- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- กระทรวงวิทย์ขอ 1 สัปดาห์พิสูจน์"จีที200" นายกฯรับลูกสอบทุจริตจัดซื้อ
กระทรวงวิทย์ขอ 1 สัปดาห์พิสูจน์"จีที200" นายกฯรับลูกสอบทุจริตจัดซื้อ
ทีมข่าวอิศรา
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
ครม.สั่งกระทรวงวิทย์พิสูจน์ "จีที200" นายกฯรับลูกสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง แต่ต้องหลังจากได้ข้อสรุปเป็นเครื่องมือลวงโลก ด้าน "คุณหญิงกัลยา" เดินหน้าตั้งคณะกรรมการจากทั้งฝ่ายนักวิทยาศาสตร์และผู้ใช้งานจริง ลั่น 1 สัปดาห์รู้ผล ขณะที่ "บิ๊กกองทัพ" หอบข้อมูลแจงในครม. ยังยืนยันเครื่องตรวจระเบิดฉาวสุดเจ๋ง ตรวจ 236 ครั้ง เจอ 173 ครั้ง นักวิชาการจุฬาฯแนะใช้สุนัขดมกลิ่นแม่นกว่า
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2553 มีมติให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดมนักวิทยาศาสตร์ไปตรวจพิสูจน์ประสิทธิภาพของเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดจีที 200 หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลจากทั้งในและต่างประเทศว่า เครื่องมือดังกล่าวไม่สามารถตรวจหาวัตถุระเบิด ดินปืน หรือสารเสพติดได้จริงตามคำโฆษณาของบริษัทผู้จำหน่าย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า ที่ประชุมได้เชิญบุคลากรที่ใช้เครื่องจีที 200 มาสอบถาม ซึ่งข้อมูลที่ได้ก็ตรงกับที่หลายหน่วยงานที่ใช้อุปกรณ์ดังกล่าวยืนยัน คือใช้ได้และมีประสิทธิภาพพอสมควร แต่ข้อมูลในส่วนของนักวิชาการและที่เป็นข่าวในต่างประเทศจะตรงกันข้าม ดังนั้น ครม.เห็นว่าควรจะได้มีการทดสอบและพิสูจน์ให้ข้อเท็จจริงปรากฏ เพื่อจะได้ดำเนินการอย่างเหมาะสมต่อไป จึงได้มอบให้ทางกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯไปดำเนินการ
ทั้งนี้ ได้หารือกับ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยตรงว่าจะต้องเชิญนักวิชาการที่ทำงานด้านนี้มาออกแบบการทดลองเพื่อการพิสูจน์ประสิทธิภาพและข้อเท็จจริงให้เป็นที่ยุติ ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย เมื่อมีข้อยุติแล้วรัฐบาลจะได้ตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมต่อไป โดยขอให้ดำเนินการโดยเร็วที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าพิสูจน์แล้วพบว่าใช้ไม่ได้ จะยกเลิกการใช้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าใช้ไม่ได้ก็ไม่ควรใช้อยู่แล้ว เพราะจะเป็นผลเสียต่อทุกฝ่าย ส่วนจะหาอุปกรณ์อื่นมาทดแทนนั้น ก็ต้องไปดูทางเลือก โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่เป็นที่ยอมรับในเรื่องประสิทธิภาพสูงกว่า หรือเทคโนโลยีที่พิสูจน์แล้ว โดยราคาจะสูงกว่ากันประมาณ 10 เท่า
"ถ้าหากว่ามันใช้ไม่ได้คงต้องย้อนกลับไปดูที่มาที่ไปอีกครั้ง แต่เฉพาะกรณีของจีที 200 จะมีหลายยี่ห้อที่มีลักษณะคล้ายๆ กันอยู่ มีลูกค้าอยู่ประมาณ 10 ประเทศ มีการซื้อกันค่อนข้างแพร่หลายพอสมควร ทั้งที่เป็นจีทีและยี่ห้ออื่นๆ ของไทยมียี่ห้อจีที 200 กับอัลฟ่า 6 ซึ่งก็ต้องตรวจสอบความโปร่งใส" นายกฯกล่าว
สั่งสอบขั้นตอนจัดซื้อ-ย้ำให้ความเป็นธรรม
อย่างไรก็ดี เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาเรื่อง จีที 200 เป็นภาพสะท้อนการใช้บประมาณที่รั่วไหลและมีการทุจริตหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะไปสรุปอะไรในทำนองนั้น เพราะจะเห็นว่าอุปกรณ์นี้มีใช้กันอยู่ในหลายประเทศ พูดตามตรงที่เคยเดินทางไปพบกับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านยาเสพติดก็บอกว่าใช้ได้ผล มันก็เป็นเรื่องที่ต้องมีการพิสูจน์
