- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- พลิกปูม 2 คดีดัง‘คุณหญิงเป็ด’ก่อนศาลจำคุก 2 ปีไม่รอลงอาญาปมทอดกฐิน
พลิกปูม 2 คดีดัง‘คุณหญิงเป็ด’ก่อนศาลจำคุก 2 ปีไม่รอลงอาญาปมทอดกฐิน
พลิกปูม 2 คดีร้อน ‘คุณหญิงจารุวรรณ’ ถูกกล่าวหาเบิกงบไปดูงานต่างประเทศ ขอตั๋วฟรีให้ ‘บุตรสาว’ ไปด้วย ป.ป.ช. ตีตกเหตุหลักฐานไม่เพียงพอ เอาผิดวินัยไม่ได้ อาญาไม่มีมูล ส่วนคดีอ้างจัดสัมมนาแต่แท้จริงไปทอดกฐิน ไม่รอด! ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา
ชื่อของ ‘คุณหญิงเป็ด’ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และอดีต ส.ว.กรุงเทพมหานคร ตกเป็นที่สนใจของสาธารณชนอีกครั้ง !
ภายหลังศาลอาญาพิพากษาคดีที่อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องคุณหญิงจารุวรรณ และนายคัมภีร์ สมใจ อดีตผู้อำนวยการสำนักบริหารงานและทรัพยากรบุคคล ตกเป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีจัดงานถวายผ้าพระกฐินพระราชทานที่ จ.น่าน เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2546 โดยใช้การจัดสัมมนาบังหน้า เพื่อให้สามารถเบิกงบไปใช้ได้ ทั้งที่ไม่มีการจัดสัมมนาขึ้นจริง
พิพากษาให้จำคุกคนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญาด้วย !
หลายคนอาจจะลืมไปแล้วว่ากรณีนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org พลิกสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในคดีดังกล่าว มานำเสนอ ดังนี้
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน มีนายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีกล่าวหาคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กับพวก จัดสัมมนาโครงการ “สตง. ในความคิดเห็นของสมาชิกวุฒิสภา” เป็นเท็จ เนื่องจากแท้จริงแล้ว มีวัตถุประสงค์ที่จะนำบุคลากรของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ไปร่วมถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2546 ณ จังหวัดน่าน
คณะอนุกรรมการไต่สวน ได้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยรวบรวมพยานหลักฐาน และไต่สวนพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง แล้วปรากฏข้อเท็จจริงฟังได้ว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน โดยคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ได้มีหนังสือถึงกรมการศาสนา แสดงความประสงค์จะขอรับพระราชทานผ้าพระกฐินประจำปี 2546 ไปถวายพระสงฆ์จำพรรษา ณ วัดพญาภู และวัดพระธาตุช้างค้ำ อำเภอเมือง จังหวัดน่าน และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้มีคำสั่ง ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2546 แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการการถวายผ้าพระกฐินพระราชทานประจำปี 2546 ซึ่งได้กำหนดในวันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม 2546 ณ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร วัดพญาภู และวัดศรีพันต้น (วัดราษฎร์) อำเภอเมือง จังหวัดน่าน
โดยคณะกรรมการดำเนินการมีนางสาววิไลลักษณ์ อัญมณีรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เป็นประธานกรรมการ และมีนายคัมภีร์ สมใจ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล เป็นรองประธานกรรมการ โดยให้คณะกรรมการพิจารณาจัดตั้งคณะทำงานต่าง ๆ เพื่อให้การดำเนินงานกฐินพระราชทานดังกล่าวรวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องบรรลุวัตถุประสงค์
