- Home
- Isranews
- โผล่ชื่อกก.-หุ้นใหญ่ช่วงแจ้งรายได้1.9พันล.! เปิดตัวเจ้าของบ.หีบบัตรกกต.เชียงใหม่คดีม.44ล็อต9
โผล่ชื่อกก.-หุ้นใหญ่ช่วงแจ้งรายได้1.9พันล.! เปิดตัวเจ้าของบ.หีบบัตรกกต.เชียงใหม่คดีม.44ล็อต9
"..สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลเอกสารหลักฐานการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ซอร์ลิแทร์ ออฟฟิซิน จำกัด ที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า ในช่วงจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2548 บริษัทฯ แจ้งทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 140/3 หมู่ที่ 10 แขวงบางแค เขตบางแค กทม. ปรากฏชื่อนางสาวอาวิษฎา ธัญญศิริ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ เป็นผู้แจ้งจองชื่อตั้งบริษัทฯ และถือหุ้นใหญ่สุด..22 มี.ค.2556 นางสาวอาวิษฎา ธัญญศิริ แจ้งลาออกจากกรรมการ ปรากฏชื่อนายสุจินต์ สว่างอารมณ์ เข้ามาเป็นกรรมการ และถือหุ้นใหญ่แทน ขณะที่จากการตรวจสอบข้อมูลงบการเงิน ปี 2556 และหมายเหตุประกอบงบการเงินของบริษัทฯ พบว่า มีการแจ้งตัวเลขรายได้ไว้ที่ 1,932,631,606.58 บาท แต่ไม่ได้ระบุที่มาของรายได้ว่ามาจากการทำธุรกิจอะไรกันแน่..."
“ปัจจุบัน นายสุจินต์ (สว่างอารมณ์ กรรมการผู้มีอำนาจและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ซอลิแทร์ ออฟฟิซิน จำกัด) อายุ 70 กว่าปีแล้ว จึงขอรับเรื่องแทน ซึ่งได้ข่าวมาว่าหน่วยงานราชการจะเข้ามาติดต่อบริษัทฯ แต่ไม่แน่ใจว่า กกต. หรือฝ่ายตรวจสอบของ กกต. จะเข้ามาติดต่อกับนายสุจินต์ ซึ่งก็นานหลายเดือนแล้ว ตั้งแต่บริษัท ซอลิแทร์ฯ ยังไม่ย้ายออกไป น่าจะประมาณ 3-4 เดือนแล้วที่จะเข้ามาขอข้อมูล และเงียบหายไป ก็มีโทรเข้ามาถามว่ามีใครเข้ามาหรือยัง แต่ก็ยังไม่มีใครเข้ามา”
“บริษัทฯ ย้ายไปอยู่อีกที่หนึ่ง แต่ก็ยังสามารถติดต่อได้”
“จริง ๆ บริษัทฯ รับทำงานกับทั้งท้องถิ่นและจังหวัด เราทำงานกับราชการอยู่แล้ว รับทำงานกับ กกต. มาเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว และมีอีกหลายสิบบริษัทที่ทำงานอยู่กับทาง กกต.”
ส่วนเหตุผลที่เลิกบริษัท “เนื่องจากต้องการเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อให้สามารถรับงานได้มากขึ้น”
คือ ข้อมูลล่าสุดที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รับทราบจาก นายชาย สุวรรณเกต ชายหนุ่มอายุประมาณ 40 ปีเศษ ที่อยู่ในบ้านเลขที่ 1 ซ.เพชรเกษม 67 ถ.เพชรเกษม แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพมหานคร จากการลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ตั้งของ บริษัท ซอลิแทร์ ออฟฟิซิน จำกัด ซึ่งปรากฏชื่อเป็นคู่สัญญาจัดจ้างพิมพ์คู่มือกรรมการหน่วยเลือกตั้งและจัดทำหีบบัตร ด้วยวิธีพิเศษ ของสำนักงาน กกต. ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงปี 2557 หลังจากที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาให้การเลือกตั้งใหม่ และถูกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบพบปัญหาการจัดจ้างพิมพ์คู่มือกรรมการหน่วยเลือกตั้ง และจัดทำหีบบัตรด้วยวิธีพิเศษ ที่มีลักษณะเอื้อประโยชน์ให้เอกชนผู้ชนะ
อันเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ นายสุชาติ ใจภักดี อดีตผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำ จ.เชียงใหม่ (ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำ จ.เพชรบูรณ์) และ นายกฤษเรศ วังทะพันธ์ อดีตรองผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำ จ.เชียงใหม่ (ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำ จ.แม่ฮ่องสอน) ซึ่งปรากฏชื่ออยู่ในกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ 70 ราย ที่ถูก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลงนามในคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 35/2560 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 9 ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่เป็นการชั่วคราว เพื่อเข้าสู่กระบวนการตั้งคณะกรรมการสอบสวนจากหน่วยงานตนสังกัดอยู่ในขณะนี้ (อ่านประกอบ : ได้เงิน1.9 พันล.จากธุรกิจอื่น-ย้ายที่อยู่ไปแล้ว!เผยโฉม บ.หีบบัตรกกต.เชียงใหม่คดีม.44ล็อต9)
ขณะที่ สำนักข่าวอิศรา ขยายผลการตรวจสอบของ สตง. พบว่า ล่าสุดบริษัทฯ ได้จดทะเบียนเลิก ซึ่งนายทะเบียนได้รับจดทะเบียนไว้แล้ว เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2560 และขณะนี้ยังไม่ได้จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี ทั้งที่ ในช่วงปี 2556 บริษัทฯ นำส่งงบการเงินแสดงผลประกอบการธุรกิจ ที่นำส่งให้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ณ 25 ธันวาคม 2556 แจ้งว่า มีรายได้รวม 1,932,632,025.44 บาท แยกเป็น รายได้จากการขาย 1,932,631,606.58 บาท รายได้อื่น 418.86 บาท รวมรายจ่าย 1,930,827,797.31 บาท กำไรสุทธิ 1,384,276.94 บาท (อ่านประกอบ : โชว์รายได้1.9พันล.ก่อนแจ้งเลิกกิจการ!เปิดตัวบ.รับจ้างพิมพ์หีบบัตรกกต.เชียงใหม่คดีม.44, ข้องใจรายได้1.9พันล.แต่เลิกกิจการ!สตง.สั่งสอบบ.พิมพ์หีบบัตรกกต.เชียงใหม่คดีม.44เพิ่ม)
จึงนำมาสู่คำถามสำคัญว่า รายได้จากการทำธุรกิจปี 56 วงเงินกว่า 1.9 พันล้านบาท มาจากไหน? รายได้ดีขนาดนี้ทำไมต้องแจ้งเลิกกิจการ?
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลเอกสารหลักฐานการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ซอร์ลิแทร์ ออฟฟิซิน จำกัด ที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า ในช่วงจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2548 บริษัทฯ แจ้งทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 140/3 หมู่ที่ 10 แขวงบางแค เขตบางแค กทม.
ปรากฏชื่อนางสาวอาวิษฎา ธัญญศิริ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ เป็นผู้แจ้งจองชื่อตั้งบริษัทฯ และถือหุ้นใหญ่สุด
ต่อมา 28 พ.ค.2550 นายชาย สุวรรณเกต ปรากฏชื่อเข้ามาเป็นกรรมการรวมกับ นางสาวอาวิษฎา ธัญญศิริ เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 5 ล้านบาท
8 มิ.ย.2550 นายสุเทพ สุวรรณเกต นางสาวสุรวดี สุวรรณเกต นายดิวเดช สุวรรณเกต นางสาวภัทราวรรณ สุวรรณเกต ปรากฏชื่อเข้ามาเป็นกรรมการร่วมกับ นายชาย สุวรรณเกต นางสาวอาวิษฎา ธัญญศิริ
21 มิ.ย.2550 นายสุเทพ สุวรรณเกต นางสาวสุรวดี สุวรรณเกต นายดิวเดช สุวรรณเกต นางสาวภัทราวรรณ สุวรรณเกต นายชาย สุวรรณเกต แจ้งลาออกจากกรรมการ เหลือ นางสาวอาวิษฎา ธัญญศิริ เป็นกรรมการแต่เพียงผู้เดียว
ช่วงเดือนก.ย.2550 ถูกสำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพฯ 14 แจ้งสำนักงานบริหารข้อมูลธุรกิจ ขอให้ระงับการอนุมัติจดทะเบียนเลิกบริษัท เนื่องจากค้างชำระภาษีกับกรมสรรพากร เป็นจำนวนมาก
4 ต.ค.2550 บริษัทฯ แจ้งย้ายที่อยู่ใหม่ เป็น 392 หมู่ที่ 10 ซอยเพชรเกษม 67 ถนนเพชรเกษม แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพฯ
ช่วงเดือนก.พ.2551 ถูกสำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพฯ 14 แจ้งสำนักงานบริหารข้อมูลธุรกิจ ขอให้ระงับการอนุมัติจดทะเบียนเลิกบริษัท เนื่องจากค้างชำระภาษีกับกรมสรรพากร เป็นจำนวนมาก อีกครั้ง ก่อนที่บริษัทฯ จะดำเนินการชำระภาษีครบถ้วน ในช่วงก.ย.2551
