- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- สู้-จน-เจ็บ? พลิกชะตากรรมแดง-คนหนีหมายเรียก คสช.ลี้ภัย-ซุกตัวอยู่ ตปท.
สู้-จน-เจ็บ? พลิกชะตากรรมแดง-คนหนีหมายเรียก คสช.ลี้ภัย-ซุกตัวอยู่ ตปท.
“…นี่คือความเคลื่อนไหวของบรรดาอดีตแกนนำ-คนเสื้อแดง-นักวิชาการ-สื่อ ที่หลบหนีไปภายหลังการรัฐประหารเมื่อปี 2557 เท่าที่สามารถรับทราบความเป็นอยู่ได้ตามที่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะ อย่างไรก็ดียังมีอีกหลายรายที่คาดกันว่าสภาพความเป็นอยู่ไม่ค่อยสู้ดีนัก และมีปัญหาเรื่องเงินเรื่องทองจนเกิดการทะเลาะแบ่งฝักฝ่าย … ส่วนใหญ่แดงเหล่านี้ มักไม่มีกลุ่มทุนสนับสนุนเพียงพอ หรือบางครั้งอาจทำอะไร ‘ขัดใจ’ กับ ‘ท่อน้ำเลี้ยง’ ก็ทำให้เงินเหือดแห้งไป จนชีวิตตกอยู่ในช่วงลำบากดังกล่าว…”
กลายเป็นเรื่องราวดราม่าในแวดวง ‘คนเสื้อแดง’ ขึ้นมาทันที!
ภายหลังนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตบรรณาธิการนิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กอัพเดตถึงชีวิตของนายวิสา คัญทัพ กวีคนสำคัญในยุค 14 ตุลาคม 2516 ปัจจุบันเป็นกวีคนเสื้อแดง และเป็นหนึ่งในบุคคลที่หลบหนีตามหมายเรียกของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หลังรัฐประหารเมื่อปี 2557
นายสมยศ อ้างว่า ไปเจอนายวิสา คัญทัพ (อายุ 69 ปี) ที่เมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมัน ปัจจุบันเป็นโรคพาร์กินสัน และยังไม่ได้รับสถานะผู้ลี้ภัย
“ค่ารักษาพยาบาลที่นี่แพงมหาศาลเลย ผมแก่แล้ว ภาษาอังกฤษและเยอรมันพูดไม่ได้เลย อยู่ในสังคมต่างแดนมันโหดร้ายมาก จะเริ่มเรียนก็ไม่ได้ ไม่ใช่คนหนุ่มสาว เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป” อดีตกวีผู้ยิ่งใหญ่ช่วง 14 ตุลาฯ กล่าวกับนายสมยศ (อ่านประกอบ : 'วิสา คัญทัพ'ป่วยพาร์กินสัน-ไร้คนเหลียวแล)
แต่รู้กันหรือไม่ ไม่ใช่แค่นายวิสาเท่านั้น ที่ต้องเผชิญชะตากรรมอย่าง ‘โดดเดี่ยว’ หลังการรัฐประหารเมื่อปี 2557 สลายขั้ว ‘กลุ่มแดง’ ระเห็จระเหินไปคนละทิศทาง
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รวบรวมชะตากรรมของ ‘แกนนำแดง’ หลังจากหลบหนีออกนอกประเทศแล้วต้องตกระกำลำบากอยู่ต่างประเทศ ดังนี้
สำหรับนายวิสา คัญทัพ นอกเหนือจากเป็นกวีสำคัญที่เป็นเชิงสัญลักษณ์การต่อสู้ของคนเสื้อแดงแล้ว ยังเคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วย รมว.แรงงาน (นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) อย่างไรก็ดีในช่วงเวลาดังกล่าวนายวิสา และนางไพจิตร อักษรณรงค์ ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนกรณีจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อมา ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดนางไพจิตร คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อย่างไรก็ดีในชั้นการพิจารณาของศาลฎีกาฯปรากฎชื่อของนายวิสาด้วย แต่ปัจจุบันชื่อของนายวิสาหายไปจารสารบบทะเบียนนัดความแล้ว (อ่านประกอบ : ป.ป.ช.เชือด ‘ไพจิตร’ อดีตนักร้องดังเมีย ‘วิสา คัญทัพ’ ซุกบัญชีทรัพย์สิน)
นายเอกภพ เหลือรา หรือ ‘ตั้งอาชีวะ’ อดีตแกนนำกลุ่มเด็กช่างเสื้อแดง ที่ร่วมชุมนุมบนเวที นปช. หลายครั้ง กระทั่งหลุดพูดเกี่ยวกับเรื่องสถาบันฯ จนโดนคดีหมิ่นเบื้องสูง และหลบหนีไปก่อนมีการรัฐประหาร เบื้องต้นนายเอกภพ ไปซุกตัวอยู่กับแกนนำแดงในประเทศเพื่อนบ้าน อาศัยคอนเนคชั่นจนได้ทำเรื่องลี้ภัยไปอยู่ประเทศนิวซีแลนด์
ชีวิตช่วงแรกเหมือนจะสวยหรู ‘ตั้ง อาชีวะ’ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กโชว์ความสะดวกสบายที่นิวซีแลนด์ ต่อมาหลังเกิดการรัฐประหาร ได้วิพากษ์วิจารณ์ คสช. และหมิ่นเบื้องสูงอย่างรุนแรงหลายครั้ง หลังจากนั้นกระแสก็เงียบหายไปสักพัก ก่อนจะกลับมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กอีกครั้ง ระบุว่า ย้ายบ้านมาอยู่ที่เมืองหนึ่งในนิวซีแลนด์ เป็นเมืองที่อาชญากรรมค่อนข้างสูง และนายเอกภพถูกขโมยขึ้นบ้านอย่างน้อย 2 ครั้ง ฉกทรัพย์สินไปได้จำนวนหนึ่ง ปัจจุบันอยู่อย่างหวาดระแวง
ต่อมาถึงคิวของ น.ต.ชนินทร์ คล้ายคลึง (ปัจจุบันถูกถอดยศ-ตำแหน่ง) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘ผู้พันสู้’ อดีตแกนนำแดงสายฮาร์ดคอร์ เป็นคนปลุกกระแสการต่อสู้ของเสื้อแดง มีการระดมเงินทุนเพื่อปฏิบัติการดังกล่าวด้วยหลายครั้ง อย่างไรก็ดีได้ถูกตั้งข้อสังเกตจากคนเสื้อแดงบางกลุ่มว่า ปฏิบัติการดังกล่าวอาจไม่ได้ทำจริง และเป็นการหลอกเงินคนเสื้อแดงเท่านั้น ต่อมาภายหลังการรัฐประหาร เขาได้หลบหนีไปอาศัยอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน และถูกถอดยศ และตำแหน่งทั้งหมด เนื่องจากทำผิดวินัย และประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง รวมถึงหมิ่นเบื้องสูงด้วย ปัจจุบันนายชนินทร์ เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ ให้กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยี่ห้อหนึ่ง และยังเคลื่อนไหวเรื่องการเมืองอยู่ต่างประเทศ (อ่านประกอบ : สั่งปลดทันที! "นายทหารอากาศ" โพสต์ให้ร้าย"บิ๊กตู่" พาดพิงเบื้องสูง)
นายจรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และอดีตแกนนำคนเสื้อแดง นักต่อสู้ตั้งแต่เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ช่วงก่อนเกิดรัฐประหารปี 2557 นายจรัล เป็นหนึ่งในนักวิชาการ ‘สายแดง’ ที่ออกมาให้ความเห็นผ่านสื่ออย่างเผ็ดร้อนเกือบทุกครั้ง กระทั่งการเข้ามาสู่อำนาจของ คสช. ทำให้นายจรัลตัดสินใจหลบหนี ทำเรื่องขอลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส และมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์ ม.ธรรมศาสตร์ เขาใช้เวลาอยู่ประมาณ 3 ปีเศษ จึงได้สถานะเป็นผู้ลี้ภัย อย่างไรก็ดีจากการเปิดเผยของนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ระบุว่า นายจรัล ป่วยหนักนอนซม ถึงกับต้องใช้ถุงปัสสาวะในการขับถ่าย
แน่นอนไม่พูดถึงไม่ได้คือ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ สำหรับ ‘สมศักดิ์ เจียมฯ’ เป็นทีเลื่องชื่อลือชาเรื่องการนำข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์มาเผยแพร่ และวิเคราะห์ให้สาธารณชนรับรู้ ตั้งแต่สมัยในบอร์ดฟ้าเดียวกัน จนถึงปัจจุบันคือเฟซบุ๊ก และเป็นหนึ่งในนักวิชาการที่ได้รับทั้ง ‘ดอกไม้’ และ ‘ก้อนหิน’ จากทุกฝ่าย ต่อมาเมื่อปี 2560 เขาเป็นหนึ่งในสามบุคคล (ร่วมกับนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธุ์ อดีตอาจารย์ ม.เกียวโต และนายแอนดรูว์ แม็คเกรเกอร์ มาแชล อดีตนักข่าวต่างประเทศ) ถูก คสช. สั่งห้ามไม่ให้ประชาชนกดไลค์ กดแชร์ ข้อความในเฟซบุ๊ก ไม่อย่างนั้นอาจเข้าข่ายมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ปัจจุบันได้รับอุบัติเหตุลื่นล้มในห้องน้ำ สภาพร่างกายเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก อยู่ระหว่างพักรักษาตัว และทำกายภาพบำบัด
อีกรายหนึ่ง ไม่ใช่เสื้อแดงโดยตรง แต่หลบหนีไปเพราะการรัฐประหารเมื่อปี 2557 ได้แก่ นายจอม เพชรประดับ อดีตนักข่าวและพิธีกรชื่อดัง เคยทำงานอยู่ช่อง ITV สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และช่อง NBT สมัยรัฐบาลพรรคพลังประชาชน สมัยหลังเกิดรัฐประหารปี 2549 นายจอมเป็นสื่อเพียงรายเดียวที่ได้บินไปสัมภาษณ์นายทักษิณถึงฮ่องกง ต่อมาหลังเกิดรัฐประหารปี 2557 เขาเป็นสื่อคนแรกเช่นกันที่บินไปสัมภาษณ์นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย ที่เพิ่งก่อตั้งองค์กรเสรีไทยเคลื่อนไหวสู้ คสช. สำหรับนายจอม มีข่าวว่าหลังจากได้รับสถานะผู้ลี้ภัยในประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันนอกเหนือจากเป็นสื่ออิสระ สัมภาษณ์บุคคลทางการเมืองผ่านช่องทางยูทูปแล้ว ยังต้องขายกล้วยทอดหาเลี้ยงตัวเองในวัดแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ (อ่านประกอบ : ย้อนเส้นทางชีวิตสื่อ"จอม เพชรประดับ" กับข้อกล่าวหา “อิงแอบเสื้อแดง” ?)
