- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- แกะรอยธุรกิจ "ยูฟัน" หลังกลุ่มต้านแชร์ลูกโซ่ร้องสอบ-พบชื่อ "บิ๊กทหาร" นั่งแท่นเอ็มดี
แกะรอยธุรกิจ "ยูฟัน" หลังกลุ่มต้านแชร์ลูกโซ่ร้องสอบ-พบชื่อ "บิ๊กทหาร" นั่งแท่นเอ็มดี
แกะรอยธุรกิจ "ยูฟัน" อ้างเทรนใหม่การค้าโลก ปักหลักเปิดตลาดในไทย หลังองค์การต่อต้านแชร์ลูกโซ่ ยกขบวนร้อง"ดีเอสไอ"สอบหวั่นปชช.ถูกหลอก พบอ้างชื่อนายทหารใหญ่ นั่งแท่นผู้บริหารประจำประเทศไทย แจ้งผลประกอบการธุรกิจ ล่าสุด ไม่มีรายได้ ขาดทุน 3 แสน -ผู้บริหาร ก.คลัง สั่งจับตามองเป็นพิเศษแล้ว กลัวซ้ำรอยกรณี "แม่ชม้อย"
บริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด สัญชาติมาเลเซีย ซึ่งเข้ามาปักหลักตั้งสำนักงานใหญ่ในประเทศไทย ย่านบางนา และมีการออกสกุลเงินเองเรียกว่า ยู โทเคน (U Token Cash) ใช้แทนสกุลเงินปกติ แต่อยู่ในรูปแบบดิจิตอล ซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราในโลกออนไลน์ กำลังถูกจับตามองจากหน่วยงานตรวจสอบของราชการไทยหลายแห่ง ว่าการดำเนินธุรกิจดังกล่าว เข้าข่ายการเป็นแชร์ลูกโซ่หรือไม่
โดย ล่าสุดผู้บริหารของกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบข้อมูลการดำเนินธุรกิจของบริษัทเอกชนรายนี้แล้ว
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า จากกรณีที่ นายสามารถ เจนชัยจิตรวานิช ประธานองค์การต่อต้านแชร์ลูกโซ่ (Stop money game) ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.ต.วรนันท์ ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ ดีเอสไอ เพื่อขอให้ดำเนินการตรวจสอบบริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด รวมถึงบริษัทที่ทำธุรกิจบิท คอย (Bit Coin) ต่างๆ เนื่องจากมีความกังวลว่าอาจเข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่ ในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2557 ที่ผ่านมา
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า บริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2556 ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ 18 ซอยบางนา-ตราด 25 แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบธุรกิจขายปลีกทางอินเตอร์เน็ต
ปรากฎชื่อ นาย เท คิม เลง เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ นาย วอน ซิง หัวนาย ลี ควน มิง รวมเป็นกรรมการ
รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 28 เมษายน 2557 มีจำนวน 3 ราย นาย เท คิม เลง สัญชาติมาเลเซีย ถือหุ้นใหญ่สุด 94,000 หุ้น (หุ้นละ 100 บาท มูลค่า 9,400,000 บาท นาย กิตติพงษ์ งามพลและนายอาทิตย์ ปานแก้ว ถืออยู่คนละ 3,000 หุ้น มูลค่าหุ้นคนละ 300,000 บาท
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2557 บริษัทฯ ได้นำส่งงบแสดงการเงินจากการทำธุรกิจ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556
ระบุว่า ยังไม่มีรายได้ แต่มีค่าใช้จ่ายรวมในการดำเนินงาน 330,300 บาท ขาดทุนสุทธิ 330,300 บาท
สินทรัพย์ แจ้งว่า มีเงินสดและเงินฝากสถาบันการเงิน 4,009,730 บาท สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น 1,500,000 บาท และมีสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน 9,530,000 บาท รวมสินทรัพย์ทั้งหมด 15,039,730 บาท
มีหนี้สินรวม 12,370,030 บาท ในจำนวนนี้ เป็นเงินกู้ยืมระยะสั้น 12,340,030 บาท
จากการตรวจสอบข้อมูลในเว็บไซต์แห่งหนึ่งที่นำข้อมูลการทำธุรกิจ ของบริษัทฯ มาเปิดเผยในโลกออนไลน์ http://www.ufun-business.com/Ufun_Company.html พบว่า มีการระบุถึงข้อมูลการจัดงานเปิดตัวธุรกิจของบริษัทฯ เป็นทางการ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2557
พร้อมให้ข้อมูลทางธุรกิจเพิ่มเติมว่า เปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศฮ่องกง แต่มาตั้งสำนักงานที่บางนา ประเทศไทย เพื่อหวังขยายไปสู่ ฐานไปสู่ AEC และภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก UFUN เน้นทำธุรกิจออนไลน์ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับ eBay, Amazon, Enzodo, Agoda, Coupong, Tard.com คือเป็นเว็บในลักษณะ Marketplace หรือเว็บตลาดกลางรวบรวมสินค้าและบริการ โดย UFUN จะได้ค่าธรรมเนียมจากการซื้อขายสินค้าและบริการจากสมาชิกเหมือนเว็บทั่วๆ ไป เปิดทำการมาแล้วทั้งหมด 20 ประเทศ
มีการอ้างชื่อ พลโท อธิวัฒน์ สุ่นป่าน เป็นผู้บริหาร UFUN ประจำประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้ติดต่อไปยัง นักธุรกิจรายหนึ่ง ซึ่งปรากฎชื่อและเบอร์โทรศัพท์ ในเว็บไซต์ดังกล่าว สำหรับการติดต่อทำธุรกิจกับยูฟัน เพื่อให้ยืนยันข้อมูลการทำธุรกิจดังกล่าว