16 ธ.ค.2552 บริษัทฯ แจ้งย้ายที่อยู่ใหม่ เป็น 1 ซอยเพชรเกษม 67 ถนนเพชรเกษม แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพฯ
22 มี.ค.2556 นางสาวอาวิษฎา ธัญญศิริ แจ้งลาออกจากกรรมการ ปรากฏชื่อนายสุจินต์ สว่างอารมณ์ เข้ามาเป็นกรรมการ และถือหุ้นใหญ่แทน
โดย นายสุจินต์ สว่างอารมณ์ แจ้งข้อมูลส่วนตัวว่าอายุประมาณ 61 ปี มีอาชีพค้าขาย พักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 12/6 หมู่ที่ 17 แขวงบางระมาด อำเภอตลิ่งชัน กทม. ระบุหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ 02-58971XX
ช่วงเดือนก.ค.2556 ถูกสำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพฯ 26 แจ้งสำนักงานบริหารข้อมูลธุรกิจ ขอให้ระงับการอนุมัติจดทะเบียนเลิกบริษัท เนื่องจากค้างชำระภาษีกับกรมสรรพากร เป็นจำนวนมาก อีกครั้ง
ขณะที่ สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า นับตั้งแต่จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อปี 2549 จนถึงปี 2553 บริษัทฯ มีรายได้อยู่ที่หลักสิบล้านบาท ก่อนที่ในช่วงปี 2554 จะแจ้งรายได้อยู่ที่ 123,384,316.11 บาท และขึ้นไปอยู่ที่ตัวเลข1,932,632,025.44 บาท (ช่วงรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์) ก่อนที่จะปรับลดลงมาอยู่ที่ 38,859,312.55 บาท ในปี 2557 และไม่ได้นำส่งงบการเงินอีก ในช่วงปี 2558-2559 (ช่วงการบริหารงานรัฐบาลคสช.))ขณะที่ทุกปีบริษัทฯ มีผลกำไรอยู่แค่หลักแสนหรือหลักล้านบาทเศษๆ เท่านั้น
โดยนับตั้งแต่ปี 2549 -2557 บริษัท ซอลิแทร์ ออฟฟิซิน จำกัด ปรากฎชื่อเป็นคู่สัญญาหน่วยงานรัฐ จำนวน 9 สัญญา 17,069,240 บาท เท่านั้น งานส่วนใหญ่รับจ้างพิมพ์หีบบัตรและคูหาเลือกตั้ง ของสำนักงานกกต. ขณะที่ในช่วงปี 2556 ไม่ปรากฎข้อมูลว่าเป็นคู่สัญญารับจ้างงานจากหน่วยงานรัฐแต่อย่างใด
ส่วนการปรากฎชื่อเป็นคู่สัญญารับจ้างพิมพ์คู่มือกรรมการหน่วยเลือกตั้ง และจัดทำหีบบัตรด้วยวิธีพิเศษ เกิดขึ้นในช่วงปี 2557
จากนั้นเมื่อวันที่ 14 มี.ค.2560 บริษัทฯ แจ้งเลิกบริษัท แต่ไม่ได้ระบุเหตุผลว่าเลิกบริษัทเพราะอะไร
ขณะที่ นายสุจินต์ สว่างอารมณ์ แจ้งข้อมูลว่าอายุประมาณ 64 ปี แจ้งที่อยู่เป็นบ้านเลขที่ 10 ซอยพุทธมณฑลสาย 1 ซอย 33 อำเภอตลิ่งชัน กทม. ระบุหมายเลขโทรศัพท์ 02-80924XX
จากนั้นวันที่ 4 พ.ค.2560 สำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพฯ 26 แจ้งสำนักงานบริหารข้อมูลธุรกิจ ขอคัดหลักฐานบริษัทและขอให้ระงับการจดทะเบียนเสร็จการลำระบัญชีไว้ก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พยายามติดต่อ นายสุจินต์ สว่างอารมณ์ ผ่านเบอร์โทรศัพท์ที่แจ้งไว้ทั้ง 2 เบอร์ คือ 02-58971XX และ 02-80924XX แต่ไม่สามารถติดต่อ นายสุจินต์ สว่างอารมณ์ ได้
โดยเบอร์ 02-58971XX มีการแจ้งระงับการเรียกเข้า ส่วน 02-80924XX ไม่มีผู้รับสาย
จากการสอบถามข้อมูลบริการ 1133 ได้รับแจ้งว่า เบอร์ 02-58971XX ไม่ปรากฏข้อมูลว่าจดทะเบียนชื่อในใคร ส่วนเบอร์02-80924XX จดทะเบียนในชื่อ นายชาย สุวรรณเกต อดีตกรรมการบริษัทฯ ในช่วงปี 2550 และเป็นผู้ให้ข้อมูลบริษัท ซอลิแทร์ ฯ และนายสุจินต์ แก่สำนักข่าวอิศรา ในเบื้องต้น
ขณะที่จากการตรวจสอบข้อมูลงบการเงิน ปี 2556 และหมายเหตุประกอบงบการเงินของบริษัทฯ พบว่า มีการแจ้งตัวเลขรายได้ไว้ที่ 1,932,631,606.58 บาท แต่ไม่ได้ระบุที่มาของรายได้ว่ามาจากการทำธุรกิจอะไรกันแน่
คำถามที่ว่า รายได้จากการทำธุรกิจปี 56 วงเงินกว่า 1.9 พันล้านบาท มาจากไหน? และรายได้ดีขนาดนี้ทำไมต้องแจ้งเลิกกิจการ?
นับจนถึงเวลานี้ จึงยังไม่ได้รับการคลี่คลายให้กระจ่างชัดเจน
พร้อมคำถามใหม่ที่เพิ่มขึ้น คือ สถานะจริงๆ ของ นายสุจินต์ สว่างอารมณ์ เป็นใครมาจากไหนกันแน่?