- Home
- Isranews
- ตะกร้าข่าว
- นายกฯ-ปธน.ฟิลิปปินส์ร่วมมือแก้ปัญหายาเสพติด-ค้ามนุษย์ หวั่นแนวคิดสุดโต่ง
นายกฯ-ปธน.ฟิลิปปินส์ร่วมมือแก้ปัญหายาเสพติด-ค้ามนุษย์ หวั่นแนวคิดสุดโต่ง
นายกรัฐมนตรี-ปธน.ฟิลิปปินส์ ร่วมหารือ-เป็นสักขีพยานลงนามบันทึกข้อตกลง 3 ฉบับ แก้ไขปัญหาเรื่องยาเสพติด-ค้ามนุษย์-อาชญากรรมข้ามชาติ กังวลแนวคิดสุดโต่ง แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองต้านภัยก่อการร้าย ตกลงซื้อขายข้าวเพิ่มอีก 1 ปี
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2560 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หารือกับนายโรดริโก โรอา ตูแตร์เต ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เพื่อหารือร่วมกัน และเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจหลายเรื่อง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังร่วมหารือ และเป็นสักขีพยานในการลงนามว่า การเยือนไทยของนายตูแตร์เตครั้งนี้ เป็นการเยือนไทยครั้งแรกอย่างเป็นทางการภายหลังการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2559 นายตูแตร์เต เคยเดินทางมาเยือนไทยเพื่อถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และในโอกาสนี้ได้แสดงความยินดีในการขึ้นทรงราชย์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในนามของรัฐบาลไทย และประชาชนชาวไทยได้กล่าวของคุณในไมตรีจิตของประธานาธิบดี รัฐบาล และประชาชนฟิลิปปินส์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไทยและฟิลิปปินส์ มีความสัมพันธ์ยาวนามากว่า 68 ปี ทั้งสองตกลงที่จะร่วมมือกันสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาคมอาเซียนและภูมิภาค โดยฟิลิปปินส์ลงนามผ่านบันทึกข้อตกลง (MOU) 3 ฉบับ ด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี การท่องเที่ยว และการเกษตร อีกทั้งยังได้หารือ 4 ประเด็นสำคัญ ประกอบด้วย ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี นโยบายไทยแลนด์ 4.0 และได้รับทราบแผนพัฒนาฟิลิปปินส์ระหว่างปี 2560-2565
นอกจากนั้นยังได้หารือเกี่ยวกับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี และเขตเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ ทั้งสองประเทศเห็นพ้องว่ามีศักยภาพที่จะขยายมูลค่าทางการค้าและการลงทุนระหว่างกัน ผ่านคณะกรรมการร่วมด้านการค้า และโอกาสนี้ก็ยินดีกับฟิลิปปินส์ที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านการค้าครั้งแรกในปีนี้ โดยเห็นพ้อต้องกันว่า มีศักยภาพในการขยายผลทางด้านการค้าการลงทุนระหว่างกัน และยินดีที่ฟิลิปปินส์ จะจัดประชาด้านการค้านานาชาติ ครั้งแรกในปีนี้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ไทยและฟิลิปปินส์ ยังตกลงที่ซื้อขายข้าว ระหว่างวันที่ 31 ธ.ค. 2559-31 ธ.ค. 2561 ที่จะช่วยส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหาร และเห็นชอบที่จะเพิ่มความร่วมมือด้านชลประทาน ปศุสัตว์ และประมง รวมถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศภูมิศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำอย่างยั่งยืน
ในด้านความมั่นคง ได้เห็นชอบที่จะสร้างความใกล้ชิดระหว่างกองทัพให้มากยิ่งขึ้นจากเดิมที่ดีอยู่แล้ว โดยทั้งสองประเทศมีความกังวลในเรื่องการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติในทุกรูปแบบ โดยจะร่วมมือกันในทั้งในรกอบทวิภาคี อาเซียน และองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ
ส่วนนายโรดริโก โรอา ตูแตร์เต ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ กล่าวแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อราชวงศ์ รัฐบาล และประชาชนชาวไทยต่อการสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมกับแสดงความยินดี และมีความปรารถนาในโอกาสขึ้นทรงราชย์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร และมีความปรารถนาให้รัชสมัยของพระองค์นำมาซึ่งสันติภาพ ความเจริญก้าวหน้า และความมั่นคั่งของประชาชนชาวไทย และความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์
นายตูแตร์เต กล่าวว่า ส่วนความมั่นคงทางทหาร รู้สึกยินดีกับความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างกองทัพไทยและฟิลิปปินส์ผ่านการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง และการฝึกของทั้งสองฝ่าย และมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสองประเทศจัดการประชุมกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางการทหารครั้งที่ 1 ในปี 2560 นอกจากนี้ตน และ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงความกังวลต่อความท้าทายจากการเผยแพร่ของการก่อการร้าย และแนวคิดสุดโต่ง รวมทั้งอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น การค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ และความมั่นคงทางไซเบอร์ โดยเห็นพ้องว่า ความร่วมมือในระดับทวิภาคี ภูมิภาค และระหว่างประเทศเป็นสิ่งจำเป็นในการรับมือภัยคุกคามเหล่านี้ พร้อมกับเห็นชอบที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านข้อมูลและข่าวกรองระหว่างหน่วยงานด้านความมั่นคงของทั้งสองฝ่าย ทั้งในกรอบทวิภาคีอาเซียน และองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ เพื่อแก้ไขประสิทธิภาพปัญหาภัยคุกคาม รวมถึงยินดีการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการต่อต้านการลอบค้ายาเสพติดเคมีภัณฑ์ และสารตั้งต้นที่อยู่ใต้การควบคุมระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และหน่วยงานด้านความปลอดภัยของฟิลิปปินส์ ซึ่งจะเสริมสร้างความร่วมมือเรื่องนี้ให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น
ท้ายสุด นายกรัฐมนตรีไทย และประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทั้งสองประเทศเร่งรัดการดำเนินการเพื่อหาข้อสรุปความตกลงและบันทึกความเข้าใจให้เสร็จสิ้นในปี 2560 ดังนี้ 1.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษา 2.บันทึกความเข้าใจในด้านการบริการเดินอวกาศ 3.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ 4.บันทึกความเข้าใจระหว่างโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายสุขภาพ 5.ความตกลงว่าด้วยความช่วยเหลือกันทางการศาลในคดีแพ่งและพาณิชย์กับประเทศสมาชิกอาเซียน