- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- คลี่ปมเช็ค 9.6 หมื่นล.ซื้อขายข้าวในประเทศ-วนเอกชนหน้าเดิม ชนวนจีทูจีเก๊?
คลี่ปมเช็ค 9.6 หมื่นล.ซื้อขายข้าวในประเทศ-วนเอกชนหน้าเดิม ชนวนจีทูจีเก๊?
“…แคชเชียร์เช็ค 1,822 ใบ ที่ ป.ป.ช. ตรวจสอบพบนั้น คือแคชเชียร์เช็คเฉพาะในการระบายข้าวจีทูจีล็อตใหม่เท่านั้น ยังไม่ได้รวมกับล็อตเก่าแต่อย่างใด โดยเป็นเงินที่หมุนเวียนในการซื้อขายข้าวจีทูจีรอบนี้ทั้งยวง ซึ่งมีบริษัทเอกชนในไทยเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก…”
ในหลายโครงการเกี่ยวกับข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พบว่า โครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี เป็นหนึ่งโครงการที่ “ไม่โปร่งใส” มากที่สุด
เห็นได้จากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เคยไต่สวนข้อเท็จจริง และมีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิดนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ กับพวกทั้งข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์ และบริษัทเอกชนค้าข้าวอีกรวม 36 ราย (รวมทั้งการชี้มูลความผิดล็อตแรก และล็อตที่สอง) และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
(อ่านประกอบ : ป.ป.ช.เชือดล็อตแรกคดีข้าวจีทูจี"บุญทรง-ภูมิ"ไม่รอด-ฟ้องแพ่ง 6 แสนล้าน, ป.ป.ช.ฟันลอตสอง!15 เอกชนพันคดีข้าวจีทูจี-บ.เจียเม้งตัวละครข้าวถุงโดนด้วย)
เนื่องจากทั้งหมดมีพฤติการณ์ ไม่ได้ระบายข้าวจีทูจีจริง เพราะบริษัทจีนที่เข้ามาติดต่อขอซื้อข้าวนั้นไม่ได้เป็นตัวแทนจากรัฐบาลจีน แต่เป็นการนำข้าวไปเวียนขายในประเทศ โดยผ่านบริษัทเอกชนในไทยเป็นนายหน้านำข้าวไปจำหน่ายในราคาถูกกว่าท้องตลาด
(อ่านประกอบ : ดูชัด ๆ ป.ป.ช.ปอกเปลือกคดีจีทูจีเก๊เชือดยกเข่ง“บุญทรง-บิ๊กขรก.-เอกชน”)
ภายหลังคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลเรื่องดังกล่าว ก็ตรวจสอบพบอีกว่า ในการระบายข้าวจีทูจีล็อตใหม่ กับ 4 บริษัทจีน รวมปริมาณ 14 ล้านตัน ได้แก่ 1.บริษัท Haikou Liangmao Cereals and Oils Trading Co.,Ltd. ปริมาณ 3 ล้านตัน 2.บริษัท Haikou Liangyunlai Cereals and Oils Trading Co.,Ltd. ปริมาณ 2 ล้านตัน 3.บริษัท Hainan Province Land Reclamation Industrial Development ปริมาณ 4 ล้านตัน และ 4.บริษัท Hainan Land Reclamation Commerce and Trade Group Co.,Ltd. ปริมาณ 5 ล้านตัน ซึ่ง ป.ป.ช. เรียกสั้น ๆ ว่า “4 ไห่” ก็ส่อว่าจะไม่ได้มีการทำจีทูจีจริงอีกเช่นกัน
รวมถึงปรากฏชื่อของนายบุญทรง เป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาอีกครั้ง และมีนางปราณี ศิริพันธ์ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เอี่ยวด้วย
