- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- เปิดทุกฉบับ! หนังสือลาออก "ประสิทธิ์" ย้ำทีโอทีส่อเอื้อประโยชน์ "เอกชน"
เปิดทุกฉบับ! หนังสือลาออก "ประสิทธิ์" ย้ำทีโอทีส่อเอื้อประโยชน์ "เอกชน"
"..ในระยะประมาณ 5-6 เดือนที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารได้มีความพยายามผลักดันให้มีการนำคลื่นความถี่ 2100 Mhz ของ ทศท ไปให้บริษัทผู้บริการโทรคมนาคมรายหนึ่งใช้ประโยชน์ โดยชำระค่าตอบแทนการใช้คลื่น เพียงเดือนละเล็กน้อยไม่กี่ล้านบาท และจะไม่นำเสนออนุมัติต่อคณะกรรมการบริษัท..."
จากกรณีที่นายประสิทธิ์ ศิริภากรณ์ อัยการพิเศษฝ่ายสัญญาและหารือ 3 ในฐานะอดีตกรรมการบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เคยให้สัมภาษณ์พิเศษสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงที่มาในการได้รับบัตรสมาชิกสโมสรราชพฤกษ์ และความเหมาะสมการใช้บัตรสมาชิกเข้าไปตีกอล์ฟ รวมทั้งเงื่อนปมสำคัญเกี่ยวกับการจัดประชุมติดตามงานระบบ 3 จี ที่ ร้าน Cellar 11 Wine Bar & Bistro ของบริษัท เซลลาร์ อีเลฟเวิน จำกัด ว่าเป็นเพียงการจัดเลี้ยงสังสรรค์ เพียงแค่ 1 ครั้ง แต่มาทำเรื่องเบิกจ่ายเงินจำนวน 4 ครั้ง โดยอ้างว่าเป็นการประชุมติดตามงาน 3 จี นั้นอาจถือเป็นความผิดทางกฎหมายเข้าข่ายการทำเอกสารเท็จ
นอกจากนี้ ตอนหนึ่งในบทสัมภาษณ์ นายประสิทธิ์ระบุว่ายังมีประเด็นสำคัญที่นอกเหนือไปจากเรื่องตีกอล์ฟ และร้านไวน์ “มันมีเหตุบางอย่างที่ผมระบุไว้แล้วในหนังสือลาออกไป คุณก็ต้องไปติดตาม ส่วนเรื่องชี้แจงเรื่องกอล์ฟ ผมชี้แจงไว้แล้วที่อัยการสูงสุด”
( อ่านประกอบ : คำให้การ"บิ๊กอัยการ":ประชุม 3 จี"ทีโอที"ร้านไวน์หรู!ร้ายแรงกว่าตีกอล์ฟ )
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดจากหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริง ที่นายประสิทธิ์ยื่นต่ออัยการสูงสุด ผ่านทางสำนักงานอัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2557 และหนังสือเรื่อง ลาออกที่ยื่นต่อประธานคณะกรรมการบริษัท ทีโอที จำกัด ( มหาชน )
พบว่า มีรายละเอียดที่น่าสนใจ ทั้งแตกต่างและคล้ายคลึงกันดังนี้
-เปิดปม ทีโอที โอนคลื่น 2100 Mhz ให้เอกชน-
กล่าวคือ หนังสือชี้แจงต่อสำนักงานอัยการนั้น ใจความในตอนต้นระบุถึงความเป็นมาและรายละเอียดของการครอบครองบัตรสมาชิก สโมสรราชพฤกษ์ ก่อนที่เนื้อหาในส่วนถัดมา ระบุถึงการตั้งข้อสังเกตต่อการโอนคลื่น 2100 Mhz ของบริษัททีโอที จำกัด ( มหาชน ) ไปให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายอื่น ใช้ ในลักษณะที่ขัดต่อมติคณะรัฐมนตรี ที่อนุมัติโครงการโทรศัพท์ 3 จี ที่มีมติให้บริการแบบ MVNO และการโอนคลื่นความถี่ครั้งนี้ อาจขัดต่อพระราชบัญญัติ องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 มาตรา 46
ขณะที่หนังสือลาออก ที่นายประสิทธิ์ ยื่นต่อประธานคณะกรรมการบริษัท มิได้อธิบาย ชี้แจงเรื่องกรณีมีข่าวปรากฏเรื่องค่ารับรองในการใช้บัตรสมาชิกสโมสรราชพฤกษ์ เหมือนดังที่ชี้แจงต่อสำนักงานอัยการ
แต่หนังสือลาออก มุ่งเน้นไปที่ประเด็นสำคัญคือการเปิดเผยว่าในระยะเวลา 5-6 เดือนที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารได้มีความพยายามผลักดัน ให้มีการนำคลื่นความถี่ 2100 Mhz ของ ทศท ไปให้บริษัทผู้บริการโทรคมนาคมรายหนึ่งใช้ประโยชน์ โดยชำระค่าตอบแทนการใช้คลื่น เพียงเดือนละเล็กน้อยไม่กี่ล้านบาท และจะไม่นำเสนออนุมัติ ต่อคณะกรรมการบริษัท ซึ่งตนในฐานะประธานคณะกรรมการกฎหมาย มีความเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าว สอดคล้องกับมติ คณะรัฐมนตรี ที่อนุมัติโครงการ 3 จี หรือไม่ และจะเป็นการขัดต่อ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ มาตรา 46 หรือไม่
จึงแนะนำให้หารือไปยัง กสทช. เสียก่อนว่า การนำคลื่นให้ผู้อื่นใช้ในลักษณะดังกล่าว เป็นการดำเนินการถูกต้อง ตามมาตรา 46 หรือไม่
หากขัดต่อกฎหมาย อาจทำให้ฝ่ายบริหารและคณะกรรมการบริษัท อาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 อีกทั้งการชี้แจงถึงการเร่งรัดทำสัญญาที่เอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชน และอาจทำให้ บริษัทเสียประโยชน์และขัดต่อข้อกฎหมาย
เนื้อหาโดยละเอียด ของหนังสือทั้ง 2 ฉบับ มีดังนี้
-หนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงต่อ อป.-
บันทึกข้อความ
ส่วนราชการ สำนักงานอัยการสูงสุดสำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย
วันที่ 10 มิถุนายน 2557
เรื่อง ชี้แจงข้อเท็จจริง
เรียน อป.
ตามหนังสือ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคณะกรรมการ 1 ลงวันที่ 6 มิถุนายน 2557 แจ้งให้ข้าพเจ้าชี้แจงกรณีที่ปรากฏตามสื่อออนไลน์ ( เฟซบุ๊ค ) ว่า นายประสิทธิ์ ศิริภากรณ์ อัยการพิเศษฝ่ายสัญญาและหารือ 3 ในฐานะกรรมการของบริษัท ทีโอที จำกัด ( มหาชน ) ได้ใช้จ่ายเงินของบริษัท ทีโอที จำกัด ( มหาชน ) เป็นค่ารับรองกรรมการที่สโมสรราชพฤกษ์นั้น
ขอเรียนว่า ตั้งแต่ พ.ศ. 2548 บริษัท ทีโอที จำกัด ( มหาชน ) ได้ทำบัตรสมาชิกสโมสรกีฬาราชพฤกษ์ เป็นสโมสรที่มีกีฬาทุกประเภท ทั้งกอล์ฟ เทนนิส แบดมินตัน ว่ายน้ำ และอื่นๆ บัตรสมาชิก 3 ใบนี้
ทางกรรมการผู้จัดการใหญ่สมัยนั้น ( นายอานนท์ ทับเที่ยง ) ได้มอบบัตรสมาชิกหมายเลขนี้ให้ข้าพเจ้า เพราะเป็นกรรมการคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ในตำแหน่งหลังจากการปรับเปลี่ยนกรรมการออกทั้งชุด เมื่อประมาณเดือนธันวาคม 2554
โดยการมอบบัตรนี้ มิได้มีการบอกกล่าวข้อจำกัด หรือเงื่อนไขการใช้ให้รับทราบแต่อย่างใด
บัตรสมาชิกหมายเลขที่มอบให้ข้าพเจ้าใช้นี้ เป็นบัตรสมาชิกที่เคยมอบให้กรรมการท่านหนึ่งซึ่งถูกปรับออกไป การใช้บัตรของกรรมการท่านนั้นก็มิได้มีข้อห้ามหรือจำกัดแจ้งให้ทราบเช่นกัน
ส่วนบัตรสมาชิกอีก 2 ใบ มอบให้แก่รองกรรมการผู้จัดการใหญ่
การชำระค่าใช้บริการกีฬาของบัตรสมาชิกนี้ ทางสโมสรกีฬาราชพฤกษ์จะแจ้งยอดการใช้จ่ายเป็นรายเดือนไปยังเจ้าของสมาชิก คือ บริษัท ทีโอที จำกัด ( มหาชน ) ซึ่งผู้ใช้บัตรสมาชิก ไม่สามารถชำระเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิตในการไปใช้แต่ละครั้งได้
กรณีตามข่าวที่เกิดขึ้นนี้ มิใช่เป็นเรื่องการที่ข้าพเจ้านำใบเสร็จในลักษณะที่ได้ชำระ เงินล่วงหน้าแล้ว ไปขอให้เบิกจ่ายเป็นค่ารับรองจากบริษัท ทีโอที จำกัด ( มหาชน ) กลับคืนมา ในการใช้บริการดังกล่าว ตั้งแต่ พ.ศ. 2555 เป็นต้นมา ทางบริษัท ทีโอที จำกัด ( มหาชน ) ก็ชำระค่าใช้จ่ายรายเดือนที่สโมสรราชพฤกษ์เรียกเก็บตรงตามเวลาตลอดมา โดยมิได้มีข้อท้วงติงหรือขัดข้องหรือข้อจำกัดแจ้งให้ทราบแต่อย่างใด
มาในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2556 ต่อเนื่องถึงเดือนมีนาคม 2557 ฝ่ายการเงินไม่ดำเนินการชำระเงินค่าใช้จ่ายตามปกติอย่างที่เคย
ทำให้มียอดเงินค้างสะสมสูงขึ้นหลายเดือน
ประกอบกับห้วงเวลาที่ผ่านมา ได้มีการเสนอวาระให้คณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาเกี่ยวข้องกับการโอนคลื่น 2100 Mhz ของบริษัททีโอที จำกัด ( มหาชน ) ไปให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายอื่น ใช้ ในลักษณะที่ขัดต่อมติคณะรัฐมนตรี ที่อนุมัติโครงการโทรศัพท์ 3 จี ที่มีมติให้บริการแบบ MVNO และการโอนคลื่นความถี่ครั้งนี้ อาจขัดต่อพระราชบัญญัติ องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 มาตรา 46 ซึ่งบัญญัติว่า “ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อกิจการโทรคมนาคม เป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้ได้รับใบอนุญาต จะโอนแก่กันมิได้ ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อกิจการโทรคมนาคม ต้องประกอบกิจการด้วยตนเอง จะมอบการบริหารจัดการทั้งหมด หรือบางส่วน หรือยินยอมให้บุคคล อื่นเป็นผู้มีอำนาจประกอบกิจการแทนมิได้” อันอาจทำให้คณะกรรมการบริษัท ต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ข้าพเจ้าจึงได้ท้วงติง และแนะนำให้นำกรณีดังกล่าว หารือคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ( กทค.) หรือ กสทช. เสียก่อน ในฐานที่ กทค. และ กสทช. เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญที่มีหน้าที่อนุญาตและกำกับดูแลการใช้คลื่นความถี่ ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของคณะกรรมการและผู้บริหารบริษัททีโอที จำกัด ( มหาชน ) และเอกชนรายดังกล่าวด้วย แต่มิได้มีการหารือไปยัง กทค. หรือ กสทช. แต่อย่างใด
นอกจากนี้ ในห้วงเวลาเดือนกันยายน 2556 ถึง เมษายน 2557 มีกรณีการไม่ปฏิบัติตามสัญญาอนุญาตให้บริการโทรศัพท์ต่างๆ ในสาระสำคัญหลายประการที่กระทบต่อรายได้ และฐานะทางการเงินของบริษัท ทีโอที จำกัด ( มหาชน ) ลงลงจำนวนมากในแต่ละปี ที่สำนักกฎหมาย เสนอให้คณะกรรมการกฎหมายพิจารณา รวมทั้งมีการนำเสนอโครงการใหญ่ มีการลงทุนจำนวนหลายพันล้านบาทที่ไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนเพียงพอ
จึงได้เสนอความเห็นว่า ขอให้ฝ่ายบริหารไปทำรายละเอียดเพิ่มเติม มาให้ชัดเจนก่อนการพิจารณาอนุมัติของคณะกรรมการ มิฉะนั้น อาจเป็นการลงทุนที่สูญเปล่าหรือไม่คุ้มค่า
การที่ข้าพเจ้าได้ท้วงติงและเสนอความเห็นเป็นไปตามหน้าที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัท ทีโอที จำกัด ( มหาชน ) แต่อาจเป็นที่ไม่พอใจแก่ผู้หนึ่งผู้ใดได้ หลังจากนั้น จึงได้เริ่มปรากฏตามสื่อดังกล่าว อันมีลักษณะเพื่อการทำลายความน่าเชื่อถือในลักษณะไม่ประสงค์ให้ข้าพเจ้าอยู่ในตำแหน่งกรรมการในบริษัท ทีโอที จำกัด ( มหาชน ) อีกต่อไป เนื่องจากในช่วงนี้จะมีการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจต่างๆ
อนึ่ง ข้าพเจ้าจะยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัท ทีโอที จำกัด ( มหาชน ) ซึ่งได้แนบสำเนาหนังสือลาออกมาด้วยแล้ว
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
นายประสิทธิ์ ศิริภากรณ์
อฝ.สห.3
-หนังสือลาออก-
นอกจากหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงต่อ อป. แล้ว หนังสือลาออกที่นายประสิทธิ์ยื่นต่อประธานคณะกรรมการบริษัท ทีโอทีฯ มีเนื้อหาโดยละเอียด ดังนี้
เอกสารเลขที่ 0005.3/6
สำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ
ลงวันที่ 10 มิถุนายน 2557
เรื่อง ลาออก
เรียน ประธานคณะกรรมการบริษัท ทีโอที จำกัด ( มหาชน )
ด้วยในระยะประมาณ 5-6 เดือนที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารได้มีความพยายามผลักดัน
1. ให้มีการนำคลื่นความถี่ 2100 Mhz ของ ทศท ไปให้บริษัทผู้บริการโทรคมนาคมรายหนึ่งใช้ประโยชน์ โดยชำระค่าตอบแทนการใช้คลื่น เพียงเดือนละเล็กน้อยไม่กี่ล้านบาท และจะไม่นำเสนออนุมัติ ต่อคณะกรรมการบริษัท ซึ่งผม ในฐานะประธานคณะกรรมการกฎหมาย มีความเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าว สอดคล้องกับมติ คณะรัฐมนตรี ที่อนุมัติโครงการ 3 จี หรือไม่ และจะเป็นการขัดต่อ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ มาตรา 46 หรือไม่ จึงแนะนำให้หารือไปยัง กสทช. เสียก่อนว่า การนำคลื่นให้ผู้อื่นใช้ในลักษณะดังกล่าว เป็นการดำเนินการถูกต้อง ตามมาตรา 46 หรือไม่ หากขัดต่อกฎหมาย อาจทำให้ฝ่ายบริหารและคณะกรรมการบริษัท อาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
2. เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2557 มีการประชุมคณะกรรมการกฎหมาย สำนักกฎหมายขอให้พิจารณา เป็นวาระจร เรื่องบริษัทผู้ให้บริการ ภายใต้สัมปทานขอปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี จาก 2 จี เป็น 3 จี และ 4 จี LTE ซึ่งคณะกรรมการกฎหมายพิจารณาแล้ว เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับสถานภาพการเงิน เพราะมีการถ่ายโอนลูกค้าไปแล้ว ถึง 17 ล้านเลขหมาย และประเด็นนี้ จะมีผลกระทบเกี่ยวกับการรับมอบอุปกรณ์เมื่อสัมปทานสิ้นสุดลงในปี 2558 จึงมีมติให้นำวาระนี้ เสนอต่อกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณา
3. ได้มีการเร่งรีบ นำเสนอโครงการใหม่ ลงทุน Fttx มูลค่าหลายพันล้าน โดยไม่มีรายละเอียดที่เพียงพอ ที่จะเชื่อมั่นได้ว่า ลงทุนแล้ว จะได้ผลตอบแทนคุ้มค่า มิใช่สูญเปล่า ผมจึงได้เสนอในที่ประชุมว่า ขอให้เพิ่มเติมรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการติดตั้งสถานที่ติดตั้ง และแผนการขายในแต่ละพื้นที่ หรือแต่ละจังหวัดให้ชัดเจน โดยให้หารือกับฝ่ายขายในนครหลวงและภูมิภาคด้วย เพื่อให้สามารถติดตามผลการดำเนินการ ที่เป็นรูปธรรมได้ และจะได้กำหนดเป็น kpi กับผู้ปฏิบัติการต่อไป
ตามที่กล่าวมาข้างต้น การเสนอความเห็นและการท้วงติงดังกล่าว เพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัทและเป็นไปตามหน้าที่ ในฐานะกรรมการบริษัทและประธานคณะกรรมการกฎหมายด้วย ดังนั้น เพื่อยุติ ข้อขัดแย้งทั้งหลาย รวมทั้งในปัญหากฎหมายที่กล่าวมาข้างต้น จึงขอลาออก จากการเป็นกรรมการบริษัททุกตำแหน่ง มีผลตั้งแต่วันพุธที่ 11 มิถุนายน 2557
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถือ
นายประสิทธิ์ ศิริภากรณ์
อัยการพิเศษ ฝ่ายสัญญาและหารือ 3
...
ทั้งหมดนี่ คือ ข้อมูลสำคัญ ที่นายประสิทธิ์ จงใจเปิดเผยผ่านหนังสือลาออกทุกฉบับ ทั้งในส่วนที่ยื่นต่ออัยการสูงสุด และทีโอที
ว่า เขาถูกแผนร้ายเล่นงานอย่างหนัก หลังเข้าไปขัดขวางการแสวงผลประโยชน์โดยมิชอบจากคนบางกลุ่มในทีโอที
ดังประโยคสำคัญที่ว่า "การที่ข้าพเจ้าได้ท้วงติงและเสนอความเห็นเป็นไปตามหน้าที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัท ทีโอที จำกัด ( มหาชน ) แต่อาจเป็นที่ไม่พอใจแก่ผู้หนึ่งผู้ใดได้ หลังจากนั้น จึงได้เริ่มปรากฏตามสื่อดังกล่าว อันมีลักษณะเพื่อการทำลายความน่าเชื่อถือในลักษณะไม่ประสงค์ให้ข้าพเจ้าอยู่ในตำแหน่งกรรมการในบริษัท ทีโอที จำกัด ( มหาชน ) อีกต่อไป"
และเป็นหน้าที่สำคัญที่ผู้บริหารในทีโอที จะต้องลุกขึ้นมาชี้แจงให้เกิดความกระจ่างต่อสังคมโดยด่วน?