- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- สังหารหมู่ลูกเรือจีน 13 ศพในลำน้ำโขง ความซับซ้อนของอิทธิพลมืดเหนือ “สามเหลี่ยมทองคำ” (3)
สังหารหมู่ลูกเรือจีน 13 ศพในลำน้ำโขง ความซับซ้อนของอิทธิพลมืดเหนือ “สามเหลี่ยมทองคำ” (3)
หลังจาก ทหาร 9 นาย จากกองกำลังผาเมืองซึ่งเป็นชุดปฏิบัติการขึ้นไปบนเรือสินค้าจีน 2 ลำ ในเหตุการณ์เข้าตรวจค้นเรือในแม่น้ำโขงที่บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ รับทราบข้อกล่าวหาเบื้องต้นจากพนักงานสอบสวน นำทีมโดย พล.ต.อ.ภาณุพงษ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร.ว่า "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา" และ "ปิดบังซ้อนเร้นศพ" ทั้งหมดให้การปฏิเสธ ยอมรับว่าได้ยิงปืนในการปะทะแต่เป็นการยิงขึ้นฟ้า ก่อนจะขึ้นไปควบคุมสถานการณ์บนเรือ และพบศพชาย 1 คนถูกยิงเสียชีวิต พร้อมมีปืนอาร์ก้าตกอยู่ กับพบยาบ้าซุกซ่อนในเรือ 920,000 เม็ด
วันเดียวกันนั้นเอง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า การสืบสวนเบื้องต้นพบว่า มีพลเรือนร่วมก่อเหตุด้วย ซึ่งเป็นกลุ่มของนายหน่อคำ แต่จะเกี่ยวข้อง และสาเหตุการสังหารหมู่คืออะไร ต้องรอการสืบสวนสอบสวน
จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการแถลงความคืบหน้าในการดำเนินคดี รู้กันว่าคดีนี้เข้าสู่ขั้นตอนของพนักงานอัยการแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงจึงยังไม่ปรากฎต่อสาธารณะผ่านสื่อมวลชน มีเพียงการคาดเดาสันนิษฐานกันไปเท่านั้น
กระทบความสัมพันธ์ไทย-จีน
เหตุการณ์สังหารหมู่ลูกเรือจีนสัญชาติจีน ทำให้จีนเรียกเรือของประเทศตนเองทุกลำกลับไปที่ท่าเรือเชียงรุ้ง ตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม เป็นต้นมา ส่งผลกระทบทันทีต่อการค้าชายแดนสี่ประเทศที่ใช้แม่น้ำโขงตอนบนร่วมกันคือ จีนตอนใต้ พม่า ลาวและไทย โดยเฉพาะการค้าระหว่างเขตปกครองพิเศษสิบสองปันนากับจังหวัดเชียงราย มีมูลค่าการค้าขายของสองประเทศที่ท่าเรือเชียงแสนปีละประมาณกว่า 1 หมื่นล้านบาท ยังส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวลุ่มแม่น้ำโขงด้วย เนื่องจากเรือล12,000 ล้านบาท เนื่องจากมีเรือท่องเที่ยวขนาดใหญ่หลายลำของจีนเคยให้บริการนักท่องเที่ยว การยุติการเดินเรือในแม่น้ำโขงของจีนจึงทำให้การท่องเที่ยวทางเรือชะงักไปโดยปริยาย แม้ว่านักท่องเที่ยวจะหันไปใช้เส้นทางบก ถนนสาย R3A ซึ่งเชื่อมระหว่างลาวกับจีน ก็ถือว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบต่อการท่องเที่ยวในระดับหนึ่ง
“ถ้าไม่มีการจับกุมและดำเนินคดีผู้กระทำผิด จีนคงไม่ยอมให้มีการเดินเรือต่อในเร็วๆนี้ ก็เป็นการกดดันไทยทางหนึ่ง แต่เชื่อว่าอีกไม่นานจะมีการเดินเรือตามปกติ เพราะเรื่องการค้าขายเป็นเรื่องผลประโยชน์ของทุกประเทศแถบนี้ จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับความร่วมมือในการแก้ปัญหาร่วมกันทั้งไทย ลาว พม่า” แหล่งข่าวแสดงความคิดเห็น
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากตำรวจแจ้งข้อหากับทหารไทย 9 นาย จีนประกาศจะเดินเรือตามปกติในเดือนธันวาคม นี้
ปริศนาในคดี
แหล่งข่าวในพื้นที่ชายแดนจังหวัดเชียงราย ตั้งข้อสังเกตุว่าคดีนี้เป็นคดีที่รัฐบาลจีนให้ความสำคัญ ถึงขั้นติดต่อประสานงานมายังรัฐบาลไทย ส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมสังเกตุการณ์การดำเนินคดีอย่างใกล้ชิด โดยในส่วนของการพิสูจน์หลักฐานและการชันสูตรศพ จีนให้ความสำคัญมาก เนื่องจากวิธีการทางวิทยาศาสตร์สามารถระบุตัวผู้กระทำผิดได้ นอกเหนือไปจากตัวพยานบุคคล การเรียกทหารทั้ง 9 นายมารับทราบข้อกล่าวหาต้องมีหลักฐานมากพอในดำเนินคดี แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีการเปิดเผยว่าหลักฐานที่พบมีอะไรบ้าง ทำให้ทหารผู้ถูกกล่าวหาตกเป็นจำเลยของสังคม
“ เรื่องของวิถีกระสุน ปลอกกระสุน ตลอดจนผลการชันสูตรศพยังไม่เปิดเผย จึงไม่แน่ใจว่าทหารเข้าไปเกี่ยวข้อง เป็นผู้ลงมือยิงคนทั้งหมดได้อย่างไร”
แหล่งข่าวคนเดิมตั้งข้อสังเกตุว่า ขณะเกิดเหตุเวลาประมาณ 11 นาฬิกา ทหารชุดปฏิบัติการไม่น่าจะมีเวลาพอในการลงมือสังหารคนบนเรือได้ทั้ง 13 ศพ นอกจากนั้น สภาพศพของแต่ละศพ ถูกใส่กุญแจมือ หรือถูกมัด มีผ้าเทปคาดปิดตา มีร่องรอยการถูกทรมาณ น่าจะเป็นการบังคับให้บอกหรือให้ทำอะไรบางอย่าง การสังหารหมู่คนทั้งหมดจึงน่าจะเกิดขึ้นก่อนเข้าเขตน้ำไทยบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ
“ เรือสินค้าทั้งสองลำจะแล่นมาเองไม่ได้ถ้าไม่มีคนขับบังคับเรือ ก่อนเข้าเขตไทยเป็นไปได้ที่มีการฆ่ากันไปแล้ว แต่คนลงมือต้องบังคับเรือให้แล่นมาตามเส้นทาง ก่อนจะหลบหนีไปทางเรือซึ่งก็ต้องมีเรือขนาดเล็กของคนร้ายประกบมาด้วย ช่วงเวลานั้น จีนเปิดเขื่อนระบายน้ำทำให้น้ำในแม่น้ำโขงไหลเร็ว ถ้ามีการฆ่าและสิ้งศพตรงจุดที่ทหารขึ้นไปควบคุมเรือ ศพที่จมแล้วต้องลอยไปไกล แต่ทุกศพที่พบลอยขึ้นอืดอยู่ไม่ห่างจากที่เกิดเหตุ ทุกคนจึงน่าจะถูกฆ่าก่อนจะถึงเขตไทยแล้ว อาจจะเป็นสิบกิโลเมตร”
นอกจากนี้ ยังมีการตั้งข้อสังเกตุว่ายาบ้าที่ยึดได้ผลิตโดยกลุ่มว้า เป็นที่รู้กันในวงการข่าวว่า “หน่อคำ”เคยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดด้วย กองกำลังติดอาวุของหน่อคำอาจจะนำยาบ้ามาขึ้นเรือสินค้าจีนในเขตอิทธิพลของหน่อคำ ซึ่งอยู่ห่างไปทางเหนือของสามเหลี่ยมทองคำ เขตประเทศไทยมาก
“ ปริศนาก็คือคนกลุ่มใดเป็นผู้ลำเลียงยาบ้ามาขึ้นเรือ และทำไมต้องเป็นเรือสินค้าที่จะมามาเทียบท่าที่ท่าเรือเชียงแสนฝั่งไทย ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันก็มีข่าวการจับกุมยาบ้าในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษคิงส์โรมัน ฝั่งลาว พวกขนยาบ้าเข้ามาก็คงจะรู้ว่าทั้งไทย ทั้งลาวกำลังจับตาเรื่องการลักลอบขนยาบ้า ทำไมจึงไม่รอโอกาสที่เจ้าหน้าที่ไม่เข้มงวดตรวจค้น ครั้งนี้เหมือนมีการจงใจให้มีการจับกุมยาบ้า”
ความซับซ้อนของอิทธิพลมืดเหนือ “สามเหลี่ยมทองคำ”
หลังจากทหารกองกำลังผาเมือง 9 นาย เข้ารับทราบข้อกล่าวหาของพนักงานสอบ ปฏิกริยาของรัฐบาลจีนเป็นไปในทางที่ดีขึ้น โดยสื่อต่างประเทศรายงานข่าวไปในทางเดียวกันว่า รัฐบาลจีนพอใจที่ไทยเร่งคลี่คลายคดีนี้จนถึงการแจ้งข้อกล่าวหา และคดีนี้ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ของจีนที่ส่งมาสังเกตุการณ์การดำเนินคดี ได้ประสานงานทางข้อมูลกับชุดคลี่คลายคดีนี้อย่างใกล้ชิด การแจ้งข้อกล่าวหาจึงเชื่อได้ว่าต้องมีหลักฐานมากพอที่จะมัดตัวได้เมื่อคดีขึ้นสู่ศาล
“ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มีผลต่อการค้าขายไทย-จีนแน่นอน ถ้าไม่มีหลักฐานชัดเจน หรือจับผิดตัวจีนคงไม่ยอม ที่ไม่เป็นข่าวออกมา เข้าใจว่าเรื่องหลักฐานต่างๆ ที่ได้มายังไม่สมบูรณ์ แต่ก็ต้องเปิดเผยออกมาจนได้เมื่อมีการดำเนินคดี ส่วนพยานหลักฐานจะหนักแน่นพอให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ก็ยังไม่ผ่านขั้นตอนนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆเป็นอย่างไร เวลานี้คงไม่มีใครอยากให้เป็นข่าว ”
“ ส่วนเรื่องยาบ้าที่มากับเรือก็รวมอยู่ในการสอบสวนด้วย เป็นเรื่องของกองกำลังติดอาวุธ การค้ายาเสพติด เรื่องของเจ้าหน้าที่ การขนยาบ้าจำนวนมากทำกันตามลำพังกลุ่มเล็กๆคงไม่ได้ ต้องทำกันเป็นขบวนการ หน่อคำที่ต้องสงสัยอาจจะเป็นแค่ตัวละครตัวหนึ่งในเรื่องนี้เท่านั้น กลุ่มผู้มีอิทธิพลด้านมืดเกี่ยวข้องกับการกระทำที่ผิดกฎหมาย ทั้งกองกำลังติดอาวุธ นายทุน กลุ่มได้รับผลประโยชน์ เชื่อมโยงกันทั้งสามประเทศ จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ต้องรอให้มีการพิจารณาคดีนี้ในศาล เวลานี้ก็ได้แต่สันนิษฐานกันไปเท่านั้น” แหล่งข่าวในพื้นที่แสดงความคิดเห็น
จากเหตุการณ์เรือสัญชาติจีน 2 ลำ ถูกค้นพบยาบ้าเกือบ 1 ล้านเม็ด มีการแถลงข่าวผลงานการจับกุมยึดยาบ้าครั้งใหญ่ การพบศพลูกเรือจีนถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมทารุณโยนศพทิ้งน้ำ เหตุการณ์พลิกผันกลายเป็นว่าทหารชุดปฏิบัติการถูกตั้งข้อหา “ฆ่าคนตายโดยเจตนา”และ “ปิดบังซ่อนเร้นศพ” ข่าวการสันนิษฐานว่าขบวนการค้ายาบ้าซึ่งมีกองกำลังติดอาวุธคือกลุ่ม “สลัดน้ำจืด”หน่อคำ โยงไปถึงการจับกุมยาบ้าก่อนหน้านี้ในเขตปกครองพิเศษคิงส์โรมัน ฝั่งลาว เป็นความสัมพันธ์ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำในช่วงระยะเวลาต่อเนื่องกัน ซึ่งตามข่าวที่ปรากฎออกมาทางสื่อมวลชนทั้งไทย ลาว พม่าและจีน มีข้อมูลหลักไม่แตกต่างกัน แต่การดำเนินคดีกับทหารไทย 9 นาย เชื่อมโยงไปถึงความสัมพันธ์ของเหคุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร คำตอบอาจอยู่ที่การพิจารณาในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งชุดคลี่คลายคดีต้องมีพยานหลักฐานแน่นหนา มีการสืบพยาน แสดงหลักฐานต่างๆที่น่าเชื่อถือ รวมถึงหลักฐานจากการพิสูจน์หลักฐานและผลการชันสูตรศพอันเป็นวิธีการทางวิทยาศาสตร์ เป็นการเปิดเผยความซับซ้อนของอิทธิพลมืดเหนือ “สามเหลี่ยมทองคำ ” มากกว่าการคลี่คลายคดีอาชญากรรมธรรมดา ซึ่งคงต้องใช้เวลามากพอสมควรกว่าจะมีการเปิดเผยต่อสาธารณะ
อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่งในทางกฎหมายไทย ในคดีอาญถือว่า “ผู้ต้องหา”ยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะพิพากษาว่าเป็นผู้กระทำความผิด การสู้คดีในกระบวนการยุติธรรมยังต้องใช้เวลานาน บทสรุปของการสังหารโหดลูกเรือจีน 13 ศพ อาจจะไม่เป็นไปตามการฟ้องร้องดำเนินคดีก็เป็นไปได้ นั่นหมายความว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงจะเป็นความลับต่อไป จะรู้กันก็เฉพาะผู้ก่อเหตุกับผู้เกี่ยวข้องเท่านั้น
ภาพ INTERNET