แกะเส้นทางเช่า 'กำไลEM' 74 ล. ก่อน 'สมศักดิ์' สั่งสอบสเปค-เพจดังแฉถอดออกเองได้?
"...เมื่อวันที่ 12 ก.พ.2562 พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้รายงานผลการดำเนินงานนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวผู้กระทำความผิดต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นทางการ ระบุว่า กรมคุมประพฤติได้ทำสัญญาเช่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว จำนวน 4,000 เครื่อง พร้อมระบบที่เกี่ยวข้องสำหรับการติดตามตัวผู้กระทำผิด กับ บริษัทสุพรีมดิสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด ตามสัญญาเลขที่ 61/2561 ลงวันที่ 14 สิงหาคม 2561 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 74,470,000 บาท เป็นระยะเวลา 21 เดือน (มกราคม 2562 -กันยายน 2563..."
โครงการเช่าอุปกรณ์กำไลคุมประพฤติ หรือ EM (Electronic Monitoring) ของ กรมคุมประพฤติ กำลังถูกจับตามอง!
เมื่อปรากฎข้อมูลว่า นายเอกพล กงภูธร เจ้าหน้าที่ บริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้ช่วยตรวจสอบอุปกรณ์กำไลคุมประพฤติ หรือ EM ของ กรมคุมประพฤติ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ว่า กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างมีความโปร่งใสหรือไม่ รวมไปถึงคุณภาพของสินค้าด้วย เนื่องจากมั่นใจว่าสินค้าของบริษัทตนมีคุณภาพดีกว่า
โดยเบื้องต้น ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ได้สั่งการให้รับเรื่องดังกล่าวไว้ตรวจสอบแล้ว โดยจะตรวจสอบคุณสมบัติอุปกรณ์ตามที่ประกาศ (TOR) กรรมการจัดซื้อจัดจ้าง และกรรมการตรวจรับว่ามีการผิดพลาด หรือคุณสมบัติไม่ตรงตามที่บริษัทดังกล่าวร้องเรียนหรือไม่ด้วย (ข่าวส่วนนี้จากไทยรัฐ : เอกชน บุก ร้อง"สมศักดิ์"รมว.ยุติธรรม ปมประมูลเช่ากำไล EM ส่อทุจริต)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบฐานข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานภาครัฐ พบว่า ในช่วงปี 2561 ที่ผ่านมา กรมคุมประพฤติ ทำสัญญาเช่า EM จำนวน 1 สัญญา จาก บริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด มูลค่า 74,470,000 บาท โดยทำสัญญาเมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2561
จากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกพบว่า เมื่อวันที่ 12 ก.พ.2562 พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้รายงานผลการดำเนินงานนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวผู้กระทำความผิดต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นทางการ
ระบุว่า กรมคุมประพฤติ ได้ทำสัญญาเช่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว จำนวน 4,000 เครื่อง พร้อมระบบที่เกี่ยวข้องสำหรับการติดตามตัวผู้กระทำผิด กับ บริษัทสุพรีมดิสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด ตามสัญญาเลขที่ 61/2561 ลงวันที่ 14 สิงหาคม 2561 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 74,470,000 บาท เป็นระยะเวลา 21 เดือน (มกราคม 2562 -กันยายน 2563
โดยบริษัทสุพรีมดิสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด ได้ส่งมอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวพร้อมระบบที่เกี่ยวข้องสำหรับการติดตามตัวผู้กระทำผิด เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2561 และคณะกรรมการตรวจรับพัสดุการเช่าและติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิสติดตามตัวพร้อมระบบที่เกี่ยวข้องสำหรับการติดตามตัวผู้กระทำผิด ได้ดำเนินการตรวจรับระหว่างวันที่ 7-14 ธันวาคม 2561 ซึ่งผลการตรวจรับปรากฏว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวและระบบที่เกี่ยวข้อง ถูกต้องครบถ้วนตรงตามขอบเขตของงาน (TOR) ทุกประการ
