- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- รู้หรือไม่? อดีต ส.ส.เชียงใหม่ นักการเมืองรายที่ 6 ‘ติดคุกจริง’ คดีบัญชีทรัพย์สิน
รู้หรือไม่? อดีต ส.ส.เชียงใหม่ นักการเมืองรายที่ 6 ‘ติดคุกจริง’ คดีบัญชีทรัพย์สิน
พลิกคดีบัญชีทรัพย์สินในศาลฎีกาฯ ‘เกษม นิมมลรัตน์’ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ ที่ปรึกษานายก อบจ. เป็นนักการเมืองรายแรก ‘ติดคุกจริง’ ในความผิด ‘จงใจยื่นเท็จ’ ควบรวยผิดปกติ ขณะที่ 5 รายก่อนหน้า ‘จงใจไม่ยื่น’ เบ็ดเสร็จ 2 ประเภท 6 ราย
กรณีนายเกษม นิมมลรัตน์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย และที่ปรึกษาอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ (อบจ.เชียงใหม่) ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษา จำคุก 12 เดือนในคดีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จ และยึดทรัพย์จำนวน 168 ล้านบาทคดีร่ำรวยผิดปกติเมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2560 ตามข่าวที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม หากย้อนเวลาตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมาจนถึง 16 มี.ค.2560 นายเกษมนับเป็นนักการเมืองคนแรกที่ถูกจำคุกจริง ในคดีประเภทซุกทรัพย์สินหรือยื่นเท็จ (คนละกรณีกับการไม่ยื่นบัญชีรายการทรัพย์สิน-ซุกบัญชีฯ)
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า มีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาให้มีความผิดในคดีจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และยื่นบัญชีฯ เป็นเท็จกว่า 300 คดี ในจำนวนนี้ 5 คน ศาลพิพากษาให้จำคุก โดยไม่รอการลงโทษ
1. นายอภินันท์ ตันมา นายกเทศมนตรีตำบลแม่คำมี อ.เมือง จ.แพร่ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯกรณีเข้ารับตําแหน่ง ครั้งที่ 1 กรณีพ้นจากตําแหน่ง กรณีพ้นจากตําแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี และกรณีเข้ารับตําแหน่ง ครั้งที่ 2 รวม 4 กรณี ศาลฎีกาฯมีคำพิพากษาจำคุก กระทงละ 2 เดือน ปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 4 กระทง เป็นจำคุก 8 เดือน ปรับ 32,000 บาท ไม่สมควรรอการลงโทษ (คดีหมายเลขแดงที่ อม.14/2558- 2 เม.ย. 2558)
2. นายอิทธิพล สามบุญศรี ที่ปรึกษา นายกเทศมนตรีตำบลสามง่าม อ.ดอนตูม จ.นครปฐม จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ กรณีเข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษานายกเทศมนตรีตำบลสามง่าม ศาลฎีกาพิพากษาห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือในตำแหน่งใดใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับจากวันที่ 11 มิ.ย. 2558 ลงโทษจำคุก 2 เดือน ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 เดือน (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 57/2558-2 ก.ย. 2558)
3.นายราเชนทร์ โฉมจิตร์ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านหีบ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ กรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 32 และ 33 ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือในตำแหน่งใดใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 11 พ.ย.55 อันเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 การกระทำของผู้คัดค้านเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 จำคุกกระทงละ 2 เดือน บาท รวม 3 กระทง เป็นจำคุก 6 เดือน
ผู้คัดค้านให้การรับการสารภาพ มีประโยชน์ในการพิจารณาคดี มีเหตุให้บรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน (คดีหมายเลขแดงที่ อม.68/2558 -22 ก.ย. 2558)
ทั้งนี้ นายราเชนทร์ ถูกจำคุกมีกำหนด 16 ปี 6 เดือน ในคดีความผิดต่อชีวิต พยายาม และ พ.ร.บ.อาวุธปืน ตามคำพิพากษาคดีถึงที่สุดคดีหมายเลขดำที่ 805/1551 หมายเลขแดงที่ 1652/2552 ของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
4.นายอติคม ธนบัตร รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง (อบจ.ระนอง) จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ภายในระยะเวลากำหนด กรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายก อบจ.ระนอง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 32 และ 33 ศาลวินิจฉัยด้วยเสียงเอกฉันท์ว่า
(1.) ให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งนับจากวันที่ 14 ธ.ค. 2558 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาฯ วินิจฉัย
(2.) ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือในตำแหน่งใดใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ 14 ธ.ค. 2558 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคหนึ่ง
(3.) มีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 องค์คณะผู้พิพากษามีมติเสียงข้างมากให้ จำคุก 2 เดือน ไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษ (คดีหมายเลขแดงที่ อม.88/2558-14 ธ.ค. 2558)
5.นางเยาวเรศ บัวศรี รองนายกเทศมนตรีตำบลกู่แก้ว อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ภายในระยะเวลากำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว 1 ปี ในการดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรี ต.กู่แก้ว อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือในตำแหน่งใดใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ 10 พ.ค. 2555 ซึ่งเป็นที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 การกระทำของผู้คัดค้านเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ลงโทษจำคุกกระทงละ 2 เดือน รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ มีประโยชน์ในการพิจารณาคดี มีเหตุให้บรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 คงจำคุก 2 เดือน (คดีหมายเลขแดงที่ อม 131/2559- 8 ก.พ. 2560) นางเยาวเรศ เคยตกเป็นจำเลยคดีอาญาหมายเลขแดง ที่ 1741/2559 ของศาลจังหวัดอุดรธานี อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกเป็นเวลา 20 ปี ตามคำพิพากษาถึงที่สุดอยู่ที่เรือนจำกลางอุดรธานี ( นางเยาวเรศ เคยเป็นสมาชิกสภา อบจ.อุดรธานี มีประวัติเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงเงิน 60 ล้าน)
ก่อนหน้านี้มี นายจิรโรจน์ บวรฐิติไพศาล นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สังคม อ.สังคม จ.หนองคาย จงใจยื่นบัญชีแสดงรายทรัพย์สินพร้อมเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ (จงใจไม่แสดงรายการหนี้สิน 300,000 บาท) กรณีเข้ารับตำแหน่งนายก อบต.สังคม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ลงโทษจำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม 28/2559-17 พ.ค. 2559)
เห็นได้ว่า 5 คนข้างต้น ได้แก่ นายอภินันท์ ตันมา ,นายอิทธิพล สามบุญศรี ,นายราเชนทร์ โฉมจิตร์ ,นายอติคม ธนบัตร และนางเยาวเรศ บัวศรี มีความผิดกรณีจงใจไม่ยื่นบัญชีฯ (ซุกบัญชีฯ) ส่วน นายจิรโรจน์ บวรฐิติไพศาล จงใจไม่แสดงรายการหนี้สิน 300,000 บาท (ซุกหนี้สิน) แต่รอการลงโทษจำคุก
กรณีนายเกษม จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จ (ซุกทรัพย์สิน) และคดีร่ำรวยผิดปกติ จึงเป็นนักการเมือง คนแรกที่ถูก ‘จำคุกจริง’ ในความผิดประเภทยื่นบัญชีฯเท็จ และคดีร่ำรวยผิดปกติ หรือโดน 2 เด้ง
อ่านประกอบ:
คำพิพากษาล่าสุด 14 นักการเมือง 12 จว. ซุกบัญชีฯ พ้นเก้าอี้ทันที 2 คน
ติดคุกจริง 1 คนอยู่ จ.อุดรฯ! ศาลฎีกาฯ ฟัน 14 นักการเมืองจงใจซุกบัญชีฯ
ศาลฎีกาฯสั่ง‘ปรับ-จำคุก’ 9 นักการเมือง 6 จังหวัด จงใจซุกบัญชีฯ รอลงโทษรวด
ศาลฎีกาฯฟันอีก 9 คน! นักการเมืองท้องถิ่นจงใจซุกบัญชีฯ ‘ปรับ-จำคุก-รอลงโทษ’
คำพิพากษาศาลฎีกาฯ 14 นักการเมืองท้องถิ่น 9 จังหวัด ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
ซุกหนี้ 21.7 ล.!ศาลฎีกาฯฟันอดีต ส.ส.บุรีรัมย์ -ผู้ช่วย รมต.ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน