- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- อธิบายความ‘สุวัฒน์’ซี 8 รวยผิดปกติ 597 ล.เกี่ยวข้องทุจริตคืนภาษี 4.3 พันล.อย่างไร?
อธิบายความ‘สุวัฒน์’ซี 8 รวยผิดปกติ 597 ล.เกี่ยวข้องทุจริตคืนภาษี 4.3 พันล.อย่างไร?
อธิบายความชัดๆ (อีกครั้ง) ‘สุวัฒน์’ อดีต ซี 8 สรรพากร ผู้ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลยึดทรัพย์ 597 ล้าน เกี่ยวข้องปมทุจริตคืนภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างไร?
กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดนายสุวัฒน์ จารุมณีโรจน์ อดีตนักวิชาการสรรพากรชำนาญพิเศษ สำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 27 กรมสรรพากร กรณีร่ำรวยผิดปกติ 597,728,229 บาท แบ่งเป็น
1.เงินที่นายสุวัฒน์ได้มากจาก กลุ่มบริษัทผู้ประกอบการส่งออกที่ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มโดยมิชอบจำนวน 26 บริษัท รวมถึงกลุ่มของนายวีรยุทธ แซ่หลก ได้ฝากเข้าบัญชีเงินฝากของนายสุวัฒน์ และบุคคลใกล้ชิด รวมเป็นเงิน 415,897,041 บาท
2.ทรัพย์สินส่วนตัวของนายสุวัฒน์และครอบครัวที่ไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินได้ที่นำ ไปไว้ในชื่อของคู่สมรส บุตร และญาติพี่น้องคู่สมรส รวมถึงนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องประมาณ 15 ราย กว่า 181 ล้านบาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด (อสส.) ยื่นคำร้องต่อศาลให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน
(อ่านประกอบ : เชือดรายสอง‘ซี 8’สรรพากร! ป.ป.ช.ชี้มูลรวยผิดปกติเฉียด 600 ล.พันคดีคืนภาษี)
หลายคนอาจยังไม่เข้าใจว่า นายสุวัฒน์ จารุมณีโรจน์ อดีต ข้าราชการสำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 27 เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 4.3 พันล้านบาทอย่างไร?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ขมวดประเด็นและโครงข่ายให้เข้าใจง่ายๆดังนี้
1.ในช่วงปี 2554-2555 กลุ่มบุคคลกกลุ่มหนึ่งนำโดยนายวีรยุทธ แซ่หลก ได้ร่วมกันจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในพื้นที่เขตบางรัก (สรรพากรพื้นที่กรุงเทพฯ 22) รวม 30 บริษัท อ้างว่าประกอบธุรกิจรับซื้อ จำหน่าย นำเข้าและส่งออกแร่โลหะ แล้วมาขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มกับสำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพฯ 22 ในรอบปี 2555 – 2556 จำวน 3,647 ล้านบาท (ไม่รวมพื้นที่ เขตบางคอแหลม ทุ่งครุ กรุงเทพฯ อ.บางบัวทอง อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี และสมุทรปราการอีก 33 บริษัท อนุมัติคืนภาษีมูลค่าเพิ่มรวม 4,298,564,817 บาท)
2.สำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพฯ 22 มีนายศุภกิจ ริยะการ (หรือ สิริพงศ์ ริยะการธีรโชติ) เป็น สรรพากรพื้นที่กรุงเทพฯ 22 (ผู้อำนวยการสูง ซี 9)
3. วันที่ 29 พ.ย.34 นายสุวัฒน์ และครอบครัว จดทะเบียนทำธุรกิจครั้งแรก ชื่อ บริษัท ดี.โอ.แฟคตอรี่ จำกัด ประกอบธุรกิจตัดเย็บเสื้อผ้า ที่ตั้งเลขที่ 374-376 ซอยสุทธิศึกษา ถนนเจริญรัถ แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ มี นายสุวัฒน์ และ นายอุกฤษฏ์ (ขอปิดนามสกุล) เครือญาติ รวมถือหุ้น
4.วันที่ 28 เม.ย.2544 นายสุรพล (ขอปิดนามสกุล)เจ้าของสำนักงานบัญชี มาร่วมถือหุ้นบริษัท ดี.โอ.แฟคตอรี่ จำกัด ด้วย โดยมี นายสุรพลและนายอุกฤษฏ์ ญาตินายสุวัฒน์ ร่วมเป็นกรรมการ (นายอุกฤษฏ์ เป็นกรรมการแทนนายสุพรชัย ญาติอีกคน ที่ลาออก) และร่วมกันถือหุ้น เรื่อยมา
5.วันที่ 26 พ.ค.2553 นายสุรพล จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ดี ร้อย ประกอบธุรกิจที่ปรึกษาทางด้านอสังหาริมทรัพย์
6. วันที่ 20 ก.ค.2554 นายสุวัฒน์ ถือหุ้นในบริษัท ดีร้อย ร่วมกับ นายสุรพล จำนวน 5,000 หุ้น และเป็นกรรมการร่วมกับนายสุรพล ต่อมา เพิ่มเป็น 15,000 หุ้น หรือ 50% เมื่อมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 3 ล้านบาท
7.บังเอิญที่ นายอุกฤษฏ์ ญาตินายสุวัฒน์ เป็นเจ้าหน้าที่ กรมสรรพากร พื้นที่บางรัก
8.บังเอิญ ที่ นายสุรพล เจ้าของสำนักงานบัญชีและปรากฏชื่อ ‘ผู้รับจ้างสอบบัญชี’ให้บริษัทกลุ่มนายวีรยุทธ แซ่หลก ที่ทุจริตคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 4 พันล้านในพื้นที่บางรัก (พื้นที่ 22)
9.นายสุรพล เจ้าของสำนักงานบัญชี ต่อมาเป็นผู้สมัคร ส.ส.พื้นที่กรุงเทพฯ ให้พรรคการเมืองพรรคขนาดกลางพรรคหนึ่ง
10.นายวีรยุทธ แซ่หลก ผู้ก่อตั้งบริษัทคืนภาษี เป็นที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการการเงินการคลังของสภาผู้แทนฯ ซึ่งมีอดีต ส.ส.พรรคกรเมืองใหญ่ใน จ.ภาคอีสานเป็นประธาน (ในโควตาของอดีต ส.ส.พรรคขนาดกลาง ในภาคกลางคนหนึ่ง และเป็นรองประธาน กมธ.)
11.คณะกรรมาธิการชุดนี้เดินทางไปดูงานประเทศจีน มีนักธุรกิจหญิงคนหนึ่งร่วมเดินทาง
และ นักธุรกิจหญิงคนนี้เคยมีตำแหน่งเป็นโฆษกคณะอนุกรรมาธิการติดตามการช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ในช่วงหนึ่ง
12.นักธุรกิจหญิงคนหนี้ เป็นคนใกล้ชิดอดีตข้าราชการระดับสูงในกรมสรรพากรคนหนึ่ง เป็นเจ้าของธุรกิจพีอาร์และเคยได้งานกรมสรรพากร อีกทั้ง เป็นเจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่งที่เขาใหญ่ โดยซื้อต่อมาจาก ลูกสาวนักการเมืองใหญ่ในภาคเหนือตอนล่างคนหนึ่ง
13.นายวีรยุทธ แซ่หลก ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันทุจริตคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 4 พันล้าน อัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง รวม 5 คน (เอกชน) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการหลบหนี
14.วันที่ 27 ต.ค.58 นายศุภกิจ ริยะการ และ นายสาธิต รังคสิริ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลให้ลงโทษวินัยร้ายแรงและดำเนินคดีอาญาในข้อหาร่วมกันทุจริตคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
15.วันที่ 12 ม.ค.59 กระทรวงการคลังมีคําสั่งลงโทษไล่ นายสาธิต ผู้ตรวจราชการกระทรวง สํานักงานปลัดกระทรวง ออกจากราชการ ขณะที่ นายศุภกิจ กับพวกก็ลูกไล่ออกเช่นเดียวกัน
16.วันที่ 26 ก.พ.59 นายศุภกิจ ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลร่ำรวยผิดปกติจำนวน 31.7 ล้านบาท
17.วันที่ 2 มี.ค.59 คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลยึดทรัพย์นายสุวัฒน์เกือบ 600 ล้านบาท ซึ่งเงิน 415 ล้านบาท นายสุวัฒน์ได้รับมาจากเงินทุจริตคืนภาษีจำนวน 26 บริษัท (จาก 30 บริษัท) ในพื้นที่บางรัก
ซึ่งมีนายศุภกิจ เป็นเจ้าของพื้นที่
อ่านประกอบ :
เชือด‘อดีตซี 9’สรรพากร! ป.ป.ช.ชี้มูลรวยผิดปกติ 31 ล.พันคดีคืนภาษี
ป.ป.ช.เชือด'สาธิต-ศุภกิจ'คดีทุจริตคืนภาษี-พบเอาเงินไปซื้อทองคำแท่ง 179 ล.
ป.ป.ช.สอบ“ซี8-สรรพากร”คนที่2รวยผิดปกติคดีโกงแวต-เงินหมุนในบัญชี 227 ล.
พลิกปูม'สุวัฒน์'ซี 8 สรรพากรถูก ป.ป.ช. สอบ'รวยผิดปกติ'เงินโผล่ในบัญชี 227 ล.