แกะรอยข้อมูล'เพจต้องแฉ' อ.สาวโวยถูกเรียกเก็บค่าSMSหลักพัน ทั้งที่ไม่ได้กดยอมรับบริการ?
"...เจ้าหน้าที่ ให้ข้อมูลว่า เวลาที่เราเปิดใช้อินเตอร์เน็ตจะมีบริการพวกนี้แฝงเข้ามา เราก็งงว่าทำไมเป็นแบบนี้ อ้าวแฝงมาแล้ว แต่เราไม่ได้กดรับบริการ ทำไมมาคิดเงิน แบบนี้ต่อไปก็มาได้เรื่อยๆ ซิ แล้วต่อไปจะทำอย่างไร เค้าก็บอกว่าให้ปิดเน็ต หรือกดยกเลิก เราก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ แล้วเราจะซื้อโปรเน็ตไปทำไม ตาสีตาสาไม่รู้เรื่องก็โดนได้ซิแบบนี้ แม่ตนคนเดียวโดนไปเป็นพันแบบนี้ คนอื่นอีกไม่รู้กี่รายจะโดนแค่ไหน วงเงินต่อเดือนจะมากขนาดไหน ยิ่งคนที่จ่ายเงินแบบโอนผ่านตู้เอทีเอ็ม หรือมือถือไม่ได้ดูบิลด้วย..."
"เก็บค่า SMS โดยที่ไม่ได้ยอมรับ เรียกเก็บได้หรอ?"
"ลูกเพจร้อง จ่ายไปหลักพัน จากเดิมเดือนละ 200 บาท ถัดมา บิลมา 2,000+ บาท (มันอย่างไรกันละนี่)"
"ใหน ใครเคยเจอแบบนี้บ้าง แอดเคยเจอมั่วบิลมาเก็บด้วยนะ จากรายเดือน 599 บิลมา 800+ บาท ผมนี่ งง เลยครับ"
นี่คือ ประโยคข้อความในโพสของ 'เพจต้องแฉ' ที่เผยแพร่เป็นทางการ เมื่อวันที่ 7 เม.ย.2561 ที่ผ่านมา (https://www.facebook.com/mustshareofficial/)
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เห็นว่าเรื่องมีความสำคัญต่อสาธารณะ และเป็นข้อมูลที่น่าสนใจชวนให้ติดตามสืบค้นหาความจริงหลายประการ
ล่าสุดจากการสอบถามข้อมูลแอดมิน 'เพจต้องแฉ' ได้รับการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า ได้รับแจ้งข้อมูลนี้ มาจากอาจารย์สาวมหาวิทยาลัยในจังหวัดแห่งหนึ่งแถวภาคอีสาน
ระบุว่า ได้รับใบแจ้งให้ชำระค่าบริการมือถือล่าสุด รวมยอดอยู่ที่ 2 พันกว่าบาท จากค่าบริการมือถือรายเดือนปกติซึ่งอยู่ที่หลักร้อยบาท เท่านั้น
แต่เนื่องจากตนเองไม่ได้เป็นคนใช้งาน แม่เป็นผู้ใช้ จึงได้ไปสอบถามความจริงจากแม่ ถึงสาเหตุว่าทำไม ค่าบริการถึงสูงเป็นหลักพันบาทเช่นนี้
แม่ก็ยืนยันว่า ไม่ได้ใช้ทำอะไรเลย นอกจากโทรเข้าโทรออกตามปกติ และก็ยังงงอยู่เหมือนกันว่า ทำไมค่าบริการถึงสูงเป็นหลักพันบาทแบบนี้
ทั้งนี้ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง อาจารย์สาวรายนี้ จึงได้ติดต่อไปยังศูนย์บริการของบริษัทมือถือ เพื่อขอดูรายละเอียดค่าใช้จ่าย เนื่องจากที่ผ่ามมา จะใช้วิธีการจ่ายเงินค่าบริการแบบโอนเงินผ่านธนาคาร
จนกระทั่งได้รู้ความจริงว่า สาเหตุที่ทำให้ค่าบริการมือถือ อยู่ที่หลักพันกว่าบาท ไม่ได้เป็นเพราะค่าโทร แต่เป็นเพราะค่า SMS จำนวนมากที่ส่ง เข้ามา ซึ่งมีการเรียกเก็บเงินค่าบริการต่อครั้งรวมอยู่ด้วย
ที่น่าสนใจ คือ แม่ของตนไม่เคย กดตอบรับ ยืนยันความต้องการข้อความเหล่านี้เลย แล้วข้อความเหล่านี้ ถูกส่งเข้ามาในมือถือ และคิดเงินได้อย่างไร
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา โทรศัพท์ติดต่อไปยัง อาจารย์สาวรายนี้ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ได้รับการยืนยันว่า มีปัญหาเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง
" ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทำเรื่องถึงสำนักงานใหญ่ของบริษัทค่ายมือถือ เพื่อยืนยันว่าจะไม่ยอมจ่ายเงินค่าบริการ SMS ส่วนที่เกินมา ยอมจ่ายเฉพาะค่าบริการโทรศัพท์รายเดือนตามโปรโมชันเท่านั้น เพราะไม่เคยแจ้งยืนยันตอบรับการใช้บริการแต่อย่างใด"
อาจารย์สาวรายนี้ ระบุว่า เมื่อปีที่แล้ว ตนไปแจ้งเปิดใช้บริการมือถือ เพื่อให้แม่ไว้ใช้งาน เนื่องจากอยู่กันคนละจังหวัด เวลามีอะไรจะได้ติดต่อกันได้ โดยเลือกบริการโปรโมทชัน เดือนละ 199 บาท บวกค่าธรรมเนียมก็เสียประมาณ200กว่าบาท เพราะแม่ไม่ได้เป็นคนที่โทรศัพท์อะไรมากอยู่แล้ว
จากนั้นก็ใช้งานมาเรื่อยๆ ไม่มีปัญหาอะไร จนกระทั่งมีอยู่เดือนหนึ่ง ได้รับแจ้งค่าใช้บริการมาประมาณ 600 กว่าบาท
แต่ตอนก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะคิดว่า แม่คงโทรศัพท์เกินไปจริงก็จ่ายๆ ก็ยอมจ่ายเงินไป
แต่เมื่อประมาณ 3 เดือนที่แล้ว ได้รับแจ้งค่าใช้บริการมา อยู่ที่วงเงินประมาณ 1,300 บาท จึงตกใจมาก สอบถามแม่ว่าใช้อะไร ทำไมวงเงินถึงสูงแบบนี้
แม่ก็ยืนยันว่า ไม่ได้ใช้เลย โทรเข้าโทรออกตามปกติ และก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมวงเงินถึงสูงมากขนาดนี้
ตนจึงร้อนใจ รีบไปติดตามสอบถามข้อมูลกับศูนย์บริการฯ ได้รับแจ้งว่ามีค่าใช้จ่ายเสริมเพิ่มขึ้น มาเป็นค่า SMS บริการส่งข้อความ เกี่ยวกับเรื่องดวง สุขภาพ
แต่แม่ก็ยืนยันว่าไม่เคยไปกดตอบรับให้ส่งข้อความอะไรเหล่านี้เลย
"เจ้าหน้าที่ ให้ข้อมูลว่า เวลาที่เราเปิดใช้อินเตอร์เน็ตจะมีบริการพวกนี้แฝงเข้ามา เราก็งงว่าทำไมเป็นแบบนี้ อ้าวแฝงมาแล้ว แต่เราไม่ได้กดรับบริการ ทำไมมาคิดเงิน แบบนี้ต่อไปก็มาได้เรื่อยๆ ซิ แล้วต่อไปจะทำอย่างไร เค้าก็บอกว่าให้ปิดเน็ต หรือกดยกเลิก เราก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ แล้วเราจะซื้อโปรเน็ตไปทำไม ตาสีตาสาไม่รู้เรื่องก็โดนได้ซิแบบนี้ แม่ตนคนเดียวโดนไปเป็นพันแบบนี้ คนอื่นอีกไม่รู้กี่รายจะโดนแค่ไหน วงเงินต่อเดือนจะมากขนาดไหน ยิ่งคนที่จ่ายเงินแบบโอนผ่านตู้เอทีเอ็มหรือมือถือไม่ได้ดูบิลด้วย "