นักธุรกิจรายนี้ ระบุว่า เป็นนักธุรกิจอิสระ ที่เข้าไปร่วมทำธุรกิจกับบริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด แต่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับบริษัท เว็บไซต์อันนี้เปิดขึ้นมาเพื่อขยายเครือข่ายลูกค้าของตนเอง ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับทางบริษัทยูฟันฯ
เมื่อถามว่า ธุรกิจของยูฟัน ฯ ถือเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่หรือไม่ นักธุรกิจรายนี้ ตอบว่ามันก็คล้ายๆ กันแต่จะแตกต่างกันตรงที่มุ่งเน้นการซื้อขายสินค้ากันในระบบของตัวเองที่สร้างขึ้น เหมือนเว็บAmazon เพื่อซื้อขายของกัน โดยใช้เงินสกุลของเราเอง
เมื่อถามว่า กังวลใจหรือไม่ ที่หน่วยงานรัฐกำลังจะเข้ามาตรวจสอบ นักธุรกิจรายนี้ ตอบว่า ไม่กังวลใจอะไร เพราะผมทำธุรกิจปกติ ซึ่งธุรกิจทุกธุรกิจก็มีความเสี่ยง และที่สำคัญผมทำเป็นอาชีพเสริมเท่านั้น รายได้ ที่ได้ตอบแทนก็ไม่สูงเกินไป ใครทำเยอะก็ได้เยอะๆ มันก็เท่านั้น เอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.ต.วรนันท์ ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ ดีเอสไอ เพื่อขอให้ดำเนินการตรวจสอบบริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด รวมถึงบริษัทที่ทำธุรกิจบิท คอย (Bit Coin) ต่างๆ เนื่องจากมีความกังวลว่าอาจเข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่ ของ องค์การต่อต้านแชร์ลูกโซ่ (Stop money game) เมื่อวันที่ 21 ต.ค.57 ที่ผ่านมา
นายสามารถ เผยว่า ทางองค์การต่อต้านแชร์ลูกโซ่ได้เฝ้าติดตามธุรกิจบิท คอย รวมถึงบริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด มาซักระยะหนึ่งแล้ว จากข้อมูลเบื้องต้นคิดว่าธุรกิจดังกล่าวน่าจะเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ โดยบริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด เป็นบริษัทสัญชาติมาเลเซีย ซึ่งในประเทศไทยมีสำนักงานใหญ่ที่เป็นเครือข่ายอยู่ในย่านบางนา มีการออกสกุลเงินเองเรียกว่า ยู โทเคน (U Token Cash) ใช้แทนสกุลเงินปกติ แต่อยู่ในรูปแบบดิจิตอล ซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราในโลกออนไลน์ อีกทั้งทราบมาว่าทางบริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด นั้น จะทำการปิดระบบในวันที่ 24 ต.ค. นี้ โดยอ้างว่าจะเป็นการเปิดรับการลงทุนในรอบต่อไป ทางองค์การต่อต้านแชร์ลูกโซ่หวั่นว่าบริษัทดังกล่าวอาจเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ได้ เพราะปัจจุบันมีพีน้องชาวไทยจำนวนมากเข้ามาสู่ธุรกิจดังกล่าวและเข้าร่วมซื้อขายยู โทเคน เยอะมาก คาดว่ามีเงินสะพัดหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
“ในอดีตที่ผ่านมามีตัวอย่างแชร์ลูกโซ่มากมายที่ระดมทุนจากประชาชน โดยให้ผลตอบแทนดี โดยไม่มีเหตุผล ไม่มีสินค้าเป็นรูปธรรม และหลักทรัพย์ใดมาค้ำประกัน เพื่อประกันเอาเงินออกจากกระเป๋าประชาชนที่หลงเชื่อ ก่อนนำเงินมาหมุนเวียนจากดอกเบี้ยให้กับคนแรกๆ กระทั่งปิดตัว เช่น กรณี แชร์แม่ชม้อย บริษัท สแตนดาร์ด มอร์แกน หรือ แชร์มอร์แกน เป็นต้น จึงอยากมาร้องเรียนให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ และตรวจสอบบริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด และบริษัทอื่นๆ ที่ทำธุรกิจสกุลเงินดิจิตอลต่างๆ หวั่นคนไทยตกเป็นเหยื่อและจะมีผลกระทบอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย” นายสามารถ กล่าว
ด้าน พ.ต.ต.วรนันท์ กล่าวว่า เบื้องต้นรับหนังสือพร้อมข้อมูลไว้ก่อน หลังจากนี้ จะส่งเรื่องไปศูนย์บริหารคดี ดีเอสไอ ให้ตรวจสอบเรื่องข้อกฎหมายว่า บริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด และการทำธุรกิจดังกล่าวเข้าข่ายและผิดกฎหมายข้อไหน ก่อนนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการดีเอสไอพิจารณาว่าจะรับเป็นคดีพิเศษไหม ส่วนเรื่องกรณีหากเป็นแชร์ลูกโซ่จริง ก็เข้าข่ายหลอกลวง หรือฉ้อโกงประชาชนได้
(ที่มาข่าว http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9570000121202)
ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันจากผู้บริหารระดับสูงกระทรวงการคลังรายหนึ่ง ว่า กระทรวงการคลัง ได้รับทราบข้อมูลการทำธุรกิจยูฟันฯ แล้ว และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว โดยเฉพาะการทำธุรกิจว่าเข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่หรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนได้รับความเสียหายเหมือนกรณีแชร์ลูกโซ่ เหมือนที่เกิดขึ้นในอดีต อาทิ แชร์แม่ชม้อย เป็นต้น