- Home
- Isranews
- ตะกร้าข่าว
- IFR คาดปี 2561 หุ่นยนต์ในภาคอุตฯ มีกว่า 2.3 ล้านตัวทั่วโลก
IFR คาดปี 2561 หุ่นยนต์ในภาคอุตฯ มีกว่า 2.3 ล้านตัวทั่วโลก
สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ เปิดหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมหุ่นยนต์ฯ ผลักดันแรงงานและบุคลากรมุ่งสู่การศึกษาไทย 4.0 ด้านรองประธานสภาอุตฯ ชี้อนาคตเลี่ยงยาก หุ่นยนต์เข้ามาแทนที่คน ส่วนผู้พัฒนาระบบหุ่นยนต์ไทย ชี้หุ่นยนต์ทำทำงานที่ต้องเสี่ยงอันตราย แทนคนได้มากกว่าคน 30-60 เท่า
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่หอประชุม AUDITORIUM ชั้น 16 อาคาร CP all academy สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ โดยได้รับการสนับสนุนทุนในการก่อตั้งจากบริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) ภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยดร.พันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานเปิดงาน
ดร.พันธ์ศักดิ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันรัฐบาลส่งเสริมให้เกิดการสร้างนวัตกรรม เพื่อให้ไทยหลุดพ้นจากประเทศรายได้ปานกลาง ซึ่งมีอย่างเดียวคือ เราต้องทำงานที่มีรายได้สูงขึ้น ซึ่งก็คือการสร้างมูลค่าเพิ่มจากมันสมองอย่างนวัตกรรม หรือต้องใช้เครื่องมือบางอย่าง เช่น หุ่นยนต์บังคับ ที่เราต้องสร้าง เพราะถ้าเราไม่สร้าง ไทยก็จะคิดกับดักในประเทศรายได้ปานกลางอยู่เช่นนี้
“การที่เราจะไปสู่จุดที่มีนวัตกรรม ต้องปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม ทำแบบเดิมไม่ได้ เพราะทำแบบเดิมก็จะเหมือนเดิม เราต้องการส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ๆ”
ด้านนายพรวิทย์ พัชรินทร์ตนะกุล รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ พีไอเอ็ม กล่าวถึงนวัตกรรมเทคโนโลยีหุ่นยนต์ แขนกล ปัญญาประดิษฐ์ และระบบอัตโนมัติ จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมทั่วโลก โดยเฉพาะในช่วงปีที่ผ่านมาเทรนด์ดังกล่าวเปิดตัวอย่างทวีคูณ
“จากตัวเลขจำนวนหุ่นยนต์ ที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่าปีละ 10 - 15 เปอร์เซ็นต์ คาดปี 2561 จะมีการใช้หุ่นยนต์ในภาคอุตสาหกรรมมากถึง 2,327,000 ตัวทั่วโลก และ 41,600 ตัวในประเทศไทย ซึ่งเมื่อนำข้อมูล The International Federation of Robotics (IFR) ดังกล่าวมาประกอบกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลที่เน้นย้ำในการใช้นวัตกรรมเพื่อการพัฒนาประเทศ หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม เป็นหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ที่เร่งพัฒนา เพื่อยกระดับเศรษฐกิจไทยแบบก้าวกระโดด"
นายพรวิทย์ กล่าวว่า โลกมีความต้องการทางด้านหุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรมสูงขึ้น เชื่อว่า อนาคตอุตสาหกรรมดังกล่าวจะใหญ่กว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งประเทศไทยมีการตื่นตัวในเรื่องดังกล่าวมากขึ้น เห็นได้จากการตั้งคลัสเตอร์หุ่นยนต์ในปีที่ผ่านมา เพื่อเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ ต่อยอดจากฐานอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์และไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีความเข้มแข็งอยู่แล้ว
