- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- ขมวด 2 ปมร้อน อิศราลุยตรวจอบจ.เชียงใหม่ กับข้อมูลลับกลุ่มดิเอเวนเจอร์ส&จุดนัดพบร้านกาแฟ?
ขมวด 2 ปมร้อน อิศราลุยตรวจอบจ.เชียงใหม่ กับข้อมูลลับกลุ่มดิเอเวนเจอร์ส&จุดนัดพบร้านกาแฟ?
"...ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลจากคนในอบจ.เชียงใหม่ ว่า ปัจจุบัน อบจ.เชียงใหม่ มีการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ เปลี่ยนแปลงงบ เพื่อดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่างๆ เป็นจำนวนมาก และมักจะมีตัวแทนบริษัทเอกชนบางราย เดินเข้านอกออกในไปพบปะพูดคุยกับ ผู้บริหารระดับสูงของ อบจ.เชียงใหม่ บางกลุ่ม ที่ถูกขนานนามว่าเป็นกลุ่ม 'ดิเอเวนเจอร์ส' แบบสนิทสนม อยู่บ่อยครั้ง ส่วนสถานที่พบปะพูดคุย จุดหลักๆ ไม่ห้องทำงาน ก็ร้านกาแฟ ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้า อบจ.เชียงใหม่นั้นเอง.."
นับเป็นเวลาเกือบสัปดาห์แล้ว ที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เข้าไปติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการบริหารงานขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ มานำเสนออย่างต่อเนื่อง
เริ่มตั้งแต่กรณีการตรวจสอบพบข้อมูลว่า ในช่วงปลายปี 2560 ที่ผ่านมา นายบุญทรง แทนธานี นายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก ได้ลงนามในหนังสือลงวันที่ 27 ต.ค.2560 แจ้งถึง นายกองค์การบริหารสวนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ เพื่อขอให้พิจารณาลงโทษทางวินัย นายสมศักดิ์ ลาภอดิศร ผู้ถูกกล่าวหา ในฐานะเป็นคณะกรรมการกำหนดราคากลางโครงการงานจ้างก่อสร้างปรับปรุงตลิ่งริมแม่น้ำน่าน ระยะที่ 3 พื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำน่านฝังตะวันตก ตามสัญญาจ้างเลขที่ 16/2546 ลงวันที่ 20 มี.ค.2546 ของเทศบาลนครพิษณุโลก หลังถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง และแจ้งรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงพร้อมเอกสารประกอบให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาโทษทางวินัย ตามสำเนาหนังสือ ป.ป.ช.ลงวันที่ 10 ต.ค.2560
ก่อนจะปรากฎข้อเท็จจริงในเวลาต่อมา ว่า ผู้บริหารอบจ.เชียงใหม่ ได้สั่งตั้งกรรมการลงโทษทางวินัย นายสมศักดิ์ ไปแล้ว ตามเป็นบทลงโทษผลการชี้มูลความผิดวินัยไม่ร้ายแรง โดยหักเงินเดือน 15% เป็นระยะเวลา 3 เดือน มิใช่ การชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง ตามผลการชี้มูลของป.ป.ช.แต่อย่างใด
ส่วนเหตุผลที่เป็นแบบนี้ นายสมศักดิ์ เป็นผู้ชี้แจงกับสำนักข่าวอิศราเอง ว่า ก่อนหน้านี้ ที่ ป.ป.ช. จะส่งเรื่องแจ้งผลการชี้มูลความผิดไปที่เทศบาลนครพิษณุโลก นั้น เขาได้ย้ายไปทำงานอยู่ที่ เทศบาลนครปากเกร็ดแล้ว โดยในส่วนการดำเนินงานของเทศบาลนครปากเกร็ด นั้น ได้มีการตั้งกรรมการลงโทษตามที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดเมื่อปี 2558 และตนได้เข้าไปชี้แจง ซึ่งกรรมการก็เห็นว่า ไม่ได้มีความผิดร้ายแรง ตามที่เห็นว่าผิดระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างตามมติ ครม. และเมื่อเขาย้ายไปที่ อบจ.เชียงใหม่ เทศบาลนครปากเกร็ดจึงส่งมติลงโทษวินัยไม่ร้ายแรงไปที่ อบจ.เชียงใหม่ และกรรมการ อบจ.เชียงใหม่ ก็เรียกเขาเข้าชี้แจง และมีมติยืนการลงโทษวินัยไม่ร้ายแรงตามเทศบาลนครปากเกร็ด หักเงินเดือน 15% เพราะไม่ทำตามติ ครม.
