- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- ประพฤติชั่วร้ายแรง ทุจริตค่าเช่าบ้าน! ป.ป.ช.เชือด '9 ขรก.-จนท.' 2 อบต.ดัง
ประพฤติชั่วร้ายแรง ทุจริตค่าเช่าบ้าน! ป.ป.ช.เชือด '9 ขรก.-จนท.' 2 อบต.ดัง
ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดวินัย-อาญา '9 ขรก.-จนท.' 2 อบต.ดัง ทุจริตเบิกจ่ายเงินค่าเช่าบ้าน หลักแสน ระบุกระทำการขัดกฎหมาย ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ถึงขั้นไล่ออก
ปัญหาการทุจริตเบิกจ่ายค่าเช่าบ้าน ของกลุ่มข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ กำลังถูกจับตามอง เมื่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติลงโทษทางวินัยและอาญา ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ รวมจำนวนกว่า 9 ราย
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า ในช่วงต้นเดือนต.ค.2558 ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ช. ได้มีหนังสือ ลับ ด่วน ที่ ปช 0014/3019 ลว. 13 ต.ค. 58 ถึงอัยการสูงสุด เรื่อง ขอให้ดำเนินคดีอาญา และหนังสือ ถึงนายกองค์การบริหารส่วนตำบลไม้รูด ที่ ปช 0014/3021 ลว. 13 ต.ค.58 เรื่อง ขอให้พิจารณาโทษทางวินัย แก่ นายสุรศักดิ์ อินทรประเสริฐ , นายสนทยา กล่อมสังข์ , นายสงบ สมวงษ์ , นายจิรพงษ์ ท่าพริก , นางสมควร หงษ์หิรัญ , นายอนุ แสงจันทร์ และ นายสุภัทร หรือสัทร์ จุลธนู ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ องค์การบริหารส่วนตำบลไม้รูด จากกรณีถูกชี้มูลความผิดทุจริตเบิกเงินค่าเช่าบ้านเป็นเท็จ ตั้งแต่ มีนาคม 2542-กรกฎาคม 2548 รวมจำนวน 134,250 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า นายสุรศักดิ์ อินทรประเสริฐ , นายสนทยา กล่อมสังข์ และนางสมควร หงษ์หิรัญ , นายอนุ แสงจันทร์ และ นายสุภัทร หรือสัทร์ จุลธนู มีมูลเป็นการกระทำการฝ่าผืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยหน้าที่ ตามมาตรา 92
ส่วนนายสงบ สมวงษ์ นายจิรพงษ์ ท่าพริก มีมูลความผิดทางวินัยอยางร้ายแรง ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ฐานกระทำการอื่นใด อันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดตราด เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2544 ข้อ 3 วรรคสาม ข้อ 6 วรรคสอง และข้อ 19 วรรคสอง
ส่วนความผิดทางอาญา นายสุรศักดิ์ อินทรประเสริฐ , นายสนทยา กล่อมสังข์ และนางสมควร หงษ์หิรัญ , นายอนุ แสงจันทร์ และ นายสุภัทร หรือสัทร์ จุลธนู ไม่มีมูล ข้อกล่าวตกไป
นายสงบ สมวงษ์ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ หรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (4) ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 แต่ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 (4) ได้ขาดอายุความแล้ว ประกอบกับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ในบางกรรม ได้ขาดอายุความแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจึงระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6) จึงให้ยุติการดำเนินคดีอาญากับนายสงบ สมวงษ์ ในความผิดฐานดังกล่าวที่ขาดอายุความแล้ว
ส่วน นายจิรพงษ์ ท่าพริก มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้น หรือกระทำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นเท็จ และรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 แต่ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 (1) และ (4) ได้ขาดอายุความแล้ว ประกอบกับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ในบางกรรม ได้ขาดอายุความแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจึงระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6) จึงให้ยุติการดำเนินคดีอาญากับนายจิรพงษ์ ท่าพริก ในความผิดฐานดังกล่าวที่ขาดอายุความแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังมีหนังสือ ถึงอัยการสูงสุด ที่ ปช 0014/3316 ลว.17 พ.ย. 58 เรื่อง ขอให้ดำเนินคดีอาญา และ มีหนังสือ ถึงนายกองค์การบริหารส่วนตำบลส้มป่อย ที่ ปช 0014/3317 ลว.17 พ.ย.58 เรื่อง แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับการชี้มูลความผิด นายโยธิน สมานหมู่ กรณีถูกกล่าวหา ทุจริตการเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านเกินกว่าที่จ่ายไปจริง ปลอมเอกสารใบเสร็จรับเงินค่าเช่าบ้าน และสัญญาเช่าบ้านขึ้นเพื่อใช้ประกอบการยื่นเรื่องขอเบิกค่าเช่าบ้าน ช่วงระหว่างเดือน เม.ย.2548 ถึงเดือน ก.ย.2548 รวมเป็นเวลา 6 เดือน
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า นายโยธิน สมานหมู่ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง และฐานกระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบล จังหวัดชัยภูมิ เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลววันที่ 20 ธันวาคม 2544 ข้อ 3 วรรคสาม ข้อ 6 วรรคสอง และข้อ 19 วรรคสอง
ส่วนความผิดทางอาญา มีมูลความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกาสร หรือดูแลรักษาเอกสารกระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มาตรา 162 (4) ประกอบ มาตรา 90 และ และมาตรา 91
ทั้งหมดนี่ คือข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการทุจริตเบิกจ่ายค่าเช่าบ้าน ในกลุ่มข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ที่ถูกเปิดเผยออกมาเป็นทางการในขณะนี้