- Home
- Isranews
- เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา
- ปัญหาข้อ กม.ว่าด้วย “สมเด็จวัดปากน้ำ” กับตำแหน่งสังฆราช
ปัญหาข้อ กม.ว่าด้วย “สมเด็จวัดปากน้ำ” กับตำแหน่งสังฆราช
กฤษฎีกาตอบคำถามสำนักพุทธฯ เกี่ยวกับปัญหาข้อ กม.เรื่อง “ผู้ปฏิบัติหน้าที่สังฆราช” ที่ “สมเด็จฯวัดปากน้ำ” เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง ก่อน “สมเด็จพระสังฆราช” ตัวจริง สิ้นพระชนม์

เมื่อเดือน พ.ย.2556 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ได้เผยแพร่ความเห็นที่น่าสนใจ เกี่ยวกับปัญหาทางข้อกฎหมาย เรื่องการแต่งตั้ง “ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช” ตามเรื่องเสร็จที่ 1398/2556
โดยเรื่องดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อสำนักงานพระพุทธศาสนา (พศ.) มีหนังสือ “ด่วนที่สุด” ลงวันที่ 30 ต.ค.2556 ถึง สคก.เพื่อขอหารือเกี่ยวกับปัญหาทางข้อกฎหมาย กรณีที่ “สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ” ได้รับแต่งตั้งตามมติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 20/2559 เมื่อวันที่ 20 ส.ค.2556ให้เป็น “ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช” อาศัยอำนาจตามมาตรา 10 วรรคห้า แห่ง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แทน “สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ” อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ที่มรณภาพไป และนายกรัฐมนตรีได้นำความกราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว
แต่ต่อมา วันที่ 24 ต.ค.2556 "สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช" สกลมหาสังฆปริณายก ได้สิ้นพระชนม์ลง
พศ.จึงขอหารือการดำเนินการตามกฎหมายเพื่อให้ได้ความชัดเจน และเป็นหลักเกณฑ์ในการปฏิบัติราชการของ พศ.ใน 2 ประเด็น ดังนี้
1.คณะปฏิบัติปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชดังกล่าวยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ หรือไม่ และ
2.หากคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ การดำเนินการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชการตามความในมาตรา 10 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 จำเป็นต้องนำความในวรรคห้ามาประกอบกมาพิจารณาด้วยหรือไม่
คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 2) ได้พิจารณาข้อหารือของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยมีผู้แทนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นผู้ชี้แจงข้อเท็จจริงแล้วมีความเห็นในแต่ละประเด็น ดังนี้
1.เห็นว่า เมื่อสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ได้สิ้นพระชนม์ เหตุแห่งการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชตามมาตรา 10 วรรคห้า แห่ง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 อันเนื่องจากการประชวรของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ย่อมเป็นอันสิ้นสุดลง ดังนั้น มติมหาเถรสมาคมที่เกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชจึงไม่อาจใช้บังคับได้ต่อไป และ
2.เห็นว่า มาตรา 10 วรรคหนึ่งแห่ง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 บัญญัติว่า เมื่อไม่มีสมเด็จพระสังฆราช ให้สมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ดังนั้น ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชในกรณีนี้จึงได้แก่ สมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์
ส่วนกรณีการดำเนินการแต่งตั้ง “คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช” ตามมาตรา 10 วรรคห้า แห่ง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ถือเป็น “ข้อยกเว้นที่อาจกระทำได้” เมื่อกรรมการมหาเถรสมาคมที่เหลืออยู่เห็นเป็นการสมควรว่า ควรมีการตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชแทนสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ตามมาตรา 10 วรรคหนึ่งแห่ง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505
กล่าวโดยสรุปก็คือ เมื่อสมเด็จพระสังฆราชตัวจริงสิ้นพระชนม์ การแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนจึงสิ้นสุดลงไปโดยปริยาย และระหว่างที่ไม่มีสมเด็จพระสังฆราช ให้สมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชไปพลางก่อน
ภาพประกอบ - สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ จากเว็บไซต์ www.alittlebuddha.com