นายสมศักดิ์ ยังย้ำด้วยว่า ในช่วงปี 2560 เรื่องจะหมดอายุความ ได้มีโอกาสได้ชี้แจงกับทาง ป.ป.ช. ส่วนกลางแล้ว ซึ่ง ป.ป.ช. ก็รับทราบ เรื่องก็จบไปแล้วไม่มีปัญหาอะไร
แต่เหมือนดูคำชี้แจงและบทลงโทษดังกล่าวที่ออกมาจะขัดแย้งกับหลักกฎหมาย ป.ป.ช. ที่ระบุว่า เมื่อ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดผู้ถูกกล่าวหา และส่งเรื่องไปให้หน่วยงานต้นสังกัดพิจารณาโทษ หน่วยงานต้นสังกัดจะต้องพิจารณาลงโทษผู้ถูกกล่าวหา ตามมติป.ป.ช. ภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด ไม่สามารถตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนซ้ำ และแก้ไขเปลี่ยนแปลงมติชี้มูลของ ป.ป.ช. ได้ นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ก็เคยมีคำวินิจฉัยทางข้อกฎหมายชี้ชัดว่า ในกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดวินัยผู้ถูกกล่าวหาไปแล้ว ผู้บังคับบัญชาหน่วยงานต้นสังกัดของผู้ถูกกล่าวหา ไม่สามารถที่จะตั้งกรรมการสอบใหม่ เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกโทษตามที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดไปแล้วไม่ได้ แม้ในภายหลังที่คดีถูกส่งเข้าไปพิจารณาในชั้นศาลจะมีการยกฟ้องก็ตาม เนื่องจากกฏหมาย ป.ป.ช.ถือเป็นกรณีเฉพาะ
ขณะที่สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลจากแหล่งข่าวในอบจ.เชียงใหม่ ว่า เกี่ยวกับเรื่องการตั้งกรรมการสอบสวน นายสมศักดิ์ ลาภอดิศร อดีตผู้อำนวยการสำนักการช่าง อบจ.เชียงใหม่ ที่ผลออกมาว่าเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง จากเดิมที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง และให้พิจารณาลงโทษแค่การปรับลดเงินเดือน 15% เป็นเวลา 3 เดือน นั้น ฝ่ายนิติกร ของอบจ.เชียงใหม่ เคยมีการทักท้วงฝ่ายบริหารอบจ.ไปแล้วว่า เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จะต้องยืนยันตามมติ ป.ป.ช. ที่ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง คือ การไล่ออกและคืนเงินรายได้ทั้งหมด แต่คณะผู้บริหารไม่ฟังคำทักท้วง ทางฝ่ายนิติกร เกรงว่าจะมีปัญหาในภายหลัง จึงได้มีการทำหนังสือโต้แย้งเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อป้องกันตัวเองไว้ด้วย
เบื้องต้น สำหรับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหานี้ คงรอฟังคำชี้แจงจากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งในส่วนของผู้บริหารเทศบาลนครปากเกร็ด อบจ.เชียงใหม่ รวมไปถึง ป.ป.ช. ในฐานะผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง ว่าการดำเนินงานที่ผ่านมา เป็นไปตามที่ นายสมศักดิ์ กล่าวอ้างกับสำนักข่าวอิศราหรือไม่
ส่วนเส้นทางชีวิตของนายสมศักดิ์ ปัจจุบันเกษียณอายุราชการไปแล้วเมื่อวันที่ 30 ก.ย.2560 ที่ผ่านมา โดยตำแหน่งสุดท้ายก่อนเกษียณอายุ คือ ผู้อำนวยการสำนักการช่าง อบจ.เชียงใหม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 21 ก.พ.2561 ที่ผ่านมา อบจ.เชียงใหม่ ได้ออกประกาศว่าจ้าง นายสมศักดิ์ ให้ทำงานต่อในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ด้านวิศวกรรมโยธา และเข้ามาทำงานที่อบจ.เชียงใหม่ตามปกติ
พร้อมคำยืนยันของเจ้าตัวที่ว่า "มีคุณสมบัติครบถ้วนในการรับตำแหน่งนี้"
(อ่านประกอบ : พบ อบจ.เชียงใหม่ จ้างอดีตผอ.สำนักการช่างทำงานต่อ ทั้งที่ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลผิดวินัยร้ายแรง, โชว์หลักฐานอบจ.เชียงใหม่จ้างอดีตผอ.สำนักการช่างทำงานต่อ-เมินป.ป.ช.ชี้มูลผิดวินัยร้ายแรง?, ปากเกร็ดแก้มติลดโทษป.ป.ช.ให้! อดีตผอ.สำนักการช่าง แจงอบจ.เชียงใหม่ สั่งหักเงินด.15%แล้ว, ผู้ว่าฯประจักษ์ ข้องใจอดีตผอ.สำนักการช่าง อ้างสตง.เข้าใจผิดชี้มูลราคากลาง-สั่งจนท.สอบด่วน)
แต่ดูเหมือนปัญหาในอบจ.เชียงใหม่ จะไม่ได้จบลงแค่เรื่องนี้เท่านั้น เพราะล่าสุดสำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างของอบจ. เชียงใหม่ พบข้อสังเกตสำคัญ เกี่ยวกับสถานะของบริษัทเอกชนรายหนึ่ง คือ บริษัท แซลมอน ดริลลิ่ง จำกัด ที่ปรากฎชื่อเป็นผู้ชนะการประมูลจัดซื้อชุดซ่อมถนนลาดยาง (Recycling) 1 ชุด วงเงิน 64,260,000 บาท ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่
โดยจากการตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 2 ต.ค.2560 อบจ.เชียงใหม่ ได้ลงนามในสัญญาจัดซื้อชุดซ่อมถนนลาดยาง (Recycling) 1 ชุด วงเงิน 64,260,000 บาท จากบริษัท แซลมอน ดริลลิ่ง จำกัด ตามสัญญาเลขที่ 2/2561 ขณะที่ บริษัท แซลมอน ดริลลิ่ง จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2560 หรือคิดเป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือนนั้น อันนั้นไปสู่การตั้งคำถามถึงความสามารถของบริษัทในการเข้ามารับงานที่มีมูลค่าหลายสิบล้านบาท
และเมื่อสำนักข่าวอิศรา ติดตามไปตรวจสอบเอกสารการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ก็พบข้อมูลเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 2 ส.ค.2560 บริษัท แซลมอน ดริลลิ่ง จำกัด ได้แจ้งแก้ไขเพิ่มวัตถุประสงค์การทำธุรกิจเพิ่มเป็น 30 ข้อ จากเดิม 24 ข้อ โดยข้อ 25 ระบุว่า "ประกอบกิจการผลิต ติดตั้ง จำหน่าย และซ่อมแซม ชุดซ่อมถนนลาดยาง (Recycling) รถขุดตัดผสม ชุดถังโรย ปูนขับเคลื่อนด้วยไฮโดรลิค รถบดล้อหน้าเหล็กเรียบล้อหลังยาง (Rubber Alphalt chip Sealer) ติดตั้งบนรถบรรทุก" ตรงตามรายละเอียดเนื้องานในการประมูลงานครั้งนี้
ขณะที่จากการตรวจสอบฐานข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างอบจ.เชียงใหม่ พบว่า กำหนดให้เอกชนที่สนใจเข้าร่วมการประมูลงานโครงการนี้ รับเอกสารประมูล ระหว่างวันที่ 21 ส.ค.2560 ถึงวันที่ 29 ส.ค.2560
เท่ากับว่า ช่วงระยะเวลาที่บริษัทฯ แจ้งเพิ่มวัตถุประสงค์การทำธุรกิจเพิ่มดังกล่าว เมื่อวันที่ 2 ส.ค.2560 จะห่างกันประมาณ 19 วัน เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางสำนักข่าวอิศรา ได้พยายามติดต่อไปยังผู้บริหารอบจ.เชียงใหม่ เพื่อขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริง แต่ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่อบจ.เชียงใหม่ มาโดยตลอดว่า ผู้บริหารไม่สะดวดติดภารกิจสำคัญ ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ และไม่ได้มีการแจ้งติดต่อกลับมายังสำนักข่าวอิศรา เพื่อชี้แจงข้อมูลแต่อย่างใดด้วย
จึงทำให้ปัจจุบันยังไม่สามารถชี้ชัดได้ ว่าการประกวดราคางานโครงการนี้ มีปัญหาอะไรหรือไม่ คงต้องรอให้ทางสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้าไปติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมอีกครั้ง และเบื้องต้นก็ยังต้องถือว่า ผู้เกี่ยวข้องในการจัดซื้อจัดจ้างโครงการนี้ ทั้งในส่วนเจ้าหน้าที่รัฐ และเอกชน ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ปราศจากข้อกล่าวหาใดๆ ทั้งสิ้น (อ่านประกอบ : พบบริษัทป้ายแดง ตั้งใหม่แค่ 6 เดือน คว้าสัญญาขายชุดซ่อมถนนลาดยาง อบจ.เชียงใหม่ 64ล., แจ้งวัตถุประสงค์ทำธุรกิจเพิ่มก่อนซื้อซอง19วัน! ข้อมูลใหม่บ.ป้ายแดงคู่สัญญาอบจ.เชียงใหม่64ล.)
อย่างไรก็ดี ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลจากคนในอบจ.เชียงใหม่ ว่า ปัจจุบัน อบจ.เชียงใหม่ มีการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ เปลี่ยนแปลงงบ เพื่อดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่างๆ เป็นจำนวนมาก และมักจะมีตัวแทนบริษัทเอกชนบางราย เดินเข้านอกออกในไปพบปะพูดคุยกับ ผู้บริหารระดับสูงของ อบจ.เชียงใหม่ บางกลุ่ม ที่ถูกขนานนามว่าเป็นกลุ่ม 'ดิเอเวนเจอร์ส' แบบสนิทสนม อยู่บ่อยครั้ง
ส่วนสถานที่พบปะพูดคุย จุดหลักๆ ไม่ห้องทำงาน ก็ร้านกาแฟ ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้า อบจ.เชียงใหม่นั้นเอง โดยมีภาพถ่ายยืนยันเป็นหลักฐานชัดเจน
และที่น่าสนใจต่อมา คือ มีงานจัดซื้อจัดจ้างในอบจ.เชียงใหม่หลายโครงการ ที่ปรากฎชื่อบริษัท ของตัวแทนบริษัทที่เข้าไปพบปะพูดคุยกับผู้บริหารกลุ่มกลุ่ม 'ดิเอเวนเจอร์ส' อยู่บ่อยครั้ง เป็นผู้ได้รับงานว่าจ้างรวมอยู่ด้วยจำนวนมาก
จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็น สตง. , ป.ป.ช. ร่วมไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ช่วยเข้ามาตรวจสอบข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างทั้งระบบ เพื่อทำความจริงให้ปรากฎ ปกป้องผลประโยชน์สาธารณะของคนในจังหวัดเชียงใหม่โดยเร็วที่สุดด้วย