- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- วิวสวย ป่าสมบูรณ์! ‘อิศรา’ลงพื้นที่ บ้านทับแขก จ.กระบี่ ออกโฉนดบนเขา 51 แปลง
วิวสวย ป่าสมบูรณ์! ‘อิศรา’ลงพื้นที่ บ้านทับแขก จ.กระบี่ ออกโฉนดบนเขา 51 แปลง
ทีมข่าวพิเศษ ‘อิศรา’ลงพื้นที่ บ้านทับแขก หมู่ 3 จ.กระบี่ฟังคำบอกเล่าชาวบ้านผู้ร้องเรียนกลุ่มทุนร่วม จนท. ออกโฉนดเจ้าปัญหาบนเขา จ.กระบี่ 51 แปลง 200 ไร่ มูลค่าสูง สวยติดทะเล ต้นไม้อุดมสมบูรณ์
การออกโฉนดที่ดินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ จำนวน 51 แปลง ในจำนวนนี้เป็นการออกโฉนดในพื้นที่ หมู่ที่ 3 ต.หนองทะเล โดยถูกร้องรียนว่าทับซ้อนกับที่ดินของชาวบ้านจำนวน 6 แปลง
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำข้อมูลที่เกี่ยวข้องมารายงานแล้ว ได้แก่ 1.รายงานการส่งสำนวนการสอบสวนของดีเอสไอ ลงนามโดย พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้แก่ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2552 ระบุว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่อาจจะเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ จำนวน 5 คน และ 2.หนังสือของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ฉบับวันที่ 26 พ.ย. 2551 ลงนามโดย พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย ถึงอธิบดีกรมที่ดิน ขอให้ ดำเนินการเพิกถอนโฉนด จำนวน 33 แปลง ที่น่าจะออกโดยมิชอบ
คราวนี้ทีมข่าวพิเศษ สำนักข่าวอิศรพาไปสนทนากับ นางแสงระวี บงกชมาศ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 ถนนมหาราชซอย 10 ต.ปากน้ำ อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ ผู้ร้องเรียน ที่บ้าน อ.เมือง จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2560 พาไปดูสภาพพื้นที่จริง ซึ่งต้องเดินเท้าจากหน่วยพิทักษ์อุทยานป่าอ่าวนาง-หางนาค เป็นระยะประมาณ 1 กิโลเมตร ข้ามลำห้วยในพื้นที่อุทยาน เมื่อเดินผ่านพื้นที่อุทยานก็พบกับทางลำธารขนาดกลาง น้ำไหลผ่านโขดหินลงสู่ทะเล เมื่อข้ามลำธารได้ประมาณ 100 เมตร ก็พบแนวเขตกั้นระหว่างพื้นที่อุทยานแห่งชาติ และ ที่ดินป่าไม้ เจ้าหน้าที่ หน่วยพิทักษ์อุทยานแจ้งว่า ที่ดินติดริมทะเล เป็นพื้นที่ป่าไม้ เนื่องจากถูกกันออกจากแนวเขตอุทยาน ซึ่งมีพื้นที่ทั้งหมด หลายร้อยไร่ เมื่อเดินเท้าลัดเลาะไปตามพุ่มไม้ที่ยังคงเป็นป่าดิบ ได้พบกับถนนลำลอง ที่เคยใช้เครื่องจักรหนักปรับแต่ง ปัจจุบันมีสภาพเป็นร่องน้ำบ้างและเป็นดินลูกรังมีต้นไม้ขนาดเล็กเริ่มขึ้น
“ถนนนี้แบ่งกันระหว่างที่ดินป่าไม้ และ ที่ดินที่มีการออกเอกสารสิทธิ์เป็นฉโนดที่ดินแล้ว ซึ่งดูสภาพแล้วอย่างที่เห็นซึ่งปาล์มที่ปรากฏบ้างก็เป็นปาล์มที่นำมาปลูกวันที่ออกเอกสารสิทธิ์” นางแสงระวี กล่าวและว่า ที่ดินบริเวณนี้เป็นที่ดินที่คุณพ่อนายวิศาล บงกชมาศ อายุ 87 ปี ซึ่งอดีตเคยเป็นครูประชาบาล เดิมเป็นคนราชบุรี ปี 2496 สอบบรรจุเป็นครูที่โรงเรียนคลองม่วง ห่างจากพื้นที่บริเวณนี้ ประมาณ 5 กิโลเมตร ขณะที่เป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียนคลองม่วง ชาวบ้านก็แนะนำให้ไปสับสร้างถางป่าปลูกมะม่วงหิมพานต์ และสะตอ และยางพารา
“คุณพ่อดีใจที่มีที่ดินใกล้ทะเล เนื่องจากราชบุรีถิ่นเกิดไม่มีทะเล ในเวลาต่อมาเกิดขนวนการเดินสำรวจออกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน โดยศูนย์เดินสำรวจออกโฉนดที่ดินจังหวัดกระบี่-พังงา-ภูเก็ต ซึ่งตั้งอยู่ที่ จังหวัดกระบี่ เริ่มมีขนวนการเข้ามาแย้งสิทธิ์ ซึ่งเดิมที่ดินบริเวณนี้มี ชาวบ้านรวมทั้งพ่อครอบครองเพียง 5 ราย คุณพ่อ ครอบครองพื้นที่ติดริมทะเลมากกว่า คนอื่น พื้นที่ติดริมทะเลยาวประมาณ 350 เมตร อีก 4 ราย ๆละประมาณ 200 เมตร ซึ่งพ่อเป็นผู้ที่ชวนลูกศิษย์และกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในสมัยนั้น ครอบครอง”
แต่ขณะเดินสำรวจออกเอกสารสิทธิ์อยู่นั้น ผู้ใหญ่บ้านถูกดำเนินคดีและมีนายตำรวจคนหนึ่งเป็นคนวิ่งเต้นคดีให้ผู้ใหญ่บ้านซึ่งผู้ใหญ่บ้านก็ยกที่ดินบริเวณนั้นเป็นค่าตอบแทนที่ทำให้ตัวเองพ้นผิด ส่วนกำนันก็ยกที่ดินให้กับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในสมัยนั้น และขบวนการรุกที่ดินพ่อก็เกิดขึ้นในขณะนั้นโดยมีกลุ่มตัวแทนจากนายทุนและนักการเมืองใหญ่ที่สามารถสั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่ดินเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่กรมอุทยาน และเจ้าหน้าที่อื่นๆที่เกี่ยวข้องในการเดินสำรวจออกเอกสารสิทธิ์ ซึ่งที่ดินของคุณพ่อก็ถูกกลุ่มที่จะต้องเรียกว่าเป็นผู้มีอิทธิพลเข้ามาบุกรุกครอบครองตนจึงแสดงตัวเป็นเจ้าของและ ต่อต้านเลยถูกจับกุม และ เจ้าหน้าที่ก็นำที่ดินของตน ออกเอกสารสิทธิ์ให้กับกลุ่มที่เข้ามาครอบครองซึ่งมีทั้งทุน ตัวแทนทุน ตัวแทนนักการเมือง นายหน้าที่วิ่งเต้นออกเอกสารสิทธิ์ ตัวแทนของเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในศูนย์เดินสำรวจออกเอกสารสิทธิ์ และมีทั้งเจ้าหน้าที่อุทยาน และ ภรรยาเจ้าหน้าที่ออกเอกสารสิทธิ์
นางแสงระวี กล่าวต่อว่า เมื่อถูกดำเนินคดีตนรับสารภาพ ว่าครอบครองที่ดินทั้งหมด 75 ไร่ แต่ เจ้าหน้าที่ลงในบันทึกว่าครอบครองเพียง 5 ไร่ ศาลจึงพิพากษา จำคุกและให้รอลงอาญา 2 ปี และให้ปรับ แต่ในเวลาต่อมาที่ดินบริเวณดั่งกล่าวบุคคลอื่นนำไปออกเอกสารสิทธิ์เต็มที่แปลง ตนจึงเดินหน้าร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษในปี 2548 และ เวลาต่อมาเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษก็ลงมาสอบสวน และทราบว่า ได้ส่งสำนวน จำนวนเอกสาร2,852 แผ่น จำนวน 6 แฟ้ม ความหนา ลงนามโดย พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ส่งไปยังเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ขณะเดี่ยวกัน ก็มีหนังสื่อ ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2551 ถึงอธิบดีกรมที่ดิน พร้อมทั้งสำเนาภาพถ่าย 33 ฉบับ เพื่อให้กรมที่ดินพิจารณาดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินตามมาตรา 61 แห่ง ประมวลกฎหมายที่ดิน
“จะดำเนินการติดตามเรื่องนี้ต่อไป ซึ่งทราบคราวๆแล้วว่า สำนวนที่ส่งไปยัง ป.ป.ช.โดย ดีเอสไอ อนุ กรรมการ ป.ป.ช.สอบสวนแล้ว ปล่อยให้อายุความขาดบ้างส่วน และบ้างส่งไปให้ อัยการสูงสุดดำเนินคดี ซึ่งจะติดตามให้ทราบว่า สำนวนที่อยู่ที่อัยการสูงสุดอยู่ที่ส่วนใดของอัยการและจะสั่งฟ้องใครบ้าง และเอาผิดกับผู้ที่ทำให้อายุความขาดด้วย เพื่อเป็นกรณีศึกษาและเพื่อรักษาแผ่นดินไทยที่เป็นทรัพย์สินสาธารณะเอาไว้ต่อไป”
ที่ดินที่มีการออกเอกสิทธิ์ทับป่าพื้นที่กว่า 200 ไร่ อยู่บนแหลมที่มีทัศนยภาพมองเห็นเกาะสวยงามตามธรรมชาติ ปัจจุบันนายหน้าเสนอขายราคาไร่ละ 25-30 ล้านบาท มูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 ก.ค.2560 พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีฯ ได้ทำหนังสือแจ้งมายังนางแสงระวี บงกชมาศ ผู้ขอทราบผลการดำเนินการของดีเอสไอว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษในการประชุมครั้งที่ 4/2550 เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2550 ได้รับเป็นเลขคดีพิเศษที่ 71/2550 ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการสอบสวนคดีเสร็จสิ้นแล้ว โดยพิจารณาเห็นว่าเป็นกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังสำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อพิจารณาไต่สวนแล้วเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2552 และ มีหนังสือแจ้งไปยังอธิบดีกรมที่ดิน เพื่อให้พิจารณาดำเนินการตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน (ดูเอกสารประกอบ)
กรณีนี้ต้องติดตามกันต่อไป
อ่านประกอบ:
เปิดผลสอบดีเอสไอมัดโฉนด 31 แปลง จ.กระบี่ อยู่บนเขา- ซี 7 กับพวก 5 คนส่อทุจริต
ฮุบที่ดินริมหาด จ.กระบี่ ออกโฉนด 200 ไร่ 1,000 ล. ร้องคดีไม่คืบ - 5 จนท.เอี่ยว