อาจารย์สาวรายนี้ เล่าให้ฟังต่อว่า "หลังจากที่ทราบข้อมูลทั้งหมด เลยติดต่อเจ้าหน้าที่ศูนย์ไปว่า งั้นต่อไปเราจะไม่ขอใช้บริการแล้ว ขอปิดบริการโทรศัพท์เลย และเราก็ไม่ยอมจ่ายเงิน 1,300 บาท ให้ด้วย ถ้าจะให้จ่ายก็จะจ่ายเฉพาะค่าโทรรายเดือนตามโปโมทชั่นเท่านั้น เพราะเราไม่ได้ใช้บริการค่า SMS อะไรเลย จะมาให้จ่ายเงินแบบนี้ได้ยังไง จนกระทั่งล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้ว มีใบแจ้งหนี้ส่งมาให้เราไปชำระเงินอีก ซึ่งนอกจากเงินค้างจำนวน 1,300 บาท แล้ว และมีเงินค่าโทรศัพท์โปรโมชันรายเดือนที่ทบเพิ่มเติมมาอีก 2 เดือน เดือนละ 200 กว่าบาท แต่ไม่มีค่า SMS รวมอยู่ด้วย
" จากนั้นเราก็ติดต่อกลับไปที่ศูนย์เพิื่อสอบถาม ข้อมูล บอกว่าเรายกเลิกบริการไปแล้ว เค้าก็แจ้งตอบกลับว่า เรามียอดค้างชำระอยู่ต้องจ่ายตามนี้ เราก็คิดว่า อาจเป็นเพราะเราแจ้งด้วยวาจาว่าจะปิดบริการ ก็ไม่เป็นไร ยอมจ่ายก็ได้ แต่เราก็ยืนยันว่า จะจ่ายให้เฉพาะค่าโทรตามโปรโมชั่นเท่านั้น ส่วนค่าส่งข้อความ SMS เสริมพิเศษอะไรที่เพิ่มขึ้นมาเราไม่ขอจ่าย ทางศูนย์ฯ ก็บอกว่าให้เราทำเรื่องไปถึงสำนักงานใหญ่เพื่อให้ติดต่อเรื่องนี้เอาเอง"
"ตอนนี้ทำเรื่องไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ตนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ มันไม่ถูกต้อง จึงออกมาร้องเรียน เพราะอยากให้สังคมได้รับทราบข้อมูล ไม่ตกเป็นเหยื่อ ไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยแบบที่แม่และตนเจอ เราทุกคนควรออกมาปกป้องสิทธิ์ประโยชน์ของผู้บริโภค อย่าไปยอมแพ้ แล้วคิดว่า เงินเล็กๆ น้อยๆ ยอมเสียไปเพื่อจบปัญหา ทั้งที่เรา ไม่ได้เป็นคนก่อปัญหาแบบนี้ และเชื่อว่าจะมีอีกหลายคนที่เจอปัญหาอย่างตนกับแม่แน่นอน"
ทั้งนี้ ภายหลังการสัมภาษณ์ อาจารย์สาวรายนี้ ได้ส่งหลักฐานมาให้สำนักข่าวอิศรา เพื่อยืนยันข้อมูล เป็นรายละเอียดแสดงการแจ้งค่าใช้บริการโทรศัพท์ วงเงิน 600 บาท จากยอดใช้งานปกติ 200 กว่าบาท ที่พบข้อผิดสังเกตครั้งแรก และรายละเอียดแสดงจำนวนค่าใช้บริการรับส่งข้อมูลที่แฝงเข้ามาจากบริการอินเตอร์เน็ต จากยอดค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาประมาณ 1,300 บาท
อย่างไรก็ดี คำถามที่น่าสนใจ และยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ คือ ข้อความ SMS ที่เป็นบริการเสริมพิเศษเหล่านี้ มีตัวตนอยู่จริงหรือไม่? และที่สำคัญมันถูกระบุเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเรียกเก็บรายเดือนค่าใช้จ่ายมือถือได้อย่างไร ทั้งที่ ผู้ใช้บริการไม่ได้กดตอบรับการใช้บริการเลย?
และเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องค้นหาคำตอบเพื่อทำความจริงให้ปรากฎชัดเจนต่อไป