- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- เปิดจม.2 ฉบับ ถึง"บิ๊กตู่" ช่วยชาวบ้านด้วย 'คนมีสี-นายทุน' ฮุบที่ดินชายฝั่งศรีราชา
เปิดจม.2 ฉบับ ถึง"บิ๊กตู่" ช่วยชาวบ้านด้วย 'คนมีสี-นายทุน' ฮุบที่ดินชายฝั่งศรีราชา
"..นรกแห่งความละโมบในใจคนและอำนาจอิทธิพลผลประโยชน์ของมาเฟียท้องถิ่นทั่วประเทศยังโหมไหม้ทำร้ายคนไทยไปทุกหย่อมหญ้า จึงกราบเรียนมาเพื่อให้พณฯท่านได้พิจารณาดูแลชาวศรีราชาให้ได้รับความเป็นธรรมและกลับคืนสู่คุณภาพชีวิตอันดีดังเดิมด้วยค่ะ.."
ในช่วงต้นเดือนพ.ย.2558 มีจดหมายเปิดผนึก 2 ฉบับ ที่ 'สุมิตรา จันทร์เงา' สื่อมวลชนและนักเขียนอิสระ ตั้งใจเขียนถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับปัญหาการฮุบที่ดินชายฝั่งทะเลของเมืองศรีราชา
จดหมายฉบับแรก ระบุเนื้อความ พร้อมภาพประกอบดังต่อไปนี้
กราบเรียน ฯพณฯนายกรัฐมนตรี และทีมดูแลสิ่งแวดล้อมชายฝั่งทะเล
เพราะความละโมบโลภมากใช่ไหมจึงเกิดคดีใหญ่ใหญ่กับนายตำรวจหลายคนยามนี้?
ที่ศรีราชาหลังจากเปลี่ยนตัวนายกเทศมนตรีคนใหม่เมื่อ 3 ปีก่อน คุณภาพชีวิตเลวๆ ก็เกิดขึ้นเพียบกับชาวเมือง
ใครจะเชื่อว่ามีการอนุมัติให้ก่อสร้างคอนโดมิเนียมมารีน่าเบย์ฟร้อน สูง 32 ชั้น ติดชายทะเลตรงกันข้ามกับสำนักงานเทศบาลอำเภอศรีราชา เป็นแลนด์มาร์คประจานความไม่ชอบมาพากลของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ที่ยินยอมให้ตึกหลังนี้ผ่าน EIA
ตอนนี้โครงการก่อสร้างไป 50% แล้ว ขายดิบขายดีอย่างมาก เหลืออยู่แค่ 7 ยูนิต ราคาแพงลิบถึงตารางเมตรละ 120,000 บาท
ไม่ ยังไม่หมดเท่านั้น... พนักงานขายบอกว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนท่านประธานที่ปรึกษาซึ่งเป็นอดีตนายตำรวจใหญ่ เพิ่งมาจัดประชุมกับฝ่ายบริหารโครงการ ยืนยันจะขึ้นอีกตึกหนึ่งคู่กัน สูง 28 ชั้น ชิดติดทะเลเข้าไปอีก ในพื้นที่ติดทะเลแบบไม่มีระยะเว้น และบดบังตึกศรีราชาเบย์วิวสูง 15 ชั้นของเดิมที่เขาก่อสร้างมานานเกือบ 20 ปีแล้วภายใต้กฎหมายสิ่งแวดล้อมเดิม
ตึกหลังใหม่นี้ที่กำลังจะขึ้นในปีหน้าหลังจากตึกแรกแล้วเสร็จ ฝ่ายขายโครงการบอกว่าจะสร้างเป็นโรงแรมในเครือโนโวเทล(ไม่รู้เชนโนโวเทลรู้เห็นด้วยขนาดไหน) และยืนยันว่าสามารถสร้างได้แน่นอน เพราะแค่ดูชื่อประธานที่ปรึกษา และซีอีโอของโครงการยังไงก็ต้องผ่าน EIA สบายๆ อยู่แล้ว
นรกแห่งความละโมบในใจคนและอำนาจอิทธิพลผลประโยชน์ของมาเฟียท้องถิ่นทั่วประเทศยังโหมไหม้ทำร้ายคนไทยไปทุกหย่อมหญ้า
จึงกราบเรียนมาเพื่อให้พณฯท่านได้พิจารณาดูแลชาวศรีราชาให้ได้รับความเป็นธรรมและกลับคืนสู่คุณภาพชีวิตอันดีดังเดิมด้วยค่ะ
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
นางสาวสุมิตรา จันทร์เงา
4 พฤศจิกายน 2558
จดหมายฉบับที่สอง ระบุเนื้อความ พร้อมภาพประกอบดังต่อไปนี้
กราบเรียน ฯพณฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
เรื่อง ขอให้สอบสวนขบวนการสร้างเขื่อนฮุบที่ดินริมทะเลศรีราชาเอื้อกลุ่มทุน
สืบเนื่องมาจากหนังสือร้องเรียนฉบับที่ 1 ตามลิงค์ข้างล่างนี้
https://www.facebook.com/sumitra.channgao/posts/900373749999940?pnref=story
ขอขยายความเพิ่มเติมเพื่อความกระจ่างยิ่งขึ้น ดังนี้
