป็นตอตะโก เผยเป็นเหตุฆ่าเผาครั้งที่ 2 ในรอบปี และบุคลากรทางการศึกษาสังเวยชีวิตเป็นรายที่ 125 ในรอบ 6 ปี ระแงะก็วุ่น กดบึ้มถังดับเพลิงตูมสนั่นทหารพรานเจ็บ 7 นาย ส่วนที่ปัตตานียิงสองหนุ่ม ชรบ.ปางตายไม่สนพลาดถูกเด็กอ่อน "กสิกร" แย้ม "เรือเหาะ" พร้อมเหินฟ้ากลางเดือนนี้
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้กลับมาร้อนแรงขึ้นอีกครั้งในช่วงใกล้เทศกาลตรุษจีน โดยเมื่อเวลา 16.30 น.วันจันทร์ที่ 8 ก.พ.2553 พ.ต.อ.กล้าณรงค์ เผือกคุ้มกฤษ ผู้กำกับการ สภ.กะพ้อ จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุฆ่าแล้วเผาร่างผู้เสียชีวิตบนถนนสายกะรุบี-ปล่องหอย ท้องที่หมู่ 8 บ้านบือแนราแล ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิตอยู่ในสภาพถูกเผาจนดำเป็นตอตะโก ทราบชื่อคือ นายสัมฤทธิ์ พันธเดช อายุ 52 ปี เป็นครูของโรงเรียนบ้านบาโงยีเม็ง อ.กะพ้อ ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 10 ซอยสะพังอุทิศ 1 ถนนอาคารสงเคราะห์ 3 ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ครูสัมฤทธิ์ ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากโรงเรียนตามลำพังเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน แต่ระหว่างทางมีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ เมื่อสบโอกาสคนที่นั่งซ้อนท้ายจึงใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดกราดยิงใส่หลายนัด จนรถเสียหลักล้มคว่ำ และครูสัมฤทธิ์เสียชีวิตคาถนน จากนั้นคนร้ายได้ใช้น้ำมันเบนซินที่พกใส่ขวดมาด้วย ราดบนศพก่อนจุดไฟเผาอย่างโหดเหี้ยม เสร็จแล้วยังได้ขโมยรถของผู้ตายก่อนจะหลบหนีไป
สำหรับกรณีฆ่าเผาครูสัมฤทธิ์ นับเป็นเหตุการณ์ฆ่าเผาครั้งที่ 2 ในรอบปีนี้ และเป็นการสูญเสียบุคลากรทางการศึกษาคนที่ 125 (รวมครูสอนศาสนา) ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่มา 6 ปีเศษ
บึ้มถังดับเพลิงถล่มรถทหารเจ็บ 7
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 14.15 น.วันเดียวกัน เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดดักสังหารเจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 4502 กรมทหารพรานที่ 45 ได้รับบาดเจ็บ 7 นาย เหตุเกิดบนถนนในหมู่บ้านลาแป หมู่ 2 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ระแงะ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นชนิดแสวงเครื่อง ประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สปิคนิค น้ำหนักประมาณ 15 กิโลกรัม ผูกไว้กับป้ายบอกทางหมู่บ้าน เมื่อรถหกล้อยี่ห้อฮีโน่ สีเขียวขี้ม้า ทะเบียนกงจักร 9535 ซึ่งลำเลียงกำลังพล 38 นายออกจากฐานใน อ.เจาะไอร้อง มุ่งหน้า อ.สุคิริน จ.นราธิวาส แล่นผ่านมา คนร้ายจึงใช้โทรศัพท์มือถือกดจุดชนวนระเบิดจนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เป็นเหตุให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 7 นาย เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
รายชื่อผู้บาดเจ็บประกอบด้วย อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) จิระเชษฐ์ ถนอมวรรณ อส.ทพ.อิสมะแอ สาและ อส.ทพ.ธีระพงษ์ ศิริราพันธ์ อส.ทพ.จีระศักดิ์ รอดพิสดาร อส.ทพ.สาธิต พูนแก้ว อส.ทพ.สัญญา ต้นงาม และ อส.ทพ.พรเทพ เรืองอุไร โดย 3 คนแรกอาการสาหัส ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส
ยิงสองหนุ่ม ชรบ.ปางตายไม่สนเด็กอ่อน
