เปิดคำสั่งคดีพิพาท ปี 2553 ก่อนเกิดเหตุขวานทุบรถจอดขวางประตู
ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ได้รับความเดือดร้อนจากการประกอบกิจการตลาดนัดทั้งสองแห่ง มีการสร้างเต็นท์โครงเหล็กหลังคาผ้าใบประชิดติดแนวกำแพงรั้วบ้าน มีคนงานปีนขึ้นลงหลังคาเต้นท์และมองเข้ามาในบ้านอยู่ตลอดเวลา ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย การเปิดตลาดนัดไม่มีการจัดระเบียบโดยปล่อยให้มีการขายของไปถึงถนน ส่งเสียงรบกวนผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ทั้งกลางวันและกลางคืน และผู้ค้าและผู้มาซื้อสินค้านำรถมาจอดปิดทางเข้าออกบ้านพักของผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ ก่อให้เกิดปัญหาการจราจร
จากกรณีมีการเผยแพร่ คลิปดังการทุบรถกระบะ หลังจากมีคนนำมาจอดไว้หน้าบ้านเลขที่ 37/208 ซ.หมู่บ้านเสรีวิลล่า ทั้งๆ ที่มีป้ายติดอยู่อย่างชัดเจน จากนั้นก็กลายเป็นเรื่องราวผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่โรงพัก และภาพได้ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกออนไลน์
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบว่า ปี 2553 ศาลปกครองสูงสุด เคยมีคำสั่งให้ กทม. ปิดตลาดนัด ม.เสรีวิลล่าประเวศ ก่อเหตุเดือดร้อนรำคาญ ชาวบ้านฟ้องขอคุ้มครองชั่วคราว
สำหรับคดีดังกล่าวสืบเนื่องจาก น.ส.บุญศรี แสงหยกตระการ พร้อมพวกรวม 4 คน ยื่นฟ้องผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, ผอ.เขตประเวศ, สำนักงานเขตประเวศ และ กทม. ต่อศาลปกครองกลางว่า ร่วมกันดำเนินการโดยไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และ ละเลยต่อหน้าที่ ปล่อยให้มีการดำเนินกิจการตลาดนัดข้างบ้านของตนจนสร้างความเดือดร้อนรำคาญจนไม่สามารถอยู่ได้อย่างปกติสุข เสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และขอให้ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองระงับการดำเนินกิจการตลาดนัดดังกล่าวไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีคำพิพากษา
ซึ่งในคดีนี้ ผู้ฟ้องทั้งสี่ เป็นเจ้าของบ้านเลขที่ 37/207 ซอยหมู่บ้านเสรีวิลล่า ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ที่ดินขวามือของบ้าน (เมื่อหันออกสู่ถนนภายในหมู่บ้าน) มีการจัดตั้งตลาดรุ่นอรุณสวนหลวงร.9 มีนางสาวจิดาภา แซ่ลิ้ม เป็นเจ้าของตลาดตามใบอนุญาตจัดตั้งตลาด ตลาดประเภท 2 ฉบับเลขที่ 001 ออกให้เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2551 ใช้ได้จนถึงวันที่ 15 กันยายน 2552
ส่วนตลาดด้านซ้ายมือของบ้านเป็นตลาดไม่มีชื่อ ตั้งอยู่บริเวณอาคารเลขที่ 37/216 มีนายมงคง พุ่มผกา เป็นผู้ดูแลตลาดโดยไม่มีใบอนุญาตจัดตั้งตลาด ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ได้รับความเดือดร้อนจากการประกอบกิจการตลาดนัดทั้งสองแห่ง เนื่องจาก
- มีการสร้างเต็นท์โครงเหล็กหลังคาผ้าใบประชิดติดแนวกำแพงรั้วบ้านตลอดแนว
- มีคนงานปีนขึ้นลงหลังคาเต้นท์และมองเข้ามาในบ้านอยู่ตลอดเวลา ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย และเต้นท์ยังบดบังแสงแดด ทิศทางลม และเมื่อเวลาฝนกตกน้ำจากหลังคาผ้าใบจะกระเซ็นเข้ามาในบริเวณบ้าน
- การเปิดตลาดนัดไม่มีการจัดระเบียบโดยปล่อยให้มีการขายของไปถึงถนน ส่งเสียงรบกวนผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ทั้งกลางวันและกลางคืน กลิ่นควันจากการประกอบอาหารและขยะที่เกิดจากตลาดนัดส่งกลิ่นเหม็นรบกวน