สำหรับผลการดำเนินงาน นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 จนถึง 15 มกราคม 2562 มีผู้ถูกคุมความประพฤติติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวตามคำสั่งศาลแล้ว รวมจำนวนทั้งสิน 166 ราย ได้แก่ผู้ถูกคุมควมประพฤติที่กระทำผิดในฐานความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกจำนวน 156 ราย ฐานความผิดขับรถประมาทจำนวน 2 ราย ฐานความผิดกระทำความรุนแรง ในครอบครัว บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธจำนวน 1 ราย ฐานความผิดยาเสพติดจำนวน 1 ราย และฐานความผิดบุกรุก จำนวน 6 ราย โดยระยะเวลาที่ศาลสั่งติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ส่วนใหญ่เป็นระยะเวลา 15 วัน มีผู้ถูกคุมความประพฤติครบกำหนดถอดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แล้ว จำนวน 47 ราย และมีผู้ถูกคุมความประพฤติที่ศาลมีคำสั่งยกเลิกการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว จำนวน 1 ราย เนื่องจากการประกอบอาชีพเป็นช่างช่อมเครื่องประจำเครื่องบิน ซึ่งมีความจำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศ
ทั้งนี้ จากการติดตามประเมินผลเบื้องต้นพบว่าผู้ถูกคุมความประพฤติสามารถปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมไปในทางที่ดีขึ้นมีความเคารพกฎระเบียบระมัดระวังตนเอง มีระเบียบวินัยตระหนักถึงความปลอดภัยมากขึ้นและไม่กล้าทำผิดอีก
สรุปผลโดยภาพรวมการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวจะช่วยเสริมประสิทธิภาพงานคุมประพฤติ เป็นหลักประกันความปลอดภัยของชุมชนและส่งสริมคนดีให้กลับสู่สังคม
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวอิศรา ได้รับแจ้งเบาะแสจากแอดมิน เพจ 'บิ๊กเกรียน' ว่า ทางเพจฯ เคยติดตามตรวจสอบข้อมูลประสิทธิภาพกำไลคุมประพฤติ หรือ EM จากผู้ถูกควบคุมความประพฤติบางราย พบว่า มีปัญหาในหลายประเด็น คือ พื้นที่ในต่างจังหวัดบางจุดเป็นพื้นที่อับสัญญาณ ทำให้กำไลคุมประพฤติ ไม่สามารถใช้งานหรือส่งข้อมูลแจ้งตำแหน่งต่อกรมได้ ขณะที่กำไลคุมประพฤติบางเครื่องมีปัญหาเครื่องรวนสั่นค้าง แต่ข้อมูลที่สำคัญที่สุด คือ ผู้ถูกควบคุมความประพฤติ บางรายสามารถที่จะถอดกำไลออกได้ด้วยตนเอง
"เราติดตามนำเสนอข่าวเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่เรื่องสำคัญ มีผลกระทบทั้งต่อการใช้จ่ายเงินงบประมาณของภาครัฐ และอาจทำให้โครงการนี้ ไม่บรรลุวัตถุประสงค์ในเรื่องการควบคุมความประพฤติของผู้ถูกควบคุมได้จริง แต่ทางกรมคุมประพฤติก็ยังไม่ได้มีการออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นทางการแต่อย่างใด " แอดมิน เพจ 'บิ๊กเกรียน' ระบุ
ทั้งนี้ ในช่วงสายวันที่ 6 ส.ค. 2562 ที่ผ่านมา สำนักข่าวอิศรา ติดต่อไปยัง บริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด เพื่อสอบถามข้อเท็จริงเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ผู้รับสายรับเรื่องไว้และจะติดต่อกลับอีกครั้ง
ณ ปัจจุบัน จึงยังไม่ได้รับคำชี้แจงยืนยันเป็นทางการว่า แท้จริงแล้ว อุปกรณ์กำไลคุมประพฤติ หรือ EM มีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาในขั้นตอนการใช้งานจริงตามข้อมูลที่ เพจ 'บิ๊กเกรียน' ตรวจสอบพบหรือไม่
แต่ข้อเท็จจริงเหล่านี้ ก็น่าจะเป็นประเด็นตั้งต้น ที่กระทรวงยุติธรรม ยุคใหม่ ที่ปรากฏชื่อ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นรัฐมนตรีว่าการฯ นำไปใช้ประกอบในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
ภาพจาก : แนวหน้า