ต่อมา วันที่ 16 ตุลาคม 2546 สำนักงานบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล โดยนายคัมภีร์ สมใจ ผู้อำนวยการ ได้ขออนุมัติจัดโครงการสัมมนา เรื่อง “สตง. ในความคิดเห็นของสมาชิกวุฒิสภา” ในวันที่ 31 ตุลาคม 2546 ระหว่างเวลา 08.30 – 18.30 น. ณ โรงแรมซิตี้ปาร์ค อำเภอเมือง จังหวัดน่าน โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการสัมมนา จำนวน 175 คน วิทยากรโดยนายสันติภาพ อินทรพัฒน์ สมาชิกวุฒิสภา และวิทยากรของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประมาณการค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 479,980 บาท และคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ลงนามอนุมัติในวันเดียวกันคือ วันที่ 16 ตุลาคม 2546
ระหว่างวันที่ 22 – 24 ตุลาคม 2546 นางสาววิไลลักษณ์ อัญมณีรัตน์ แจ้งว่า ได้มีการสำรวจรายชื่อผู้เข้าร่วมกฐินพระราชทาน ซึ่งจะต้องเสียค่าใช้จ่าย และค่าที่พักด้วยตนเอง มีจำนวน 100 คนเศษ และเมื่อรวมกับผู้บริหารอีก 30 คน ก็จะได้เพียง 130 คนเศษ จึงได้มีการหารือกันระหว่าง คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมาย นางสาววิไลลักษณ์ อัญมณีรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานผู้ว่าการ-ตรวจเงินแผ่นดิน และนายคัมภีร์ สมใจ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล ได้พิจารณาร่วมกันแล้วเห็นสมควรให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาเข้าร่วมพิธีกฐินพระราชทานก่อน เมื่อถวายผ้าพระกฐินพระราชทานเสร็จ จึงกลับมาสัมมนาที่โรงแรมซิตี้ปาร์ค โดยรวมหัวข้อเช้าและบ่ายเข้าด้วยกัน เริ่มสัมมนาตั้งแต่เวลา 15.45 น. จนถึง 19.00 น. ซึ่งผู้เข้าร่วมหารือไม่มีผู้ใดคัดค้าน
ข้อเท็จจริงปรากฏว่า เมื่อถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2546 ผู้มีรายชื่อเข้าร่วมสัมมนาและผู้สังเกตการณ์เดินทางโดยรถโดยสารปรับอากาศ และรถตู้ไปเข้าร่วมงานถวายผ้าพระกฐินพระราชทานตามกำหนดการถวายกฐินพระราชทานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ช่วงเช้า ณ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร รับประทานอาหารกลางวันที่วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร ช่วงบ่าย ณ วัดพญาภู และถวายกฐินสามัคคีของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ณ วัดศรีพันต้น
ทั้งนี้ งานการถวายกฐินพระราชทานแล้วเสร็จประมาณ 16.00 น. คณะสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้เดินทางเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวในที่พักและเดินทางไปยังสโมสรหมู่บ้านสันติภาพ 2 เป็นสถานที่เปิดโล่ง ไม่มีหลังคาคลุม มีอาคารอยู่หนึ่งหลังมีลักษณะชั้นเดียว หลังคาเป็นระเบียงข้างอาคารมีสระว่ายน้ำอยู่หนึ่งสระ มีการตกแต่งไฟ มีเครื่องขยายเสียง มีการจัดเวทีเขียนป้ายบนเวทีที่มิได้มีข้อความระบุว่ามีการสัมมนา แต่กลับมีข้อความว่า “ขอต้อนรับ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา และคณะ ด้วยความรักยิ่ง 31 ตุลาคม 2546” มีการจัดโต๊ะกลมแบบโต๊ะจีนหันหน้า เข้าหากัน แต่ละโต๊ะนั่งประมาณ 9 – 10 คน จัดอยู่ชั้นระเบียง และชั้นล่างรอบสระว่ายน้ำและพื้นที่โดยรอบ
เมื่อผู้เข้ารับการสัมมนามาถึงสโมสรหมู่บ้านสันติภาพ 2 จะมีการลงทะเบียนในรายชื่อผู้เข้าร่วมการสัมมนา เรื่อง “สตง. ในความคิดเห็นของสมาชิกวุฒิสภา” วันที่ 31 ตุลาคม 2546 ระบุสถานที่ว่า โรงแรมซิตี้ปาร์ค อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลรับลงทะเบียนหน้าสถานที่จัดงาน ไม่มีการแจกเอกสารในการสัมมนา หรือการกำหนดกลุ่มให้ระดมความคิดเห็นแต่ประการใด
จากการไต่สวนฟังได้ว่าการจัดสัมมนาเรื่อง “สตง. ในความคิดเห็นของสมาชิกวุฒิสภา” ไม่มีการสรุปผลการสัมมนาในครั้งนี้เป็นเอกสารแต่อย่างใด โดยปกติการจัดสัมมนาหากมีการเปลี่ยนแปลงวิทยากร เทคนิคการนำเสนอ และสถานที่รวมทั้งงบประมาณจะต้องทำการเสนอขออนุมัติการเปลี่ยนแปลงกับผู้มีอำนาจ
การที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ขอรับพระราชทานผ้าพระกฐินนำไปถวายพระสงฆ์จำพรรษา ณ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร วัดพญาภู จังหวัดน่านในวันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม 2546 และทราบกำหนดการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2546 แต่ยังมีการจัดโครงการสัมมนาในวันเวลาเดียวกัน ซึ่งมีกลุ่มบุคคลที่เข้าร่วมงานกฐินพระราชทานเป็นกลุ่มบุคคลเดียวกันกับกลุ่มบุคคลผู้เข้าร่วมสัมมนา ย่อมเล็งเห็นได้ว่าไม่สามารถดำเนินการตามแผนงานได้
พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำโดยมีเจตนานำคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ไปถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน โดยจัดโครงการสัมมนาเพื่อให้ผู้ร่วมเดินทางสามารถเบิกค่าใช้จ่ายจากทางราชการได้ โดยมิชอบ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้
1. คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
2. นายคัมภีร์ สมใจ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล มีมูลความผิดทางวินัย ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 มาตรา 85 วรรคสอง และมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
3. นางสาววิไลลักษณ์ อัญมณีรัตน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมาย ไม่มีหน้าที่ในการจัดสัมมนาดังกล่าว พฤติการณ์และพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ยังฟังไม่ได้ว่าได้ร่วมกระทำผิด ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติให้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชา ดำเนินการทางวินัยกับนายคัมภีร์ สมใจ และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด ฟ้องคดีอาญาต่อศาลที่มีเขตอำนาจกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา และนายคัมภีร์ สมใจ ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 92 และมาตรา 97
ข้างต้นคือสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. ที่มีมติชี้มูลความผิดคุณหญิงจารุวรรณ กับนายคัมภีร์ กรณีการเบิกเงิน สตง. อ้างว่าไปจัดสัมมนา แต่กลับนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการทอดกฐิน
แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น !
คุณหญิงจารุวรรณ ยังถูกกล่าวหาอีกคดีหนึ่ง คือกรณีการเบิกเงินไปศึกษาดูงานที่ สตง. ประเทศฝรั่งเศส ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และประเทศอิตาลี ระหว่างวันที่ 5-14 พ.ย. 2546 โดยมิชอบ เนื่องจากได้ขอ ‘ตั๋วฟรี’ จากการบินไทยให้กับ ‘บุตรสาว’ ร่วมเดินทางไปด้วย