ส่วนคำถามที่ว่า หุ่นยนต์จะเข้ามาทำงานแทนที่คนหรือบางอาชีพจะถูกทดแทนด้วยหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์หรือไม่นั้น นายพรวิทย์ กล่าวว่า จากการวิเคราะห์และคาดการณ์ตามความน่าจะเป็นแล้ว บางอาชีพมีความเสี่ยงที่จะถูกทดแทนด้วยปัญญาประดิษฐ์จริง โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เช่น นักวิเคราะห์หุ้น นักวิเคราะห์ความเสี่ยงต่างๆ เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีสมองกลได้พัฒนาการเรียนรู้เหมือนมนุษย์อย่างรวดเร็ว เห็นได้จากตัวอย่างปี 2016 ที่ผ่านมาที่ปัญญาประดิษฐ์ของ google สามารถเอาชนะแชมป์หมากล้อมระดับโลกได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกมองว่า หุ่นยนต์หรือปัญญาประดิษฐ์ไม่สามารถทำได้
ด้านดร.ธันยวัต สมใจทวีพร ผู้อำนวยการศูนย์วัตกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ พีไอเอ็ม กล่าวถึงการพัฒนาหุ่นยนต์เพื่อเข้ามามีบทบาทในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมนั้น ไม่ใช่เป็นการพัฒนาขึ้นมาเพื่อแทนที่บุคลากรคน แต่พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ และเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานของมนุษย์ รวมทั้งลดภาระหน้าที่บางส่วนที่ทำให้เสียเวลาโดยใช่เหตุ
“การเข้ามาของเทคโนโลยีหุ่นยนต์นั้นมี 2 รูปแบบคือ มาช่วยเหลือมนุษย์ และมาทำงานแทนที่ของมนุษย์ การมาช่วยเหลือมนุษย์นั้นค่อนข้างที่จะเห็นได้อย่างชัดเจน อย่างในเรื่องของการยกของ การฉีดยาฆ่าแมลง การตัดสิ่งของที่เป็นอันตราย หุ่นยนต์สามารถที่จะทำงานประเภทนี้ได้ หุ่นยนต์เป็นที่น่าสนใจกับการที่เอามาทำงานแทนที่ของมนุษย์ แต่ต้องมีการควบคุม เรียนรู้ พร้อมทั้งกำหนดสิ่งต่างๆให้กับหุ่นยนต์ให้ไปในทางที่ดีได้”
ขณะที่ ดร.ขัติยา ไกรกาญจน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในภาคอุตสาหกรรมหุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่คนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อนาคตอุตสาหกรรมอาจมีการใช้เทคโนโลยีเพื่อการผลิตเป็นการเฉพาะ จึงต้องใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์เข้ามามีส่วนช่วยในกระบวนการการทำงาน
ส่วนดร.มหิศร ว่องผาติ ผู้ก่อตั้งบริษัทพัฒนาระบบหุ่นยนต์ไทย hive ground กล่าวว่า หุ่นยนต์ทำให้ชีวิตของมนุษย์ดีขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น การทำงานที่ต้องเสี่ยงอันตราย หุ่นยนต์สามารถทำงานแทนคนได้ และทำได้มากกว่าคน 30-60 เท่า
“ถ้าชีวิตคนหนึ่งคนสามารถดีขึ้นได้ด้วยหุ่นยนต์ คนคนนั้นก็จะมีรายได้มากขึ้น ส่งผลโดยตรงต่อเศรษฐกิจของประเทศ และส่งผลต่อสิ่งที่ทุกคนอยากให้เกิดขึ้น นั่นคือ หลุดพ้นฐานะประเทศที่มีรายได้ปานกลาง”
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายในงานได้มีการจัดแสดงโชว์หุ่นยนต์ อาทิ IJINI หุ่นยนต์พ่อบ้านอัจฉริยะ ผู้ช่วยประจำบ้านขั้นกว่า ของ SIRI ,NAO หุ่นยนต์จำลองมนุษย์ ที่สามารถจำคำพูด จำภาพ และปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้,หุ่นยนต์ทอดไข่ นวัตกรรมที่ทุกคนรอคอย ไม่ต้องหน้ามันกันอีกต่อไป, YuMi หุ่นยนต์แขนกลอัจฉริยะผู้ช่วยใหม่ในโรงงานอุตสาหกรรมที่จะมาสาธิตการชงกาแฟ พร้อมทั้งเปิดตัวหลักสูตรวิศวะฯ หุ่นยนต์ เพื่อธุรกิจที่สร้างมา เพื่อตอบโจทย์ประเทศไทย 4.0
หุ่นยนต์ทอดไข่