(อ่านประกอบ : ป.ป.ช.ตั้งอนุฯลุยสอบเพิ่ม 4 บริษัทจีนส่อขายข้าวจีทูจีเก๊-“ปราณี”โดนด้วย)
ล่าสุด นายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีนี้ กล่าวถึงความคืบหน้าว่า การระบายข้าวจีทูจีล็อตใหม่ พบ “พิรุธ” หลายประการ เช่น บริษัทจีน 4 แห่ง ไม่ใช่ตัวแทนรัฐบาลจีนจริง แต่เป็นการแอบอ้าง ซึ่งคล้ายคลึงกับกรณีระบายข้าวจีทูจีล็อตแรกและล็อตสองที่ ป.ป.ช. เคยชี้มูลความผิดไปแล้ว
นอกจากนี้ยังพบเอกสารที่เกี่ยวกับการชำระหนี้ ที่ไม่ได้มีการขายข้าวส่งออกต่างประเทศจริง แต่กลับมีการซื้อขายข้าวภายในประเทศไทย โดยเป็นแคชเชียร์เช็ค 1,822 ใบ วงเงินกว่า 96,390 ล้านบาท ทำให้ต้องดำเนินการสอบพยานบุคคลผู้แทนปลัดกระทรวงพาณิชย์ และผู้เชี่ยวชาญ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน
“ที่ยากคือเราจะคัดแยกอย่างไร แคชเชียร์เช็ค 1,822 ใบที่ได้มา ที่ผู้ที่ประกอบอาชีพค้าข้าวได้ออกเช็คไว้ในนามของกรมการค้าต่างประเทศ เราจะแยกธนาคาร สาขา เพื่อขอทราบข้อเท็จจริง เพื่อจะได้รู้ว่าใครเกี่ยวโยงกับแคชเชียร์เช็คอย่างไร มีที่มาที่ไปอย่างไร ต้องติดต่อธนาคารและผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความเกี่ยวข้องกับบริษัทจีนทั้ง 4 แห่ง ว่ามีการโยงใยกับกรณีระบายข้าวล็อตแรกหรือไม่ อย่างไร แต่เราทราบพอสมควรว่า มันมีความโยงใยกันพอสมควร ตรงนี้เป็นหัวใจสำคัญที่จะทราบได้ว่า เป็นขบวนการเดียวกันทั้งหมดจริงหรือไม่”
ขณะเดียวกันได้พบหลักฐานใหม่คือ กระทรวงพาณิชย์ได้ประสานงานมายัง ป.ป.ช. หารือว่า มีเงินค่าชำระข้าวในกรณีนี้อยู่ประมาณ 1.5 พันล้านบาท จะทำอย่างไรกับเงินในส่วนนี้ เพราะมีการร้องขอมาว่า ให้คืนเงินกับบริษัทเอกชนไป หรือไม่ก็ต้องขายข้าวเขาไป
“ตรงนี้ถือเป็นการบ้านข้อใหญ่ที่เรากำลังตรวจสอบว่าแคชเชียร์เช็ค กับเงินจำนวน 1.5 พันล้านบาท เกี่ยวข้องหรือไม่กับบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่ง นี่คือที่สืบข้อมูลมาได้ระดับหนึ่ง ถ้าพบว่าเกี่ยวข้องจะได้ทำการยึดหรือายัดแคชเชียร์เช็คดังกล่าวต่อไป”
ทั้งนี้ แหล่งข่าวระดับสูงจากสำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช. อธิบายเพิ่มเติมให้สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ฟังว่า แคชเชียร์เช็ค 1,822 ใบ ที่ ป.ป.ช. ตรวจสอบพบนั้น คือแคชเชียร์เช็คเฉพาะในการระบายข้าวจีทูจีล็อตใหม่เท่านั้น ยังไม่ได้รวมกับล็อตเก่าแต่อย่างใด โดยเป็นเงินที่หมุนเวียนในการซื้อขายข้าวจีทูจีรอบนี้ทั้งยวง ซึ่งมีบริษัทเอกชนในไทยเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ส่วนจะมีบริษัทเก่าที่เคยถูกชี้มูลมาแล้ว หรือมีบริษัทใหม่เกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ต้องตรวจสอบก่อน