"ถ้าเห็นว่ามีการซื้อในราคาที่ไม่ถูกต้องก็ต้องตรวจสอบอยู่แล้ว แต่การซื้อเท่าที่ดูจากตัวเลข จะซื้อมาตั้งแต่ประมาณปี 2549 ต่อเนื่องถึงปี 2553 ราคาจะแตกต่างกันเพราะแต่ละหน่วยงานใช้ของไม่ตรงกันเสียทีเดียว และบางทีใช้คนละยี่ห้อกัน ซึ่งที่มีการจัดซื้อมาใช้ทั้งหมดประมาณ 700 กว่าเครื่อง ราคาที่จัดซื้อถ้าเป็นอัลฟ่า 6 ใหม่ประมาณเครื่องละ 3 แสนบาท แต่ที่ซื้อสูงสุดเครื่องละ 1.2 ล้านบาท ก็จะมีราคาตั้งแต่ 3 แสนบาท-1.2 ล้านบาท"
"การดำเนินการตรวจสอบต้องทำไปทีละขั้น ขณะนี้ตรวจสอบว่าใช้งานได้หรือไม่ก่อน จากนั้นก็จะไปไล่ดูว่าการขอจัดซื้อจัดจ้างแต่ละช่วงเป็นอย่างไร" นายกฯ ย้ำ และว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน เพราะบางทีมารู้ทีหลัง จะไปตัดสินย้อนกลับไปก็ต้องนึกถึงว่าในสถานการณ์นั้นผู้จัดซื้อรู้อะไรบ้างแค่ไหนอย่างไรด้วย
"กัลยา"ขอ 1 สัปดาห์รู้ผลจริงหรือลวงโลก
ด้าน คุณหญิงกัลยา กล่าวว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด โดยมีเธอเองเป็นประธาน และมีศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือเนคเทค เป็นเลขานุการ ทั้งจะเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้อง 2 กลุ่มใหญ่มาร่วมเป็นกรรมการ คือ 1.กลุ่มนักวิทยาศาสตร์และวิศวกร กับ 2.กลุ่มผู้เกี่ยวข้องกับการใช้เครื่อง ทั้งทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)
อย่างไรก็ดี ก่อนจะไปทดสอบประสิทธิภาพ จะต้องมีการร่างกระบวนการทดสอบก่อนว่ามีขั้นตอนอย่างไร โดยจะเชิญนักสถิติจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เข้ามาร่วมร่างกระบวนการด้วย เพื่อให้ทราบว่าต้องทดสอบกี่ครั้ง ผลออกมาจึงจะน่าเชื่อถือ สำหรับกรอบขั้นตอนต่างๆ คาดว่าวันที่ 3 ก.พ.จะเรียบร้อย โดยกรรมการที่เกี่ยวข้องและผู้ใช้เครื่องดังกล่าวเห็นชอบ จึงจะไปทดสอบภาคสนาม
นอกจากนี้จะมีการทดสอบคู่ขนาน โดยมีนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ วิศวกร ทหาร ตำรวจที่มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องดังกล่าวว่าเครื่องทำงานอย่างไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง และที่ตรวจหาเจอสารที่ต้องการนั้นเป็นเพราะอะไร
"ภายในสัปดาห์หน้าน่าจะรู้ผล แต่ในสัปดาห์นี้จะรู้เบื้องต้น อย่างน้อยวันที่ 3 ก.พ.ก็คงจะพอทราบว่าขั้นตอนการตรวจสอบภาคสนามที่ทุกคนเห็นชอบนั้นเป็นอย่างไร" คุณหญิงกัลยา ระบุ
ทหารยังปลื้มอ้างตรวจเจอ 173 ครั้ง
แหล่งข่าวในที่ประชุม ครม.เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้เชิญ พล.ท.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองเสนาธิการทหารบก (รอง เสธ.ทบ.) พล.ท.เอกชัย วัชรประทีป เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก และตัวแทนจากกรมการทหารช่าง เข้าชี้แจงประสิทธิภาพของเครื่องจีที 200 ด้วย โดยคณะนายทหารที่มาชี้แจงยืนยันว่าเครื่องจีที 200 สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการตรวจสอบ 236 เหตุการณ์ สามารถตรวจพบสูงถึง 173 เหตุการณ์ แบ่งเป็นตรวจพบอาวุธ 69 ครั้ง ยาเสพติด 63 ครั้ง และระเบิด 41 ครั้ง
ส่วนข้อสงสัยที่ว่าทำไมประเทศร่ำรวยหรือพัฒนาแล้วไม่ได้ใช้เครื่อง จีที200 แต่ใช้เครื่องไฟโดที่มีราคากว่า 4 ล้านบาทนั้น คณะนายทหารบอกว่า เครื่องดังกล่าวประเทศไทยก็มีใช้เหมือนกัน โดยใช้ในขั้นตอนการพิสูจน์