ต่อมา นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ ‘โกตี๋’ อดีตแกนนำแดงสายฮาร์ดคอร์ ‘ตัวเอ้’ เป็นหนึ่งในบุคคลอันตรายที่ถูกเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายความมั่นคงหมายตามาตั้งแต่หลังเกิดเหตุการณ์ม็อบเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ‘โกตี๋’ เป็นหนึ่งในบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ความรุนแรงในการเลือกตั้งที่แจ้งวัฒนะเมื่อปี 2557 ส่งผลให้เกิดการเสียชีวิตขึ้นด้วย ภายหลังการรัฐประหาร เขาได้หลบหนีไปอาศัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ร่วมทำวิทยุกับกลุ่มนายชูชีพ ชีวะสุทธิ์ หรือ ‘ลุงสนามหลวง’ จัดตั้ง ‘สหพันรัฐไท’ ทำวิทยุใต้ดินเผยแพร่แนวคิดตัวเองกระจายเข้าสู่ไทย ต่อมามีกระแสข่าวว่าช่วงปลายปี 2560 ‘โกตี๋’ ถูก ‘ชายชุดดำ’ อุ้มหายตัวไป กระทั่ง ‘ลุงสนามหลวง’ ออกมาคอนเฟิร์มข่าวว่า ‘โกตี๋’ เสียชีวิตแล้ว
นี่คือความเคลื่อนไหวของบรรดาอดีตแกนนำ-คนเสื้อแดง-นักวิชาการ-สื่อ ที่หลบหนีไปภายหลังการรัฐประหารเมื่อปี 2557 เท่าที่สามารถรับทราบความเป็นอยู่ได้ตามที่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะ อย่างไรก็ดียังมีอีกหลายรายที่คาดกันว่าสภาพความเป็นอยู่ไม่ค่อยสู้ดีนัก และมีปัญหาเรื่องเงินเรื่องทองจนเกิดการทะเลาะแบ่งฝักฝ่ายกัน
โดยเฉพาะแดงที่หลบภัยอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็น ‘กลุ่มไฟเย็น’ หรือ ‘กลุ่มสุรชัย แซ่ด่าน’ เป็นต้น ส่วนใหญ่แดงเหล่านี้ มักไม่มีกลุ่มทุนสนับสนุนเพียงพอ หรือบางครั้งอาจทำอะไร ‘ขัดใจ’ กับ ‘ท่อน้ำเลี้ยง’ ก็ทำให้เงินเหือดแห้งไป จนชีวิตตกอยู่ในช่วงลำบากดังกล่าว
และยังไม่นับบรรดาแกนนำ-กลุ่มก้อนแดงในประเทศ ที่ไม่มีโอกาสได้หลบหนีหลังการรัฐประหาร ถูก คสช. ‘มอนิเตอร์’ เฝ้าดูการเคลื่อนไหวตลอดเวลา จะขยับเขยื้อนอะไรก็ลำบาก มีบางรายถูกอายัดทำธุรกรรมทางการเงิน บางรายถูกทหารเข้ามา ‘ดีล’ ให้พลิกขั้วด้วยเงื่อนไขอะไรบางอย่าง ทำให้ในปัจจุบันมีแกนนำแดงหลายคนย้ายฝั่งมาอยู่กับทหารเป็นจำนวนไม่น้อย
ส่วนจะมีใคร ‘แปรพักตร์’ บ้าง หลายคนคงพอเห็นกันไปบ้างแล้ว ?