1.ในอดีตของเมืองศรีราชาซึ่งเป็นเมืองน่าอยู่ เป็นที่ตั้งของพระจุฑาธุชราชฐาน พระราชวังในสมัยรัชกาลที่ 5 (เกาะสีชัง) สำหรับประทับแรมทางทะเล เป็นชุมชนชายทะเลโบราณ รอบอ่าวเป็นที่ตั้งหมู่บ้านประมงริมฝั่งทะเลอยู่อาศัยมานานหลายร้อยปี โดยจะมองเห็นเกาะลอยเด่นสง่ามีสะพานเป็นตัวเชื่อมแผ่นดินกับตัวเกาะ เห็นเรือนน้ำแหลมฟานของท่านเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี(ปัจจุบันคือร้านอาหาร Grand seaside) และสภาพชุมชนชาวทะเลยังเป็นแบบดั้งเดิมตามวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น
2. จนกระทั่งเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2555 นายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีเป็นประธานในที่ประชุมเห็นชอบอนุญาตเอกชน บริษัทเดอะสุพีเรีย โฮลดิ้ง จำกัด ให้สร้างท่าเทียบเรือบริเวณหน้าดินกรรมสิทธิ์ของบริษัทไมโคคลอรีน จำกัด ซึ่งบริเวณใกล้เคียงนั้นเป็นชุมชนชาวประมงที่ประกอบอาชีพเลี้ยงหอยแมลงภู่และทำประมงชายฝั่งมาช้านาน
3 .ปี 2557 หลังจากได้รับอนุมัติสร้างท่าเทียบเรือแล้ว ประมาณเดือนมีนาคม 2557 มีรถแบ๊คโฮลุยเข้ามาทำการขุดดินบริเวณริมอ่าวแหลมฟาน สร้างความสงสัยแก่ประชาชนที่พักอาศัยบริเวณนั้น เมื่อชาวบ้านสอบถามว่าทำอะไร คนงานบอกแค่ว่าเป็นคำสั่งของของ สว.คนหนึ่ง ให้สร้างเขื่อนกันคลื่นเซาะชายฝั่ง แต่โดยภาพรวมแล้วเป็นโครงการเขื่อนกินงบประมาณเอื้อประโยชน์เจ้าของท่าเทียบเรือมากกว่า ซึ่งประชาชนชาวศรีราชาที่ได้รับความเดือดร้อนและเห็นความไม่ชอบมาพากลของโครงการดังกล่าว ได้ส่งเรื่องร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงาน ทั้งศูนย์ดำรงธรรมที่กรุงเทพมหานคร และ ร.21 ชลบุรี และร้องเรียนโดยตรงต่อทางจังหวัดชลบุรี ตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย ได้แก่ กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมเจ้าท่า แต่ทุกอย่างเงียบเชียบไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด ทั้งที่การอ้างสร้างเขื่อนกันคลื่นดังกล่าวทำให้เกิดกระบวนการฮุบที่ดินริมทะเลเชื่อมต่อหน้าโฉนดของเอกชนดังกล่าวอย่างเห็นได้ชัด
4. ตอนเริ่มโครงการสร้างเขื่อนซึ่งใช้งบประมาณที่เป็นภาษีอากรของรัฐ มีการเร่งทำงานทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อหนีน้ำทะเลขึ้นลงตามธรรมชาติ ดึกดื่นเพียงใดถ้าน้ำลงก็ต้องรีบทำไม่คำนึงถึงมลพิษทางเสียงที่จะรบกวนชาวบ้านที่ต้องพักผ่อนตอนกลางคืนจากเสียงรถปูนเข้าออกในที่ของกลุ่มทุนที่ได้รับประโยชน์จากการสร้างเขื่อนดังกล่าว เมื่อชาวบ้านสอบถามไปทางสำนักงานเทศบาล ทางเทศบาลก็ตอบแบบเขลาๆ ว่าไม่รู้เรื่อง เป็นโครงการของทางจังหวัด สอบถามไปยังกรมเจ้าท่า ชลบุรี ทางหน่วยงานก็บอกว่าไม่รู้ ไม่ได้อนุญาต
5. แต่ในที่สุดการก่อสร้างได้เริ่มขึ้นด้วยการเทฐานราก ฝังตอม่อ ถมดินลงไปในทะเลตามแนวเขื่อนที่ปักเสาไว้ในทะเลทำให้เจ้าของที่ดินได้พื้นที่เพิ่มยื่นยาวออกไปจนชนแนวเขื่อนกันคลื่น และไม่เพียงเท่านั้นปัญหาที่ส่งผลกระทบผิดธรรมชาติตามมาคือ โดยปกติคลื่นจะสลายไปเอเป็นเช่นนี้มางตามวิถีคลื่นลมเนิ่นนาน แต่ตอนนี้คลื่นที่ซัดมากระทบกับตอม่อเขื่อนได้สะท้อนกลับไปกระทบเสาบ้านของชาวบ้านบริเวณแหลมฟาน ทำให้เสาบ้านได้รับความเสียหายจำนวนมาก ชาวบ้านจึงรวมตัวกันร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรม จ. ชลบุรี ซึ่งท่านผู้ว่าฯได้ส่งโยธาจังหวัด นายอำเภอศรีราชา กรมเจ้าท่า ให้ลงมารับเรื่องร้องเรียน