แหล่งข่าวยังเผยว่า นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ซักถามว่าเครื่องจีที 200 กับสุนัขดมกลิ่น อย่างไหนมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน ปรากฏว่าคณะนายทหารชี้แจงว่า หากเปรียบเทียบราคา สุนัขจะแพงกว่า เนื่องจากต้องใช้เวลาฝึกและเลี้ยง การทำงานก็ทำได้เพียง 2 ชั่วโมงต้องหยุดพัก และตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยได้เพียงระยะใกล้เท่านั้น แต่เครื่องจีที 200 ตรวจสอบได้ในระยะไกล แต่ในบางงานก็มีการใช้สุนัขและจีที 200 พร้อมกัน
ขณะที่ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุว่าเจ้าหน้าที่ที่ใช้เครื่องต่างยืนยันว่าสามารถใช้งานได้จริง อีกทั้ง แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ก็ยืนยันและเคยนำไปใช้ตรวจซากอาคารซานติก้าผับที่ถูกเพลิงไหม้ด้วย
"ปณิธาน" ชู "จีที200" ทำสถานการณ์ใต้ดีขึ้น
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมครม.ว่า เครื่องจีที 200 จัดซื้อมาตั้งแต่ปี 2549 ส่วนใหญ่ใช้ในราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยขณะนี้มีอีกกว่า 10 ประเทศที่ใช้เครื่องดังกล่าวด้วย เช่น อัฟกานิสถาน อิรัก ประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชีย และบางประเทศในทวีปยุโรป ซึ่งแตกต่างจากประเทศพัฒนาแล้วที่ส่วนใหญ่ใช้เครื่องที่ราคาแพงกว่าเครื่องจีที 200 เกือบ 10 เท่า แต่มีความแม่นยำมากกว่า
สาเหตุที่ประเทศไทยใช้จีที 200 เพราะมีความคล่องตัวมาก เนื่องจากตัวเครื่องมีขนาดเล็ก โดยมีข้อสังเกตว่าหลังใช้เครื่องจีที 200 สถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ก็ดีขึ้น เมื่อเทียบกับการใช้สุนัขดมกลิ่น เนื่องจากการใช้สุนัขจะเกิดปัญหาเมื่อเข้าไปตรวจค้นในศาสนสถาน
"ฝ่ายนักวิทยาศาสตร์ไม่ได้เป็นคนใช้จึงเกิดความสงสัยว่าเครื่องจะใช้ได้ผลหรือไม่ แต่คนที่ใช้เขามั่นใจว่าทำงานได้มีประสิทธิภาพมาก ดังนั้นหลังจากนี้ต้องนำผู้ใช้และนักวิทยาศาสตร์มาสร้างความเข้าใจร่วมกัน” นายปณิธาน ระบุ
เวทีนักวิทย์ไทยยันสุนัขดมกลิ่นแม่นกว่า
วันเดียวกัน ที่คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีเวทีเสวนาเรื่อง "หลักการทางวิทยาศาสตร์ของเครื่องตรวจวัดวัตถุระเบิดและสารเสพติด” โดยวิทยากรที่เป็นนักฟิสิกส์จากหลากหลายสถาบันชั้นนำ ทั้งจุฬาฯ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเนคเทค ต่างยืนยันตรงกันว่า คุณสมบัติที่เครื่องจีที 200 อ้างว่าสามารถตรวจหาสารประกอบระเบิด ดินปืน และยาเสพติดได้ในปริมาณเล็กน้อยคือ 1 พิโคกรัม หรือ 1 ในล้านล้านกรัม ทั้งยังค้นหาร่องรอยสสารได้ไกลถึง 700 เมตร โดยใช้หลักการไฟฟ้าสถิตย์จากร่างกายผู้ถือเครื่องนั้น เป็นไปไม่ได้ในทางวิทยาศาสตร์
ผศ.พงษ์ ทรงพงษ์ อาจารย์จากภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า โดยส่วนตัวมองว่าการใช้ไบโอเซนเซอร์ หรือสุนัขดมกลิ่น น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด และดีกว่าเครื่องมือที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้
ขณะที่ ผศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์จากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งออกมาเปิดโปงเครื่องจีที 200 เป็นคนแรกๆ กล่าวว่า ทราบว่าเร็วๆ นี้จะมีเครื่องตรวจวัตถุระเบิดและสารเสพติดชนิดใหม่ถูกนำเข้ามาอีก คือ BEDD1 ผลิตจากประเทศเยอรมนี จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบให้ดี จะได้ไม่ถูกหลอกเหมือนเครื่องจีที 200
---------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ขอบคุณ : ภาพจากเว็บไซต์ของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ www.nectec.or.th