- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- พนง.บ.ลูก‘เจ๊แดง’คนจ่ายค่าที่ดิน! เปิดคำพิพากษาคดียึดทรัพย์‘เกษม’ 21 ล.
พนง.บ.ลูก‘เจ๊แดง’คนจ่ายค่าที่ดิน! เปิดคำพิพากษาคดียึดทรัพย์‘เกษม’ 21 ล.
ชำแหละคำพิพากษาคดีรวยผิดปกติหน 2 ‘เกษม นิมมลรัตน์’ ยึดทรัพย์ 21 ล้าน พบ พนง.บ.ลูก ‘เจ๊แดง’ เป็นคนซื้อแคชเชียร์เช็ค 2 ฉบับ 11 ล้าน ชำระเงินค่าที่ดิน 2 แปลง ไม่ปรากฏหลักฐานเส้นทางเงิน ‘เกษม’ เอี่ยว ข้ออ้างใช้เงินจากการขายหุ้น-เงินในบัญชีฟังไม่ขึ้น
ชื่อของ ‘เกษม นิมมลรัตน์’ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย และอดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ ได้รับความสนใจจากสาธารณชนอีกครั้ง !
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานแล้วว่า เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2561 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาให้ยึดทรัพย์สินของนายเกษม ตกเป็นของแผ่นดิน วงเงินประมาณ 21 ล้านบาท แบ่งเป็นที่ดิน 2 แปลง 11.8 ล้านบาท และหุ้นของนางดวงสุดา นิมมลรัตน์ (คู่สมรส) อีก 9.2 ล้านบาท จากคดีมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ (อ่านประกอบ : 'เกษม'ไม่รอด! ศาลฎีกาฯพิพากษายึดทรัพย์อีก 21 ล.คดีรวยผิดปกติ)
นับเป็นครั้งที่ 2 ที่นายเกษม ถูกศาลฎีกาฯพิพากษายึดทรัพย์สินให้ตกเป็นของแผ่นดิน ก่อนหน้านี้ช่วงปี 2560 ศาลฎีกาฯเคยพิพากษาให้ยึดทรัพย์สินของนายเกษม และนางดวงสุดา ตกเป็นของแผ่นดินมาแล้วกว่า 168 ล้านบาท ในคดีเดียวกันคือทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ และชี้แจงที่มาที่ไปไม่ได้
นอกจากนี้นายเกษมยังถูกศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา ฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ กรณีปกปิดรายได้จากการขายหุ้นบริษัท วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) วงเงิน 26.1 ล้านบาท พร้อมกับไม่ยอมแจ้งว่านางบุญทอง สุภารังสี (มารดาของนายเกษม) ถือครองหุ้นบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) วงเงิน 74 ล้านบาท ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินที่ต้องยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) (อ่านประกอบ : คุกจริง 1 ปี! 'เกษม' จงใจแจ้งบัญชีเท็จ-ยึดทรัพย์รวยผิดปกติ 168 ล.)