ในสำนวนการไต่สวนของคณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. ระบุว่า ข้อเท็จจริง คือ สตง.จัดโครงการฝึกอบรมผู้บริหารหลักสูตรผู้บริหาร/ผู้เชี่ยวชาญ สตง. ยุคใหม่ โดยส่วนหนึ่งเป็นการศึกษาดูงานในต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 5-14 พ.ย. 2546 ในประเทศฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ และอิตาลี
ต่อมาวันที่ 8 ต.ค. 2546 สตง.มีหนังสือขอความอนุเคราะห์ค่าโดยสารเครื่องบินในราคาพิเศษถึงกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ การบินไทย โดยอ้างว่า จะนำไปใช้ในการเดินทางไปฝึกอบรมดังกล่าว ต่อมา วันที่ 14 ต.ค. 2546 การบินไทย มีหนังสือตอบกลับมาว่า ยินดีให้ส่วนลดค่าตั๋วเครื่องบินชั้นธุรกิจ และชั้นประหยัด และยังมอบตั๋วเครื่องบิน กรุงเทพ-ปารีส ชั้นประหยัดให้ฟรีอีก 10 ใบ
ทั้งนี้ สตง.ทำสัญญาจ้างบริษัทในการให้บริการนำคณะศึกษาดูงานของ สตง.จำนวน 40 คน ไปยุโรป โดยมีค่าจ้างรวม 3.12 ล้านบาท แบ่งชำระเป็น 3 งวด ค่าจ้างดังกล่าวรวมตั๋วเครื่องบินไป-กลับ โดยสายการบินไทย ชั้นนักท่องเที่ยวอยู่ด้วย และ สตง.จ่ายเงินเพื่อชำระค่าจ้างตามสัญญาให้แก่บริษัทตามสัญญา 3.12 ล้านบาท จ่ายเป็นเช็ค 3 ฉบับ
ขณะที่ตามสัญญาจ้าง ระบุจำนวนผู้เดินทาง 40 คน แต่ข้อเท็จจริงมีผู้เดินทางไปกับคณะรวม 42 คน โดยผู้ที่เพิ่มเข้ามานอกเหนือสัญญา ได้แก่ น้องสาว และลูกสาว ของผู้บริหารระดับสูงใน สตง.ที่ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของ สตง. และยังไม่มีการหักค่าตั๋วฟรีออกจากค่าทัวร์ด้วย แต่น้องสาว และลูกสาวของผู้บริหารระดับสูงใน สตง. ใช้ตั๋วเครื่องบินฟรีที่ได้รับจากบริษัทการบินไทย ทั้ง ๆ ที่การบินไทยได้มอบตั๋วดังกล่าวให้เพื่อใช้ประโยชน์ของราชการ หรือกิจการของ สตง.
แต่ล่าสุด ช่วงกลางปี 2558 ป.ป.ช. ได้ลงมติตีตกข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยส่งให้ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทราบ มีรายละเอียดว่า ป.ป.ช. ได้พิจารณา โดยแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อดำเนินการไต่สวน รวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ และเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณา ซึ่งจากสำนวนข้อเท็จจริงดังกล่าวเห็นว่า การกระทำของคุณหญิงจารุวรรณ ไม่เป็นไปตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ถือเป็นการประพฤติตนไม่เหมาะสม ไม่รักษาผลประโยชน์ของทางราชการ
แต่โดยที่ไม่มีกฎหมายระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับวินัยสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน จึงไม่อาจดำเนินการทางวินัยได้ ส่วนการถอดถอนออกจากตำแหน่ง ปรากฏว่าคุณหญิงจารุวรรณได้พ้นตำแหน่งแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องส่งไปยังผู้มีอำนาจในการถอดถอนเพื่อดำเนินการตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 93 วรรคสาม อีก ส่วนข้อกล่าวหาทางอาญาไม่มีมูล
ดังนั้น ป.ป.ช. จึงวินิจฉัยให้ข้อกล่าวหาตกไป
ทั้งหมดคือ 2 คดีใหญ่ที่ ‘คุณหญิงเป็ด’ เป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรง และ ป.ป.ช. เป็นคนไต่สวนทั้งสองคดี โดยคดีเบิกเงินดูงานต่างประเทศถูกตีตกไป
แต่คดีทอดกฐิน ถูกชี้มูลผิดทางอาญา ส่ง อสส. ฟ้อง ก่อนที่ล่าสุดศาลอาญาจะพิพากษาจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญาอีกด้วย !
อ่านประกอบ :
ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด คุณหญิงจารุวรรณ -ศุภชัย โพธิ์สุ
“คุณหญิงเป็ด”โล่ง! ป.ป.ช.ตีตกคดีเบิกตั๋วฟรีดูงานตปท. เหตุลงโทษไม่ได้