- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- เยลลี่หมีเจ้าดังงานเข้า เมื่อสารคดีสืบสวนเยอรมันเผยส่วนประกอบใช้แรงงานทาสในการผลิต
เยลลี่หมีเจ้าดังงานเข้า เมื่อสารคดีสืบสวนเยอรมันเผยส่วนประกอบใช้แรงงานทาสในการผลิต
สารคดีสืบสวนเยอรมันเผยเรื่องราวสุดช็อก เมื่อพบว่าสายการผลิตส่วนผสมของเยลลี่หมียอดฮิต เจ้าดังอย่างฮาริโบ้ ได้มาจากแรงงานทาส และเจลาตินจากฟาร์มหมูที่สกปรก เป็นโรค
บริษัทผลิตลูกกวาด เยลลี่ เจ้าดังอย่างฮาริโบ้ งานเข้าเต็มๆ เมื่อสถานีโทรทัศน์สาธารณะอย่าง ARD ของเยอรมัน ได้เผยแพร่เรื่องราวสุดช็อคของสภาพความเป็นอยู่ของสัตว์และแรงงานในโรงงานผลิตส่วนประกอบสำคัญของเยลลี่หมีฮาริโบ้ ที่ใครหลายๆ คนชอบทาน
สารคดีความยาว 45 นาที ที่มีชื่อว่า แบรนด์แช็ก (brand check หรือในภาษาเยอรมันคือ Markencheck) ซึ่งทำการติดตาม สืบสวน ตรวจสอบทั้งในด้านสุขภาพและผลิตภัณฑ์ของฮาริโบ้ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีวางขายอยู่ทั่วโลก
โดยสารคดีสืบสวนเรื่องนี้ได้ฉายภาพเรื่องราวชวนตกใจกับสภาพความเป็นอยู่ของแรงงานในบราซิลที่ผลิตส่วนประสำคัญของเยลลี่อย่าง ไขคาร์เนาบาหรือcarnauba wax มีสภาพชีวิตไม่ต่างจากทาส หรือเรียกว่าทาสยุคใหม่(modern slaves) ขณะที่ส่วนการผลิตเจลาตินจากหมูจากฟาร์มในเยอรมันนีนั้น พวกมันก็อยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกัน นั่นคือ สภาพชีวิตที่โหดร้าย
ไขคาร์เนาบาหรือcarnauba wax เป็นส่วนประกอบสำคัญของการผลิตเยลลี่หมีน่ารักที่ใครหลายๆ คนชอบ โดยการนำเอามาเคลือบเพื่อไม่ให้แต่ละชิ้นเกาะติดกัน
แว็กซ์ตัวนี้ต้องสกัดมาจากใบของต้น คาร์เนาบา(carnauba ) เป็นต้นไม้ตระกูลปาล์ม ลักษณะต้นคล้ายๆ กับต้นตาลโตนดในบ้านเรา ซึ่งต้นคาร์เนาบานิยมปลูกกันมากเฉพาะแค่ในรัฐทางภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างPiaui, Ceara, Maranhao, Bahia, และRio Grande do Norte เท่านั้น ซึ่งถือเป็นพื้นที่ยากจนที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศบราซิล
แว็กซ์ชนิดนี้ถูกนำมาใช้ในหลายๆ ผลิตภัณฑ์ด้วยกันไม่ว่าจะเป็นส่วนผสมในน้ำมันรถยนต์ แว็กซ์ขัดรองเท้า และใช้ในทางการแพทย์เช่น ด้านทันตกรรมเป็นต้น มีตัวเลขการส่งออกแว็กซ์ชนิดนี้จากบราซิลไปทั่วโลกโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและเยอรมันนี มูลค่าราว 118 ล้านเหรียญฯ
ผู้กำกับสารคดีเรื่องนี้พบว่า แรงงานที่ผลิตส่วนประกอบสำคัญดังกล่าวให้กับฮาริโบ้ได้รับเงินค่าจ้างต่อวันเพียง 40 รีลบราซิลหรือ 12 เหรียญสหรัฐฯเท่านั้น โดยในแต่ละวันพวกเขาต้องตัดใบคาร์เนาบาลงมาโดยใช้ตะขอติดกับไม้ยาวเพื่อตัด และยังพบอีกว่าพวกเขาเหล่านั้นถูกบังคับให้นอนอยู่ด้านนอกอาคารที่พักหรือบางครั้งต้องนอนอยู่ในกระบะรถบรรทุก นอกจากนี้แรงงานที่คอยผลิตส่วนประกอบนี้ยังเข้าไม่ถึงปัจจัยพื้นฐานสำคัญอีกมากเช่น ห้องน้ำที่ถูกคุณลักษณะ น้ำดื่มที่สะอาด และแรงงานบางคนยังเป็นแรงงานเด็กอีกด้วย
รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานบราซิล ระบุถึงประเด็นนี้ว่า นับวันมีการร้องเรียนเพิ่มขึ้นมากมายในอุตสาหกรรมผลิต carnauba wax ภายหลังจากการเข้าไปตรวจสอบก็พบสภาพความเป็นอยู่ที่โหดร้ายไม่ต่างอะไรจากแรงงานทาส และที่ผ่านมาตำรวจบราซิลได้เข้าไปจัดการเรื่องนี้ เพื่อปลดปล่อยแรงงานเหล่านี้ให้หลุดจากวงจรอันโหดร้าย
“แรงงานเหล่านี้ถูกกระทำราวกับว่าพวกเขาเป็นแค่สิ่งของ สภาพโหดร้ายยิ่งกว่าสัตว์เสียอีก” รมต.กระทรวงแรงงานกล่าว.
ด้านแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลประจำเยอรมันนี ระบุถึงปัญหานี้ว่า บริษัทเยอรมันต้องเร่งตรวจสอบบริษัทในซัพพลายเออร์ของตัวเองอย่างเร่งด่วน ต้องห้ามไม่ให้มีการกระทำใดๆ ที่ละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนเด็ดขาด
“หากมีการตรวจสอบพว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนจริง พวกเขาต้องได้รับการเยียวยาทั้งการเงินและสุขภาพ” ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชน แอมเนสตี้ฯเยอรมันนีกล่าวและว่า เป็นเรื่องน่าเสียดายที่รัฐบาลเยอรมันไม่สามารถทำให้บริษัทเหล่านี้อยู่ภายใต้ข้อตกลงที่ดีได้
สถิติแรงงานทาสทั่วโลกหรือ Global Slavery Index ระบุว่าปัจจุบันมีแรงงานราว 40.3 ล้านคนทั่วโลก อยู่ในสภาพแรงงานทาสยุคใหม่
นอกจากส่วนประกอบอย่าง carnauba wax แล้ว สารคดีเรื่องนี้ยังฉายภาพน่าสยดสยองของสภาพหมูในฟาร์มทางตอนเหนือของเยอรมันนี โดยไม่ระบุว่าชื่อฟาร์มอะไรที่เป็นวีดีโอที่มีการเข้าไปถ่ายโดยกลุ่มนักเคลื่อนไหวในประเด็นสัตว์
โดยพบว่าในฟาร์มดังกล่าวจะส่งผลิตภัณฑ์อย่างหนังหมู ให้กับทางบริษัท Westfleisch ซึ่งเป็นบริษัทที่จะแปรรูปเป็นเจลาตินและส่งไปยังบริษัทGelita ซึ่งเป็นซัฟฟลายเออร์ของ ฮาริโบ้ อีกที
ฟุตเตจชิ้นนี้ฉายสถาพของหมูที่มีแผลตามร่างกายรวมถึงฝี ซึ่งพวกมันถูกเลี้ยงอยู่ในร่ม กินนอนในกองขี้ของตัวเอง ขณะที่วีดีโอชุดนี้ยังโชว์ให้เห็นว่ามีบางตัวที่นอนตายอยู่ ขณะที่บางตัวไม่รับการให้น้ำเลย
สัตวแพทย์ที่ให้สัมภาษณ์ในสารคดีเรื่องนี้ กล่าวว่า สภาพที่เห็นในวีดีโอตัวนี้ค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายปกป้องสัตว์ของเยอรมันนี
องค์กรด้านสิทธิของสัตว์อย่าง Tierretter ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้าไปถ่ายฟุตเตจอันโหดร้ายชิ้นนี้กล่าวในบทแถลงการณ์ว่า เป็นเรื่องที่น่าอดสูกับบริษัทที่มีผลิตภัณฑ์น่ารักแต่กลับได้มันมาจากสภาพอันสยดสยองของพวกสัตว์เหล่านี้
ภายหลังจากสารคดีออกฉาย ทางWestfleisch กล่าวว่า ไม่มีอะไรน่าห่วงโดยเฉพาะในประเด็นเรื่องกฎหมายในการปกป้องสัตว์ในฟาร์มของพวกเขา ขณะที่ทางด้าน Gelita กล่าวยืนยันว่า หนังหมูทั้งหมดที่นำมาใช้มาจากหมูที่มีสุขภาพดีและผ่านการฆ่าในโรงฆ่าสัตว์ที่ได้ใบรับรอง ทั้งยังยืนยันว่าบริษัทสนับสนุนทุกมาตรการด้านการดูแลสัตว์อย่างถูกวิธี
ด้านบริษัทยักษ์ใหญ่ อย่างฮาริโบ้ก็ออกมากล่าวถึงประเด็นนี้โดยระบุว่า เบื้องต้นในภาคการผลิตของบริษัทยังไม่พบข้อน่ากังวลในเรื่องนี้ แต่จากประเด็นดังกล่าวนั้น ทางบริษัทได้มีมาตรการในเชิงรุกเพื่อตรวจสอบไปยังบริษัทในฐานการผลิต
“เราเป็นบริษัทที่อยากมอบความสุขให้กับเด็กๆ และผู้ใหญ่ พวกเราไม่สามารถเมินเฉยต่อประเด็นที่ขัดกับมาตรฐานทางสังคมและจริยธรรมได้” แถลงการณ์
ฮาริโบ้ให้คำมั่นว่าจะมีการตรวจสอบบริษัทในฐานการผลิตทั้งหมด ด้านทางการเมืองBonn ออกมาระบุถึงวีดีโอฟาร์มหมูที่ปรากฎในสารคดีเรื่องนี้ว่า ตอนนี้พวกเขายังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นฟาร์มชื่ออะไร จึงอยากขอรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมจากทีมงานสารคดีชิ้นนี้ ซึ่งพวกเขายืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้อย่างแน่นอน
ขอบคุณภาพประกอบจาก
สารคดี Der Haribo Check ARD Der Markencheck และ DW.com