สำหรับนายเกษม ถูกสื่อมวลชนหลายสำนักรายงานว่า เป็นคนสนิทของ ‘เจ๊แดง’ หรือนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีต ส.ส.เพื่อไทย น้องสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผู้มากบารมี และภรรยาของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯอีกรายหนึ่ง
หากโฟกัสที่ประเด็นร่ำรวยผิดปกติที่ศาลฎีกาฯเพิ่งพิพากษายึดทรัพย์สินเป็นครั้งที่ 2 พบข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกรณีที่ดินเพิ่มขึ้น 2 แปลง มูลค่ารวมประมาณ 11.8 ล้านบาท
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปบางห้วงบางตอนของคำพิพากษาเกี่ยวกับประเด็นการได้มาซึ่งที่ดิน 2 แปลง ดังนี้
ข้อมูลจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า ที่ดิน 2 แปลงนี้อยู่ในชื่อของนายเกษม อยู่ใน ต.แม่ริมใต้ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ทั้งหมด มูลค่าขณะได้มา 11,865,000 บาท ได้แก่ 1.โฉนดเลขที่ 11777 เนื้อที่ 3 งาน 96.4 ตารางวา และ 2.โฉนดเลขที่ 11783 เนื้อที่ 3 งาน 95 ตารางวา
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานและข้อเท็จจริงแล้ว สรุปได้ว่า คณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. ตรวจสอบทรัพย์สินของนายเกษม และนางดวงสุดา กรณีเข้ารับตำแหน่ง พ้นจากตำแหน่ง และพ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปี รองนายก อบจ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 20 มี.ค. 2556-5 ต.ค. 2558 พบว่า มีความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินเพิ่มมาขึ้นอย่างผิดปกติ
@คนขายที่ดินให้ ‘เกษม’ เผยได้รับเงินเป็นแคชเชียร์เช็ค
ผู้ขายที่ดินให้นายเกษม ให้การในชั้นคณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. และเบิกความในชั้นศาลฎีกาฯ สรุปได้ว่า ไม่เคยรู้จักนายเกษมมาก่อน และไม่เคยทราบว่าเป็นผู้มีตำแหน่งทางการเมือง โดยการซื้อขายกระทำผ่านแคชเชียร์เช็ค ธนาคารกสิกรไทย สาขาแจ้งวัฒนะ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2557 วงเงิน 11 ล้านบาท หลังจากนั้นนายเกษมได้โอนเป็นเงินสดให้อีก 8.6 แสนบาท
@สาวลึกพบ พนง.บ.ลูก ‘เจ๊แดง’ เป็นคนซื้อ
คณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. ตรวจสอบแคชเชียร์เช็คฉบับดังกล่าว จากเจ้าหน้าที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาแจ้งวัฒนะ พบว่า มีการโอนแคชเชียร์เช็ค 2 ใบ นายยุทธศักดิ์ แก้วสาย ได้นำเงินสด 5 ล้านบาทมาซื้อแคชเชียร์เช็คฉบับดังกล่าว ฉบับเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2557 และโอนให้ผู้ขายที่ดินให้นายเกษม หลังจากนั้นนายยุทธศักดิ์ ได้นำเงินสดอีก 6 ล้านบาทซื้อแคชเชียร์เช็คอีกฉบับลงวันที่ 26 ธ.ค. 2557 ก่อนจะนำแคชเชียร์เช็คทั้งหมดรวม 11 ล้านบาท จ่ายให้กับผู้ขายที่ดินให้นายเกษม
ผู้บริหารในธนาคารกสิกรไทย สาขาแจ้งวัฒนะ ให้การในชั้นคณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. ว่า นายยุทธศักดิ์ เข้ามาทำธุรกรรมทางการเงินที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาแจ้งวัฒนะ บ่อยครั้ง ทราบว่านายยุทธศักดิ์เป็นพนักงานของบริษัทนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แต่จำชื่อบริษัทไม่ได้
คณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. ได้เรียกนายยุทธศักดิ์ มาให้ถ้อยคำหลายครั้ง แต่นายยุทธศักดิ์ ส่งแค่หนังสือชี้แจงกลับมาว่าขอเลื่อน และไม่เคยมาให้ถ้อยคำต่อคณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. แต่อย่างใด
คณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. จึงตรวจสอบประวัตินายยุทธศักดิ์จากประกันสังคม พบว่า เมื่อปี 2556 นายยุทธศักดิ์ เคยทำงานที่บริษัท ยานัท จำกัด โดยบริษัทดังกล่าว ปรากฏชื่อของนายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ บุตรชายของนางเยาวภา และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นกรรมการ ก่อนที่จะลาออกจากบริษัทดังกล่าวในปี 2559
ข้อเท็จจริงที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ใช้เป็นหลักฐานคือ ไม่ปรากฏว่า นายยุทธศักดิ์ เป็นลูกจ้างนายเกษมแต่อย่างใด และไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดกับนายเกษม ถึงขนาดที่ต้องรับมอบเงิน 11 ล้านบาทจากนายเกษม เพื่อซื้อแคชเชียร์เช็ค 2 ครั้ง นำไปชำระที่ดิน 2 แปลงดังกล่าว
ขณะเดียวกันนายเกษม และนางดวงสุดา มีภูมิลำเนาอยู่ จ.เชียงใหม่ และมีเงินฝากหลายบัญชีอยู่ที่ธนาคารใน จ.เชียงใหม่ ดังนั้นการซื้อแคชเชียร์เช็คผ่านธนาคารในกรุงเทพฯ จึงเป็นข้อพิรุธ
@ข้ออ้างนำเงินขายหุ้น-หมุนเวียนในบัญชีฟังไม่ขึ้น
การอ้างว่า นำเงินที่ขายหุ้นของบริษัทต่าง ๆ และหมุนเวียนในบัญชีเงินฝากมาซื้อนั้น จากการตรวจสอบแบบรายการแสดงภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.) พบว่า ปี 2556 นายเกษม มีรายได้ 8.1 แสนบาท ปี 2557 มีรายได้ 6.6 แสนบาท ส่วนนางดวงสุดา ปี 2556 มีรายได้ 1.3 ล้านบาท ปี 2557 มีรายได้ 1.1 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ไม่เพียงพอต่อการซื้อที่ดินทั้ง 2 แปลงดังกล่าว
ดังนั้นจึงไม่ปรากฏหลักฐานเชื่อมโยงว่า มีเงินจากบัญชีของนายเกษม นำไปซื้อแคชเชียร์เช็คเพื่อชำระเป็นค่าที่ดิน 2 แปลงดังกล่าว และไม่ปรากฏเส้นทางการเงินที่โอนให้นายยุทธศักดิ์ไปซื้อที่ดิน 2 แปลงดังกล่าวด้วย ดังนั้นที่ดินทั้ง 2 แปลงนี้จึงถือว่าเพิ่มขึ้นผิดปกติในช่วงนายเกษม ดำรงตำแหน่งรองนายก อบจ.เชียงใหม่
@เงินซื้อหุ้น บ.แอสคอนฯ 9.2 ล.ใช้เงินที่ถูกศาลวินิจฉัยรวยผิดปกติคดีเก่า
ส่วนกรณีเงินลงทุนในการซื้อหุ้นบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (ASCON) ที่อยู่ในชื่อของ นางดวงสุดา นิมมลรัตน์ (คู่สมรส) จำนวน 61,838,310 หุ้น มูลค่าขณะได้มาหุ้นละ 0.15 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 9,275,746 บาทนั้น
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เป็นทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ เนื่องจากนำเงินที่หมุนเวียนจากการซื้อขายหุ้นบริษัท วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเคยคำวินิจฉัยแล้วว่า หุ้นบริษัท วินโคสท์ฯของนางดวงสุดานั้น เป็นทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ จึงเป็นกรณีที่นำทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติไปแปรเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินอื่น หรือจากการซื้อหุ้นอื่น มีผลให้หุ้นดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติในระหว่างนายเกษมดำรงตำแหน่งรองนายก อบจ.เชียงใหม่ เช่นเดียวกัน
ทั้งหมดคือข้อเท็จจริงในคดีรวยผิดปกติหนที่ 2 ของนายเกษม จนถูกศาลฎีกาฯพิพากษายึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดินอีกครั้ง วงเงินกว่า 21 ล้านบาท
อ่านประกอบ :
ศาลฎีกาฯเปิดคำพิพากษาฉบับเต็มคดียึดทรัพย์‘เกษม’168 ล. -ชื่อ 3 บิ๊กธุรกิจโผล่
อุปโลกน์หนี้ 72 ล.! คำพิพากษาชำแหละ ‘เกษม’แจ้งบัญชีเท็จ-รวยผิดปกติ 168 ล.
คุกจริง 1 ปี! 'เกษม' จงใจแจ้งบัญชีเท็จ-ยึดทรัพย์รวยผิดปกติ 168 ล.
ชี้ชะตากรรม นักการเมืองรายที่ 5 ถูกยึดทรัพย์ รวยผิดปกติ 186 ล.?
เปิดชัด ๆ บ.แอสคอนฯ ก่อน‘เกษม’รวยผิดปกติ 186.6 ล. กลุ่ม‘วงศ์สวัสดิ์’ หุ้นใหญ่
หมายเหตุ : ภาพประกอบนายเกษม จาก thairath