พฤติการณ์อดีต ปธ.สหกรณ์จุฬาฯก่อนคุก 250 ปีคดีฉ้อโกง-เหลือปมฟอกเงิน 641 ล.

เขียนวันที่

วันพุธ ที่ 07 พฤศจิกายน 2561 เวลา 13:37 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

รายงาน-สกู๊ป | Isranews | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

พลิกพฤติการณ์ฉาว ‘สวัสดิ์ แสงบางปลา’ จากอดีต ปธ.สหกรณ์จุฬาฯ ก่อนถูกศาลสั่งคุก 250 ปี คดีฉ้อโกงหลอกลวงสมาชิกให้ลงทุนโควตาหวย เสียหาย 187 ล้าน ถูกสอบคดีฟอกเงินอีก 641 ล้าน ตัวละครสำคัญคดีปล่อยกู้สหกรณ์คลองจั่นฯ-เครือข่ายรวม 1.2 พันล้าน

PIC sawatsang 7 11 61 772

ชื่อของ นายสวัสดิ์ แสงบางปลา อดีตประธานสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง

เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2561 ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาจำคุก 200 ปี 600 เดือน (ประมาณ 250 ปี) ลงโทษนายสวัสดิ์ ผิดฐานฉ้อโกงเงินประชาชนรวม 100 ราย ไปลงทุนโควตาหวยกว่า 187 ล้านบาท แต่เมื่อผู้เสียหายลงทุนแล้ว กลับไม่ได้รับเงินคืนกลับมาแต่อย่างใด (อ่านประกอบ : ศาลสั่งคุก 250 ปี! อดีต ปธ.สหกรณ์จุฬาฯหลอกลงทุนโควตาหวย 187 ล.)

นอกจากคดีนี้แล้ว นายสวัสดิ์ ยังตกเป็นจำเลยร่วมกับ น.ส.เมธวัชร์ หรือพชกร คนมั่น ในความผิดฐานฟอกเงินที่สืบเนื่องจากการฉ้อโกงดังกล่าว วงเงินสูงถึง 641 ล้านบาทด้วย เบื้องต้น น.ส.เมธวัชร์ ให้การรับสารภาพในชั้นศาล และศาลพิพากษาจำคุกไปแล้ว 17 ปี รับสารภาพลดโทษเหลือ 8 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา ส่วนนายสวัสดิ์ ปฏิเสธข้อกล่าวหา ปัจจุบันอยู่ระหว่างการไต่สวน

ที่มาที่ไปของทั้ง 2 คดีดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร ?

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org มีคำตอบ ดังนี้

ช่วงกลางปี 2560 มีผู้เสียหายกลุ่มหนึ่งเข้าแจ้งความกับตำรวจ ให้ดำเนินคดีกับนายสวัสดิ์ กับพวก กรณีเชิญชวนสมาชิกสหกรณ์จุฬาฯให้ร่วมลงทุนในธุรกิจล็อตเตอรี่ (หวย) อ้างว่าได้เงินปันผลร้อยละ 12 แต่แบ่งจ่ายรายเดือนจนครบ 12 เดือน โดยช่วงแรกสมาชิกที่ร่วมลงทุนได้รับเงินปันผลตามปกติ แต่ช่วงหลังกลับไม่มีการจ่ายเงินปันผล และนายสวัสดิ์หลบหนีไป ไม่มีใครสามารถติดต่อได้ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 500-1,000 ล้านบาทเศษ

ต่อมาตำรวจสืบสวนจนพบข้อเท็จจริงว่ามีผู้ร่วมสมคบคิดอีก 1 ราย ได้แก่ น.ส.เมธวัชร โดยมีพฤติการณ์เปิดบัญชีธนาคารหลายแห่งเพื่อรับ-โอนเงินดังกล่าวไว้ซุกซ่อนหรือปิดบังอำพราง เบื้องต้นเจอเงินในบัญชีกว่า 62 ล้านบาทที่ได้รับมาจากนายสวัสดิ์

ในช่วงเวลาเดียวกันสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รับคำยืนยันจากผู้เสียหายหลายราย ระบุตรงกันว่า นายสวัสดิ์จะโทรศัพท์ชักชวนให้ร่วมลงทุน ก่อนจะเชิญชวนมาพบ และพูดจาหว่านล้อมให้กู้หุ้นสหกรณ์จุฬา โดยระบุว่า หากกู้หุ้นสหกรณ์จุฬาฯ เสียดอกเบี้ยร้อยละ 2.8 ต่อปี แต่เงินปันผลที่จะได้รับหากลงทุนกับนายสวัสดิ์คือร้อยละ 12 ต่อปี จึงคุ้มค่ากว่า ทำให้มีคนหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ดีขั้นตอนการกู้หุ้นของสหกรณ์จุฬาฯนั้น จะต้องมีการขอเอกสารหลักฐานต่าง ๆ จำนวนไม่น้อย เพื่อนำมาเป็นหลักประกันในการกู้ แต่ถ้าหากเป็นการกู้หุ้นจากการชักชวนของนายสวัสดิ์ สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว โดยแทบไม่ต้องนำเอกสารหลักฐานมาใช้ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่สายของนายสวัสดิ์ช่วยเร่งรัดการดำเนินการให้ ก่อนจะส่งผ่านไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นลำดับชั้น ผ่านเหรัญญิกสหกรณ์จุฬาฯ รวมถึงในชั้นคณะกรรมการสหกรณ์จุฬาฯอนุมัติในท้ายสุด (หากมีวงเงินจำนวนมาก)

(สำหรับคณะกรรมการสหกรณ์จุฬาฯ ชุดที่มีนายสวัสดิ์ เป็นที่ปรึกษานั้น คือคณะกรรมการชุดที่ 53 มีนายบัญชา ชลาภิรมย์ เป็นประธานฯ อดีตรองอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำกับดูแลด้านพัฒนานิสิต และนิสิตเก่าสัมพันธ์)

การกระทำดังกล่าวถูกตั้งข้อสังเกตว่า เจ้าหน้าที่หลายรายที่ดำเนินการอนุมัติ ‘เร่งรัด’ ขั้นตอนการกู้หุ้นดังกล่าว อาจมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันกับนายสวัสดิ์ ในเรื่องชักชวนให้สมาชิกสหกรณ์จุฬาฯ เข้าไปร่วมลงทุน กระทั่งสูญเงินดังกล่าวด้วยหรือไม่ ซึ่งมีผู้เสียหายหลายรายเตรียมจะเข้าให้ถ้อยคำเพิ่มเติมแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในเร็ว ๆ นี้

นอกจากนี้นายสวัสดิ์ ยังถูกกลุ่มสมาชิกสหกรณ์จุฬาฯหลายรายวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีพฤติการณ์กู้ยืมเงินกับอดีตกรรมการในสหกรณ์จุฬาฯหลายราย ซึ่งถูกเรียกขานกันในวงการสหกรณ์จุฬาฯว่า ‘กลุ่มนายทุน’ หรือ ‘กลุ่มผู้มีอิทธิพล’ ที่คอยสนับสนุนการทำงานของบอร์ดสหกรณ์จุฬาฯชุดนายสวัสดิ์มาโดยตลอดด้วย ?

ต่อมา สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบเอกสารชิ้นสำคัญที่นายสวัสดิ์ใช้ยืนยันรับรองสมาชิกในการร่วมลงทุนดังกล่าว ปรากฏลายเซ็นของนายสวัสดิ์ และผู้เสียหายกำกับในเอกสารอย่างชัดเจน โดยเอกสารดังกล่าวมีเป็นจำนวนมาก สำหรับใบเสร็จรับเงินดังกล่าวเหมือนกันทุกใบ หลังจากเซ็นใบรับเงินดังกล่าวแล้ว นายสวัสดิ์จะมอบใบถอนเงินฝากออมทรัพย์มาให้ เพื่อใช้ถอนดอกเบี้ยในแต่ละเดือน (ดูเอกสารประกอบ)

PIC ใบฝากเงนสวสด 1

หลังจากนั้นตำรวจดำเนินการออกหมายจับนายสวัสดิ์ กระทั่งนายสวัสดิ์ยอมเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถูกแจ้งข้อหา ฉ้อโกงประชาชน โดยนายสวัสดิ์ ให้การว่า เงินที่ชักชวนให้ร่วมลงทุนเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2553 โดยนำไปลงทุนในบริษัทต่าง ๆ แต่จำชื่อบริษัทไม่ได้ ทั้งนี้ได้ให้การกับพนักงานสอบสวนไปแล้ว เป็นความจริงทุกประการ ส่วนสิ่งที่เสียหายขึ้นนั้น อาจจะใช้คืนได้ไม่ครบถ้วนทุกคน เบื้องต้นอาจใช้คืนได้ประมาณ 10% ของทรัพย์สินทั้งหมด หรือคิดเป็นเงินประมาณ 50-80 ล้านบาท จากงานเงินทั้งหมดประมาณ 400 ล้านบาทเศษ ไม่ใช่ 1,000 ล้านบาทตามที่เสนอข่าว โดยมียอดเงินที่เป็นเนื้อแท้ประมาณ 250 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นดอกผลจากการลงทุนใน 6-7 ปีที่ผ่านมา ส่วนที่มีการเชิญชวนให้ลงทุนอยู่เรื่อย ๆ นั้น เพื่อนำไปหมุนคืนกับบุคคลที่เคยเชิญชวนมาลงทุนก่อนหน้านี้ (อ่านประกอบ : ตร.จี้ไม่อยากตายในคุกต้องสารภาพ! อดีต ปธ.สหกรณ์จุฬาฯอึกอักปมเงินลงทุน )

หลังจากนั้นเรื่องราวผ่านไปหลายเดือน ช่วงปลายปี 2560 ตำรวจได้สรุปสำนวนส่งอัยการฟ้องนายสวัสดิ์ ข้อหาฉ้อโกงประชาชน ขณะเดียวกันได้ส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการสอบสวนคดีฟอกเงิน เบ็ดเสร็จดีเอสไอเจอเส้นทางเงินกว่า 641 ล้านบาท และส่งเรื่องให้อัยการฟ้องเอาผิดเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังส่งสำนวนให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อายัดทรัพย์สินของนายสวัสดิ์ เบื้องต้นมูลค่า 11 ล้านบาทแล้ว

นี่คือเบื้องลึก-ฉากหลังพฤติการณ์ของนายสวัสดิ์ จากรุ่งโรจน์เคยเป็นประธาน-บอร์ดสหกรณ์จุฬาฯหลายสมัย จนถึงจุดต่ำสุดของชีวิตต้องถูกพิพากษาจำคุก 250 ปี (คงเหลือ 20 ปี) และถูกไต่สวนคดีฟอกเงินอีกกว่า 641 ล้านบาท ถูกอายัดทรัพย์เบื้องต้นแล้ว 11 ล้านบาท

ขณะเดียวกันนายสวัสดิ์ ถือเป็นหนึ่งในตัวละครสำคัญ ที่ถูกดีเอสไอ เข้าไปตรวจสอบ กรณีบอร์ดสหกรณ์จุฬาฯ ชุดนายสวัสดิ์ (ชุดที่ 53) ปล่อยกู้ และทำธุรกรรมทางการเงินกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนมงคลเศรษฐี และสหกรณ์เคหสถานนพเก้ารวมใจ วงเงินกว่า 1.2 พันล้านบาท ซึ่งอาจมีความไม่ชอบมาพากลด้วย โดยกรณีนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนในชั้นดีเอสไอ ปัจจุบันยังไม่มีการสรุปสำนวนแต่อย่างใด (อ่านประกอบ : เส้นทางฝากเงิน‘จุฬาฯ’ถึง ‘คลองจั่น-เครือข่าย’ 1.2 พันล.จับตาได้คืนหรือแห้ว? )

# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/