ส่วนเรื่องเงินชำระค่าข้าว 1.5 พันล้านบาทที่กระทรวงพาณิชย์นั้น แหล่งข่าว ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ประสานงานมาว่า มีบริษัทเอกชนรายหนึ่งได้มาขอเงินชำระค่าข้าวจากกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์คืน แต่คืนด้วยสาเหตุอะไรไม่ได้ระบุ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้พบความผิดปกติและส่งเรื่องมาให้ ป.ป.ช. เพื่อตรวจสอบดูว่า กรณีนี้เกี่ยวข้องกับการระบายข้าวจีทูจีที่กำลังตรวจสอบอยู่หรือไม่
“มีบริษัทหนึ่ง สมมติว่า บริษัท ก เขาเข้ามายื่นคำร้องต่อกระทรวงพาณิชย์เพื่อขอแคชเชียร์เช็คค่าข้าวคืน 1.5 พันล้านบาท กระทรวงพาณิชย์ก็ส่งเรื่องมาให้เราว่าควรคืนหรือไม่ เราก็จะทำการตรวจสอบว่า บริษัท ก เกี่ยวข้องกับเครือข่ายเอกชนในการระบายข้าวจีทูจีด้วยหรือไม่ ถ้าเกี่ยวข้องเราก็จำเป็นต้องอายัดเงินจำนวนนั้นไว้ก่อน ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบ และจะส่งเรื่องไปให้กระทรวงพาณิชย์ในเร็ว ๆ นี้”
“คาดว่าน่าจะเป็นเครือข่ายเดียวกันกับเอกชนที่ระบายข้าวจีทูจีล็อตแรกทั้งหมด แต่ต้องตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง” เป็นคำยืนยันจากแหล่งข่าวรายนี้
ทั้งหมดคือข้อมูลความคืบหน้าในการไต่สวน กรณีระบายข้าวจีทูจีล็อตล่าสุด ที่อยู่ในมือของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่พบว่า มีบริษัทเอกชนเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ไม่ต่างอะไรกับกรณีระบายข้าวจีทูจีล็อตแรกที่เพิ่งชี้มูลไปเมื่อต้นปี 2558 แม้แต่น้อย
ที่น่าสนใจคือ แคชเชียร์เช็คทั้ง 1,822 ใบ วงเงินกว่า 9.6 หมื่นล้านบาทนั้น เป็นเงินที่ไหลเวียนอยู่ในตลาดข้าวกับกรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า ไม่มีการทำจีทูจีกับตัวแทนรัฐบาลจีนอย่างเห็นได้ชัด แต่เป็นการนำข้าวมาขายต่อในประเทศแทน
ขณะเดียวกันทำไมบริษัทเอกชนรายหนึ่งถึงต้องยื่นคำร้องต่อกระทรวงพาณิชย์ขอคืนแคชเชียร์เช็คมูลค่า 1.5 พันล้านบาทที่ใช้ในการซื้อข้าวไปก่อนหน้านี้ด้วย มีเหตุผลอะไร หรือพบเจอความผิดปกติอะไรหรือไม่ ?
และกรณีนี้จะมีบริษัทเอกชน “หน้าเดิม” ที่เกี่ยวข้องทุกครั้งในโครงการที่เกี่ยวกับข้าวของรัฐบาลชุดที่แล้ว มาผสมโรงด้วยอีกหรือเปล่า
ต้องติดตามต่อด้วยใจระทึก !
อ่านประกอบ : เช็คพันใบ 9.6 หมื่นล.! มัดคดีข้าวจีทูจีรอบใหม่ส่อเก๊-ป.ป.ช.สาวลึกบิ๊กเอกชน
หมายเหตุ : ภาพประกอบระบายข้าวจาก tdri