- Home
- Isranews
- ตะกร้าข่าว
- โฆษก รบ.เผยธปท. เตรียมออกมาตรการคุมบัตรเครดิต-สินเชื่อบุคคล แก้ปัญหาหนี้
โฆษก รบ.เผยธปท. เตรียมออกมาตรการคุมบัตรเครดิต-สินเชื่อบุคคล แก้ปัญหาหนี้
โฆษกประจำสำนักนายกฯ เผยธนาคารแห่งประเทศไทย เตรียมออกมาตรการควบคุมบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือนภาคประชาชน เล็งปรับเปลี่ยนเพดานปล่อยเงินกู้ที่กำหนดไว้เดิมไม่เกิน 5 เท่าของรายได้/เดือน เป็นมีรายได้ต่อเดือน 15,000 บาท – 30,000 บาท ได้รับบัตรเครดิตที่มีวงเงินสูงสุด 1.5 เท่าของรายได้
วันที่ 11 ก.ค. 60 เวลา 13.50 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงเรื่องที่นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหนี้สิ้น โดยเฉพาะหนี้เสียของภาคประชาชนที่เกิดจากการใช้จ่ายเงินที่เกินตัว เช่น การมีบัตรเครดิตมากกว่ารายได้หรือเงินเดือนประจำ การประชุมในวันนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รายงานว่า เตรียมออกมาตรการควบคุมบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือนภาคประชาชนที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่มีการสร้างหนี้สินเกินตัว
ทั้งนี้ อาจจะมีการปรับเปลี่ยนเพดานการปล่อยเงินกู้ที่กำหนดไว้แต่เดิมไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน เป็นการกำหนดตามเพดานของเงินเดือน เช่น มีรายได้ต่อเดือน 15,000 บาท – 30,000 บาท อาจจะได้รับบัตรเครดิตที่มีวงเงินสูงสุด 1.5 เท่าของรายได้ รายได้ต่อเดือนประมาณ 30,000 บาท – 50,000 บาท จะได้รับบัตรเครดิตมีวงเงินไม่เกิน 3 เท่าของรายได้ และรายได้ต่อเดือนเกิน 50,000 บาทขึ้นไป จะได้รับบัตรเครดิตวงเงินประมาณ 5 เท่าของรายได้ โดยการดำเนินการให้เครดิตสินเชื่อจะเปลี่ยนแปลงไปตามรายได้แต่ละเดือนของภาคประชาชน ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาไม่ให้เกิดการใช้จ่ายเงินจนเกินตัว เพราะมีการพิจารณาอนุมัติเครดิตสินเชื่อเป็นไปอย่างเหมาะสมกับรายได้หรือเงินเดือนของประชาชนแต่ละบุคคลที่มีอยู่
นอกจากนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสำรวจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยที่นายกรัฐมนตรีได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบเกี่ยวกับพฤติกรรมและการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ปี 2560 พบว่า มีการใช้จ่ายเงินประมาณ 6,200 กว่าล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 8% ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและมั่นใจของประชาชนต่อสถานการณ์ของบ้านเมืองและการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี ได้ขอให้คณะรัฐมนตรีทุกคนนำเรื่องดังกล่าวไปเผยแพร่ต่อด้วย เพราะถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในสิ่งที่รัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐได้ปฏิบัติจนบังเกิดผลเป็นรูปธรรม
ที่มาภาพ:https://www.thaicredit-center.com