และ ผู้ค้าและผู้มาซื้อสินค้านำรถมาจอดปิดทางเข้าออกบ้านพักของผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ ก่อให้เกิดปัญหาการจราจร
ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ยังถูกคุกคามจากผู้ประกอบกิจการในบริเวณดังกล่าว อันเนื่องมาจากการร้องเรียนต่อสำนักงานเขตประเวศ หลายครั้ง เพื่อให้ตรวจสอบแก้ไขและยกเลิกใบอนุญาตจัดตั้งตลาด เป็นต้น
ทั้งนี้ ได้มีการขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง อาทิ
1.เพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้งตลาดรุ่งอรุณสวนหลวง ร.9
2.ให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสี่ ออกคำสั่งรื้อถอนอาคารที่ผิดกฎหมายของตลาดรุ่งอรุณสวนหลวงร.9 และตลาดไม่มีชื่อ และตลาดที่เกิดใหม่ในหมู่บ้านเสรีวิลล่าทันที และขอให้พื้นที่บริเวณดังกล่าวกลับคืนสู่สภาพการจัดสรรที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย
3.ห้ามออกใบอนุญาตในการทำและก่อสร้างตลาดทุกประเภท รวมทั้งการก่อสร้างอาคารเพื่อประกอบการพาณิชย์ติดบ้านพักอาศัยโซนที่พักอาศัยหมู่บ้านเสรีวิลล่า
4.ให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสี่ดำเนินการจัดการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและการสาธารณสุขที่เกิดจากการดำเนินกิจการตลาด เป็นต้น
สำหรับคดีนี้ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องข้อหาที่หนึ่งที่ 1 ฟ้องว่า ผู้อำนวยการเขตประเวศ ออกใบอนุญาตจัดตั้งตลาดโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และคำฟ้องตามคำขอข้อ 3 ของผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ กับไม่รับคคำฟ้องข้อหาที่สามที่ฟ้อง ผู้ว่าฯ กทม. และกรุงเทพมหานคร กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและละเมิดกรณีให้ตรวจสอบตามบัตรสนเท่ห์
จากนั้นผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นที่ไม่รับคำฟ้องบางข้อหาไว้พิจารณา ขอให้ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยก หรือกลับคำของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้รับคำฟ้องไว้พิจารณาคดีทุกข้อหา
ศาลปกครองสูงสุด พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อหาที่ 1 การออกใบอนุญาตจัดตั้งตลาดรุ่นอรุณสวนหลวง ร.9 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้งตลาดดังกล่าวฯ นั้น ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องข้อหาที่ 1 ไว้พิจารณา ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย
ส่วนข้อหา กรณีฟ้องว่า ผูู้ว่าฯ กทม. มีคำสั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามบัตรสนเท่ห์ ลงวันที่ 10 มีนาคม 2552 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีทั้ง 4 ได้รับความเดือดร้อนเสียชื่อเสียง การที่ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องข้อหานี้ไว้พิจารณา นั้นศาลปกครองสูงสูดเห็นฟ้องด้วยในผล
จึงมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น
อย่างไรก็ตาม ศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เนื่องจาก น.ส.บุญศรีและพวกยังคงได้รับความเดือดร้อนจากการละเลยต่อหน้าที่ของผู้ว่าฯ กทม. ผอ.เขตประเวศ สำนักงานเขตประเวศ และ กทม.
คดีนี้ผ่านมา 7-8 ปี แม้จะยังไม่มีคำพิพากษาคดีถึงที่สุด และจะใช่คดีเดียวกันกับผู้หญิงที่ใช้ขวานทุบรถกระบะจอดขวางหน้าบ้าน ซึ่งเจ้าของบ้านเตรียมชี้แจงเหตุที่เกิดขึ้นกับสื่อมวลชนวันนี้ เวลา 10.00 น.หรือไม่ ต้องคอยติดตาม
ขอบคุณภาพจาก:https://www.facebook.com/daechanut.charoenvorakul