- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- ขมวดเส้นทางเงินหมื่นล.! คดีสหกรณ์คลองจั่นก่อนศาลสั่งคุก 16 ปี‘ศุภชัย’
ขมวดเส้นทางเงินหมื่นล.! คดีสหกรณ์คลองจั่นก่อนศาลสั่งคุก 16 ปี‘ศุภชัย’
“…ทั้งหมดคือเส้นทางการเงินของนายศุภชัย ที่ปรากฏหลักฐานโอนให้กับเครือข่ายกลุ่มต่าง ๆ มีทั้งการนำไปลงทุนต่อ โดยอ้างว่าจะมีรายได้ดี หรือแม้แต่โอนให้กับนักธุรกิจใกล้ชิดกลุ่มการเมือง ซึ่งอาจจะหวังผลประการใดประการหนึ่งก็ตาม แต่ขณะนี้นายศุภชัยได้ออกมายอมรับสารภาพในเรื่องการยักยอกเงินสหกรณ์ฯแล้ว แม้จะเป็นแค่เงินก้อนแรก ๆ เพียง 22 ล้านบาทก็ตาม…”
ชื่อของ ‘ศุภชัย ศรีศุภอักษร’ อดีตประธานกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ได้รับความสนใจจากสาธารณชนอีกครั้ง!
ภายหลังศาลอาญาพิพากษาจำคุก 32 ปี ฐานเบียดบังสั่งการให้เจ้าหน้าที่การเงินทำการเบิกจ่ายเงินสดของสหกรณ์ฯหลายครั้งเป็นเงินจำนวน 22,132,000 บาท เข้าบัญชีของนายศุภชัย หรือบุคคลที่ 3 โดยทุจริต เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของผู้เสียหาย
อย่างไรก็ดีนายศุภชัย ได้ ‘กลับคำ’ ในชั้นพนักงานสอบสวนที่ให้การปฏิเสธมาตลอด เปลี่ยนมารับสารภาพ ทำให้เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงเหลือโทษจำคุก 16 ปี และไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ
ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ? สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ขมวดเรื่องราวให้สาธารณชนเห็นภาพ ดังนี้
กรณีนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบพบว่า นายศุภชัย กับพวก ร่วมกันนำเงินที่สมาชิกหรือลูกค้านำมาฝากสหกรณ์ฯไปเป็นของตนกับพวก โดยไม่นำส่งมอบแก่สหกรณ์ รวมทั้งจัดทำเอกสารทางการเงินขึ้นมาว่าเป็นเงินทดรองจ่าย ซึ่งไม่มีระเบียบและกฎหมายกำหนดไว้ ทำให้เกิดความเสียหายกว่า 1.9 พันล้านบาท รวมถึงนำเช็คจากธนาคารต่าง ๆ ซึ่งเป็นของสหกรณ์ฯไปเบิกเงินจากธนาคารและนำเงินดังกล่าวไปเป็นของตนเองกับพวก ทำให้เกิดความเสียหายกว่า 1 หมื่นล้านบาท
รวมถึงยังร่วมกันกระทำการมิชอบหรือทุจริตในการอนุมัติสินเชื่อของสหกรณ์ให้กับบริษัทต่าง ๆ กู้เงินโดยไม่มีหลักประกันและดำเนินการปกปิดและจัดทำเอกสารเท็จ โดยบริษัทที่ปรากฏชื่อในสัญญากู้ยืมเงินแจ้งว่า ไม่เคยกู้ยืมเงินของสหกรณ์
ปปง. จึงดำเนินการอายัดทรัพย์สินบางส่วนไว้ตรวสอบทันที
อย่างไรก็ดีในเส้นทางการเงินของเรื่องนี้ จากการตรวจสอบของสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org แบ่งออกเป็นหลายกลุ่มด้วยกัน
กลุ่มแรก เครือข่าย ‘วัดพระธรรมกาย’ โดยปรากฏหลักฐานว่า นายศุภชัยลงนามสั่งจ่ายเช็คให้พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ชื่อเดิมหลวงพ่อธมมชโย ปัจจุบันคือพระเทพญาณมหามุนี) และวัดพระธรรมกาย โดยตรง 4 ใบ รวม 316,780,000 บาท
ทั้งนี้มีข้อมูลจาก ปปง. ระบุด้วยว่า เงินของสหกรณ์อีกส่วนหนึ่งที่ถูกยักยอกไปนั้น พบว่า มีการโอนเงินบริจาคเข้าบัญชีโดยตรงของพระธัมมชโยกว่า 800 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมที่ดินใน จ.กาญจนบุรี โดยมีผู้รับบริจาคอย่างน้อย 3 ส่วน คือ วัดพระธรรมกาย พระธมมชโย และพระปลัดคนที่ใกล้ชิดกับพระธัมมชโย
แต่ทาง ปปง. ไม่สามารถอายัดทรัพย์ได้ เนื่องจากติดเงื่อนไขกฎหมายที่ระบุว่า ห้ามยึดธรณีสงฆ์ เพราะถือเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดีกรณีนี้มีการตกลงยอมความ และวัดพระธรรมกายคืนเงินบางส่วนชดใช้กับสหกรณ์ฯไปแล้วด้วย
(อ่านประกอบ : โชว์เช็ค 11 ใบพันล.! “ศุภชัย”เซ็นจ่ายถึง“ธมมชโย-ธรรมกาย-เครือข่าย” )
กลุ่มสอง เช็คที่จ่าย ให้กับนายวัฒน์ชานนท์ นวอิสรารักษ์ สหกรณ์บริการชุมชนรัฐประชา-ธ.กรุงเทพ เพื่อซื้อเงินตราต่างประเทศ 3 ใบ 484,061,150 บาท
สำหรับ นายวัฒน์ชานนท์ หนึ่งในตัวละครสำคัญกรณียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เนื่องจากปรากฏรายชื่อเป็นผู้รับเช็คต่อจากนายศุภชัย
นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับนายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา หรือ ‘เดอะบิ๊ก’ นักธุรกิจพันล้าน ที่ขณะนี้ถูกตำรวจดำเนินคดีในข้อหาพัวพันการทุจริตเงินโครงการสวัสดิการเงินกู้กองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) กว่า 3 พันล้านบาทด้วย
โดย ‘เดอะบิ๊ก’ ทำสัญญากับนายวัฒน์ชานนท์ ในการฝากเงินมูลค่า 400 ล้านบาท ที่ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาสวนพลู เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง 30 วัน เพื่อที่จะได้ใช้อ้างอิงทำธุรกรรมการเงินกับธนาคาร และจ่ายค่าตอบแทนเป็นเงิน 20 ล้านบาท
จากการตรวจสอบยังพบว่า นายสัมฤทธิ์ ยังปรากฏชื่อเป็นลูกหนี้เงินกู้ของนายวัฒน์ชานนท์ จำนวนเงินหลายสิบล้านบาท โดยเงินกู้จำนวนหนึ่งเป็นผลมาจากการทำธุรกิจในการนำเงินจำนวน 400 ล้านบาท ของ นายวัฒน์ชานนท์ มาใส่ไว้ในบัญชีของนายสัมฤทธิ์ เพื่อทำเรื่องกู้ยืมเงินจากธนาคารดังกล่าว
รวมถึงยังปรากฏข้อมูลว่า นายสัมฤทธิ์ เป็นหนึ่งในผู้รับเช็คจากนายศุภชัย มูลค่าประมาณ 20 ล้านบาทด้วย โดยนายสัมฤทธิ์ เคยให้สัมภาษณ์กรณีนี้ว่า รู้จักกับนายศุภชัยจริง และเคยได้รับเช็คแต่ไม่ถึง 20 ล้านบาท
ขณะเดียวกันนายวัฒน์ชานนท์ และนายจิรเดช วรเพียรกุล อดีตผู้ช่วย รมว.พาณิชย์ (สมัยนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เป็น รมว.พาณิชย์) ยังเป็นคนชักชวนให้สหกรณ์ต่าง ๆ นำเงินมาฝากกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น โดยปรากฏข้อเท็จจริงว่า ทั้งสองรายได้ค่าคอมมิชชั่นจากการยักยอกเงินของนายศุภชัย ด้วยวงเงินไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท
โดยพฤติการณ์ของทั้งคู่คือการต่อรองกับสหกรณ์ต่าง ๆ ว่านำเงินมาฝากไว้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นจะได้รับดอกเบี้ยพิเศษ จึงมีสหกรณ์ต่าง ๆ นำเงินมาฝากไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พบว่า มีการทยอยจ่ายเงินค่าคอมมิสชั่นให้ทั้งคู่ ครั้งละประมาณ 20-30 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2551-2554 รวมวงเงินกว่า 500 ล้านบาท และเงินดังกล่าวมีการนำไปลงทุนหมดแล้ว
นอกจากนี้ยังปรากฏข้อเท็จจริงอีกว่า นายวัฒน์ชานนท์ ได้โอนเงินให้กับนายจิรเดช เป็นจำนวนเงินกว่า 308 ล้านบาท
(อ่านประกอบ : เบื้องหลัง! ปปง.-ดีเอสไอ กินแห้ว บุกค้นบ.เสี่ยนครปฐม มือรับเช็ค"ศุภชัย",ข้อตกลงลับเงินกู้400 ล.มัดสัมพันธ์ลึก"เดอะบิ๊ก"&เครือข่าย"ศุภชัย-ธรรมกาย")
กลุ่มสาม นายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล อดีตพระวัดธรรมกาย ปรากฏเป็นหนึ่งในรายชื่อผู้ได้รับเช็คจากนายศุภชัย ประมาณ 244 ล้านบาท รวมถึงได้รับการโอนหุ้นจากนายศุภชัยอีกประมาณ 1.1 พันล้านบาท ในบริษัท เอ.ดับบลิว.โฮลดิ้งกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด
ทั้งนี้นายสถาพร ได้นำเงิน 100 ล้านบาท ที่ได้รับจากนายศุภชัย ไปลงทุนทำธุรกิจในลาว กับหญิงสาวชาวลาวรายหนึ่ง ที่อ้างว่า รู้จักกับนายสถาพรเนื่องจากเคยชวนไปทำบุญที่วัดพระธรรมกาย แต่ธุรกิจดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จ
ทำให้เงินจำนวนนี้สูญหายไป และไม่สามารถติดตามทวงคืนมาได้แล้ว
(อ่านประกอบ :ข้อมูลใหม่ อดีตพระธรรมกาย ซุกตัวแฟลตทหาร โผล่ตั้งบ.ในลาว คนแห่เรียก"บอส", ข้อมูลลับปปง.! เส้นทางเงิน 100ล. อดีตพระธรรมกาย โผล่ลาว ตามคืนไม่ได้แล้ว? )
กลุ่มที่สี่ เป็นเงินที่นายศุภชัย กับพวก อนุมัติให้สหกรณ์ต่าง ๆ และบริษัทเอกชนกู้เงินไปประกอบธุรกิจต่อ แต่แล้วจากการตรวจสอบพบว่า เอกชนหลายแห่งไม่ได้มีการประกอบธุรกิจจริง บางแห่งมีการขาดทุน และมีการโอนเงินต่อไปอีกทอดหนึ่งด้วย โดยยอดค่าความเสียหายส่วนนี้สูงถึงหลักหมื่นล้านบาท
ทั้งหมดคือเส้นทางการเงินของนายศุภชัย ที่ปรากฏหลักฐานโอนให้กับเครือข่ายกลุ่มต่าง ๆ มีทั้งการนำไปลงทุนต่อ โดยอ้างว่าจะมีรายได้ดี หรือแม้แต่โอนให้กับนักธุรกิจใกล้ชิดกลุ่มการเมือง ซึ่งอาจจะหวังผลประการใดประการหนึ่งก็ตาม
แต่ขณะนี้นายศุภชัยได้ออกมายอมรับสารภาพในเรื่องการยักยอกเงินสหกรณ์ฯแล้ว แม้จะเป็นแค่เงินก้อนแรก ๆ เพียง 22 ล้านบาทก็ตาม (อีกสำนวนหนึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ รวมวงเงินกว่า 6 พันล้านบาท)
ส่วนคนอื่น ๆ ที่ถูกระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง ขณะนี้อยู่ไหนกันแล้ว และหากถึงชั้นการพิจารณาของศาล จะยอมรับแบบนายศุภชัยหรือไม่ ?
ต้องติดตามกันต่อไปอย่างใกล้ชิด !
อ่านประกอบ :
เบื้องหลัง! ปปง.ตีปี๊บอายัดเศษกระดาษ 6.6พันล."ศุภชัย-อดีตพระธรรมกาย"
เจาะคำสั่งอายัดทรัพย์ "ศุภชัย-พวก" 4.4พันล. เหลือ "ธรรมกาย" ตามคืนไม่ได้
8 ปี ได้คืนแน่ 4.8 พันล.! ส.คลองจั่นทำใจสูญหมื่นล. “ธรรมกาย”จ่ายแล้ว 600 ล.
หมายเหตุ : ภาพประกอบนายศุภชัยขณะเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวส่งเรือนจำจาก ASTVmanager