6 .ปัจจุบันการก่อสร้างเขื่อนดำเนินการแล้วเสร็จ ทั้งที่ไม่มีหน่วยราชการใดยอมรับว่าได้อนุญาตให้ก่อสร้าง แต่กลับผลาญเงินงบประมาณของจังหวัดไปเรียบร้อยแล้ว และผลที่ได้คือการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มนายทุนอย่างชัดเจน โดยขณะที่ถมดินทำเขื่อนนั้น เอกชนได้รีบเร่งก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียม “มารีน่า เบย์ ฟร้อน” ซึ่งเปิดขายจนเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ส่วนที่ดินงอกบริเวณติดกับแนวเขื่อนกันคลื่น ทางเอกชนได้เผยแพร่เอกสารการขายว่าจะสร้างเป็นโรงแรมโนโวเทลศรีราชา ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาโครงการอยู่ เข้าใจว่าอยู่ระหว่างขออนุมัติให้ผ่านกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม
7. ข้อสงสัยที่ต้องไขความกระจ่างคือ เดอะสุพีเรียโฮลดิ้ง ฝ่ายเอกชนเป็นผู้สร้างท่าเรือเพื่อประโยชน์ของบริษัทในปี 2555 แต่ต่อมาในปี 2557 ทางจังหวัดชลบุรีกลับใช้งบประมาณท้องถิ่นสร้างเขื่อนกันคลื่นเพื่อต่อเชื่อมระหว่างสะพานเทียบเรือเอกชนที่สร้างเสร็จกับสถานที่ตั้งคอนโดมิเนียมที่กำลังดำเนินการอยู่
8. การถมดินในทะเลตามแนวกันคลื่นได้ขยายหน้าดินของเอกชนให้มีข้ออ้างที่จะสร้างอาคารสูงชิดติดทะเลหลังใหม่ได้อีก คือ โครงการโรงแรมโนโวเทลสูง 28 ชั้น เรื่องนี้ถูกต้องชอบธรรมหรือไม่ เพราะการถมดินและการสร้างเขื่อนใช้เงินภาษีประชาชน ขอความกรุณาให้ สตง.เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวด้วย
9. ขอให้ตรวจสอบการก่อสร้างโครงการมารีน่า เบย์ ฟร้อนท์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นตึกสูงถึง 32 ชั้น อยู่ติดทะเลเกือบชิดแนวเขื่อน(ตามภาพในโบรชัวร์) เป็นทัศนียภาพอุจาดทำลายภูมิทัศน์อ่าวศรีราชาอย่างชัดเจนนั้นได้รับอนุญาตให้ผ่านกฎ EIA มาได้ถูกต้องชัดเจนตามมาตรฐาน EIA ,EHIA หรือไม่ หากมีการร่วมกันกระทำทุจริต ขอให้ดำเนินการคืนความสุขและความเป็นธรรมในสังคมต่อชาวเมืองศรีราชด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ด้วยความเคารพอย่างสูง
นางสาวสุมิตรา จันทร์เงา
6 พฤศจิกายน 2558
ทั้งหมดนี่ คือ จดหมายเปิดผนึก 2 ฉบับ ที่นำพาข้อเท็จจริงปัญหาการฮุบที่ดินชายฝั่งทะเลของเมืองศรีราชา มาตีแผ่ให้สาธารณชนได้รับทราบ
และส่งตรงถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้รับทราบ เพื่อให้เข้ามาแก้ไขปัญหาเรื่องนี้เช่นกัน
ส่วน "นายกรัฐมนตรี' ที่มีอำนาจสูงสุดในฝ่ายบริหาร และกำลังนำพาประเทศไทยไปสู่การปฏิรูปสังคมให้ดีขึ้นกว่าเดิม ปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จะมีท่าทีที่ชัดเจนอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป
จะรับเรื่องไปพิจารณาและสั่งการให้หน่วยงานที่เกิดข้องเข้ามาตรวจสอบทันที หรือ จะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านลอยไปกับสายลม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อีกไม่นาน 'สาธารณชน' คงได้รับทราบคำตอบกันเป็นทางการในเร็วๆ นี้