ค่ำวันเดียวกัน พ.ต.อ.มนัส ศิกษมัติ ผู้กำกับการ สภ.เมืองปัตตานี รับแจ้งเหตุยิงกันบนทางหลวงหมายเลข 410 ช่วงปัตตานี- ยะลา ท้องที่หมู่ 3 บ้านแบรอจือแร ต.ตะลูโบะ อ.เมือง จ.ปัตตานี จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ หมายเลขทะเบียน กรต 790 ปัตตานี ล้มคว่ำอยู่ข้างทาง ส่วนผู้บาดเจ็บ 3 คนมีพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลปัตตานีแล้ว ทราบชื่อคือ นายซักการียา แวบือราเฮง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19/1 หมู่ 7 บ้านตูตง ต.บาราเฮาะ อ.เมืองปัตตานี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 ม.ม.เข้าที่สีข้าง อาการสาหัส ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นญาติของนายซักการียา อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 หมู่ 7 บ้านตูตง ถูกยิงด้วยอาวุธปืนชนิดเดียวกันที่บริเวณกลางหลัง และ เด็กหญิงซูรีฟา แวบือราเฮง อายุ 1 ปี มีบาดแผลถลอกที่ศีรษะเนื่องจากรถล้ม ในที่เกิดเหตุยังพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม.ตกอยู่ 2 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนทราบว่า นายซักการียา เป็นพ่อของเด็กหญิงซูรีฟา ก่อนเกิดเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปซื้อขนมให้ลูก โดยมี เด็กหญิงซูรีฟา นั่งอยู่ด้านหน้า และมีญาตินั่งซ้อนท้าย ระหว่างทางมีคนร้ายขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ตามประกบ เมื่อสบโอกาสได้ใช้อาวุธปืนขนาด 9 ม.ม.ยิงใส่ทันที โดยไม่สนใจเด็กอายุแค่ 1 ขวบที่นั่งอยู่ด้านหน้า เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ เนื่องจากผู้บาดเจ็บทั้งสองเป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.)
อนึ่ง ช่วงเทศกาลตรุษจีนเป็นอีกช่วงหนึ่งที่ฝ่ายความมั่นคงเฝ้าระวังเหตุรุนแรงมากเป็นพิเศษ เพราะเมื่อปี 2550 เคยเกิดการก่อวินาศกรรมครั้งใหญ่ วางระเบิดพร้อมกันหลายสิบจุดใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาแล้ว และยังมีบางพื้นที่ที่ถูกตัดกระแสไฟฟ้าจนไฟดับทั้งเมืองด้วย
นัดปล่อย"เรือเหาะ"ขึ้นบินกลาง ก.พ.
ด้านความคืบหน้ากรณีมีข่าวจากสื่อบางกระแสระบุว่า "เรือเหาะ" หรือ "บอลลูนตรวจการณ์" ซึ่งประจำการอยู่ในโรงจอดที่กรมทหารราบที่ 15 อ.หนองจิก จ.ปัตตานี มีปัญหาไม่สามารถนำขึ้นบินได้ กระทั่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (กอ.รมน.ภาค 4) ต้องสั่งการให้นำเรือเหาะขึ้นบินโชว์สื่อมวลชนเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อยืนยันว่าสามารถใช้การได้นั้น
พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการกองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (ผบ.พตท.) กล่าวว่า คาดว่าราวกลางเดือน ก.พ.นี้ กระบวนการส่งมอบบอลลูนตรวจการณ์จะเรียบร้อย และสามารถขึ้นบินได้ตามแผนที่กำหนดเอาไว้ โดยจะนำเรือเหาะมาใช้ในภารกิจตรวจตราเส้นทาง ทั้งถนนและทางรถไฟ เสาส่งกระแสไฟฟ้าแรงสูง และจุดต่างๆ ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดเหตุร้าย
ส่วนที่ประชาชนในพื้นที่วิตกกังวลว่าจะเป็นการละเมิดสิทธินั้น พล.ท.กสิกร กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการจัดซื้อเรือเหาะก็เพื่อนำมาดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งจะสามารถครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขวางขึ้น ส่วนความปลอดภัยในการใช้งาน ก็ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจ เนื่องจากเรือเหาะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย ผ่านการทดสอบมาแล้วหลายครั้ง แม้จะตกเป็นเป้าของการยิงทำลาย แต่ก็มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีและมีคุณภาพ
-----------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : กอ.รมน.ภาค 4 จัดทำสอบ "เรือเหาะ" หรือ "บอลลูนตรวจการณ์" เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว