‘เสี่ยวิชัย’ เจ้าพ่อคิง เพาเวอร์ คอลเลคเตอร์พระเครื่องดัง
พลิกปูม เสี่ยวิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าพ่อตำนาน คิง เพาเวอร์ เจ้าของอาณาจักรธุรกิจหลายหมื่นล. มากคอนเนกชัน สมยศ -กลุ่มวิไลลักษณ์ นักสะสมพระเครื่องดัง
ข่าวช็อกโลก! กรณีเกิดเหตุ เฮลิคอปเตอร์ของ วิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าของธุรกิจ ดิวตี้ฟี เมืองไทย และ เจ้าของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ตกที่บริเวณลานจอดรถใกล้กับสนามคิงเพาเวอร์ สเตเดียม ช่วงหลังจบเกมที่เลสเตอร์ ซิตี้ เสมอ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-1 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา จนถึงจขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่า ถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ดังกล่าว อย่างไรก็ตามสำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานว่านายวิชัยอยู่ในเครื่องบินลำดังกล่าวด้วย (อ่านประกอบ : ล่าสุด บีบีซีอังกฤษ ตีข่าว เสี่ยวิชัย อยู่ในเฮลิคอปเตอร์ที่ตกแน่นอนแล้ว)
นายวิชัยสมรสกับนางเอมอร มีบุตรทั้งหมด 4 คน น.ส. วรมาศ ศรีวัฒนประภา, นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา, น.ส. อรุณรุ่ง ศรีวัฒนประภา และ นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา โดยนายอัยยวัฒน์ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ และมีส่วนช่วยในการบริหารทีมฟุตบอลจนก้าวสู่ตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาล 2015–2016 (2558-2559)
ด้านธุรกิจ สำนักข่าวอิศรา เคยนำข้อมูลมารายงานว่า นายวิชัย เป็นเจ้าของบริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัดและสโมสรฟุตบอล เลสเตอร์ ซิตี้ และคนในครอบครัวนางเอมอร ศรีวัฒนประภา นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา และ น.ส.วรมาศ ศรีวัฒนประภา เป็นเจ้าของธุรกิจอย่างน้อย 16 บริษัท สินทรัพย์รวมมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท (ข้อมูลในช่วงปี 2557)
นายวิชัยมีคอนเนกชันกับนักการเมือง ข้าราชการ และนักธุรกิจจำนวนมาก ธุรกิจที่กลุ่มนายวิชัยถือห้นใหญ่คือ บริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งต่อมาควบรวมกับ บริษัท เวิลด์ แก๊ส (ประเทศไทย) จำกัด เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2557 ทุน 518.5 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่ 1 อาคารอีสท์ วอเตอร์ ชั้น 15 ซอยวิภาวดีรังสิต 5 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ณ วันที่ 5 เม.ย. 2561 นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ถือหุ้นใหญ่ 96,612,804 หุ้น (18.63%) โดยมีนายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ แห่งกลุ่มสามารถคอร์ปอเรชั่น ถือ 11.62% นายชัชวาลย์ เจียรวนนท์ 7.20% และ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง 7.03% นายวัชริศวร์ พงษ์พานิช 2.67% น.ส.มนตร์ลดา พงษ์พานิช 1.83%
ขณะเดียวกันนายวิชัยยังเป็นนักสะสมพระเครื่องตัวยง
ครั้งหนึ่ง นางปารีณา ปาจรียางกูร (ไกรคุปต์) อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชาชน และพรรคชาติไทยพัฒนา (ลูกสาวนายทวี ไกรคุปต์) เคยให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา ต่อกรณีนายอุปกิต ปาจรียางกูร นักธุรกิจเจ้าของรีสอร์ทที่ ต.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า สามีนางปารีณา (ขณะนั้น) ยอมปล่อยพระเครื่อง ‘สมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่’ มูลค่าองค์ละ 24 ล้านบาท ต่อให้กับ ‘มิ้ง จักรวรรดิ’ เซียนพระมีชื่อเป็นผู้รับทอดบูชาต่อด้วยสนนราคาราว 30 ล้านบาท ปล่อยให้เช่าเป็นเวลานานหลายปีแล้ว และพระองค์ดังกล่าวมีเพียงองค์เดียวเท่านั้น
“เมื่อ ‘มิ้ง’ เช่าพระองค์ดังกล่าวต่อจากสามีฉัน โดยเช่าไปหลายปีแล้ว ต่อมาได้นำไปปล่อยให้ ‘วิชัย ศรีวัฒนประภา (รักศรีอักษร)’ ในราคาราว 15 – 20 ล้านบาท เนื่องจากคุณวิชัย เขาให้เซียนพระมาตรวจสอบแล้วคิดว่าไม่สวย จึงขอเช่าในราคานี้ ซึ่ง ‘มิ้ง’ ก็ยอมปล่อยไปในราคาดังกล่าว”
และ ยังระบุด้วยว่า ‘มิ้ง จักรวรรดิ’ ไม่ได้ปล่อยสมเด็จวัดระฆังให้นายวิชัยเพียงแค่องค์เดียว แต่ยังรวม ถึงพระเครื่องในกรุตัวเองอีกเป็นจำนวนมาก รวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาทไปพร้อมกันด้วย
อันเป็นเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ นางปารีณา ซึ่งเคยแจ้งว่ามีพระเครื่องดังองค์ดังกล่าวต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ป.ป.ช. ต่อมา แจ้งว่าไม่มีพระเครื่ององค์ดังกล่าว กรณีพ้นตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556
ทั้งนี้ สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลพบว่า นายวิชัย เป็นผู้นิยมสะสมพระเครื่องชื่อดัง มูลค่าสูงคนหนึ่งในประเทศไทย ซึ่งสะสมมาจนกระทั่งสามารถเปิดเป็น ‘พิพิธภัณฑ์พระ วีอาร์ มิวเซียม (VR Museam)’โดย พระเครื่อง”ที่นายวิชัยเน้นสะสมเป็นพิเศษก็คือ พระสมเด็จวัดระฆัง ซึ่งเกือบทุกองค์ที่ชื่อดังในประเทศไทยต่างปรากฏชื่อนายวิชัยเป็นผู้เช่าแทบทั้งสิ้น
ส่งผลให้ในปี 2552 นายวิชัยได้รับตำแหน่งคอลเลคเตอร์แห่งอาณาจักรพระเครื่องไทยไปครอบครอง!
ภายหลังรับรางวัลดังกล่าว นายวิชัย เคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่อเหตุผลที่เข้าสู่วงการพระเครื่องว่า เริ่มเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน เมื่อนายมนตรี พงษ์พานิช (อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรมว.คมนาคม ที่อนุมัติโครงการ ‘โฮปเวลล์’ ในสมัยรัฐบาลพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ) ซึ่งรักใครนายวิชัยเหมือนน้อง ได้นำพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ องค์ขุนศรี และเกศบัวตูม มาให้นายวิชัยเลือก พร้อมพระเครื่ององค์อื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม ขณะนั้นนายวิชัยยังไม่มีความรู้พระเครื่อง ประกอบกับเกรงใจ จึงเลือกหยิบองค์ที่คาดว่าแพงน้อยที่สุด และต่อมานายมนตรี ก็ได้ให้พระเครื่องกับนายวิชัยไว้อีกหลายองค์อีกด้วย
โดยระหว่างนั้นนายวิชัย มีเซียนพระชั้นยอดคู่กาย อยู่ 2 คน คือนายพิศาล เตชะวิภาค หรือ ‘ต้อย เมืองนนท์’ อุปนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย (ตำแหน่งขณะนั้น) และนายมงคล เมฆมานะ หรือ 'โกเนี้ยว สำโรง' คณะกรรมการตัดสินพระเครื่องชุดเบญจภาคี (ตำแหน่งขณะนั้น) เพื่อคอยตรวจสอบพระเครื่องที่หลั่งไหลเข้ามาในกรุอย่างระมัดระวังที่สุด
หลังจากนั้นนายวิชัย จึงเริ่มเข้าศึกษาวงการพระเครื่อง และกว้านเช่าพระชื่อดังต่าง ๆ มาเก็บไว้เป็นคอลเลคชั่นมากมาย แม้ว่าพระเครื่องบางองค์จะมูลค่าสูงเฉียด 100 ล้านบาทก็ตาม จนกระทั่งได้รับตำแหน่งคอลเลคเตอร์ในปี 2552 ในที่สุด ขณะที่การประเมินมูลค่าพระเครื่องที่ ‘เสี่ยวิชัย ช’ ครอบครองอยู่นั้นมีมูลค่าสูงถึงกว่า 500 ล้านบาท !
ทั้งนี้ พระสมเด็จวัดระฆัง ที่นายวิชัย ครอบครองอยู่มีหลายพิมพ์ หลายแบบ เช่น พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ ได้จากนายมนตรี พงษ์พานิช, พระสมเด็จวัดระฆัง ทรงเจดีย์ ที่เคยเป็นของตรียัมปวาย, พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ (เศียรสะบัด) องค์เกศสะบัด, พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ องค์แชมป์ ชื่อ องค์เสี่ยหน่ำ, พระสมเด็จวัดระฆัง องค์เปาบุ้นจิ้น เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี 2552 ในกรุพระเครื่องของนายวิชัย ไม่ได้ระบุว่า ครอบครองพระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ ซึ่งเช่าต่อจาก ‘มิ้ง จักรวรรดิ’ แต่อย่างใด
ทั้งหมดคือข้อมูลเกี่ยวกับเสี่ยวิชัยทางด้านธุรกิจ และวงการพระเครื่อง ผู้เป็นตำนาน คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ:
'เดอะการ์เดี้ยน' แพร่คลิปเฮลิคอปเตอร์ 'เสี่ยวิชัย'ตก-จนท.ทีมกู้ภัยเร่งช่วยเหลือเต็มที่
เปิดกรุพระ“เจ้าพ่อคิง เพาเวอร์” ตามรอย“สมเด็จวัดระฆัง” มิ้ง จักรวรรดิ !
ผ่าขุมธุรกิจ“เสี่ยวิชัย”เจ้าของ“คิง เพาเวอร์-เลสเตอร์ซิตี้”3.4 หมื่นล.