- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- ข้อมูลหุ้น"วีระกานต์"4.6 ล.ก่อนอ้างหมดเงินทำการเมือง-PEACE TVแจ้งรายได้ล่าสุด 707 บ.
ข้อมูลหุ้น"วีระกานต์"4.6 ล.ก่อนอ้างหมดเงินทำการเมือง-PEACE TVแจ้งรายได้ล่าสุด 707 บ.
"..เบื้องต้น การโอนหุ้นทั้งหมด ของนายวีระกานต์ ไปให้หลานชาย ยังไม่มีการยืนยันว่าเป็นผลพ่วงมาจากสถานการณ์ทางการเมือง ภายหลังการรัฐประหารยึดอำนาจ เมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 หรือไม่? และเงินปล่อยกู้จำนวน 20 กว่าล้านบาท ไปอยู่ที่ใครบ้าง? และท้ายที่สุด การโอนหุ้นบริษัทเอกชน 2 แห่งดังกล่าว นายวีระกานต์ ได้รับผลประโยชน์อะไรตอบแทนจากหลานชายบ้างหรือไม่ .."
" ที่บ้านผมเคยชินซะแล้ว ความลำบากใดๆก็ผ่านกันมามาก 10 ปีมานี้ ที่มาต่อสู้ ใช้เงินเก็บเพียงเล็กน้อย ใช้อย่างกระเบียดกระเสียจริงๆ สิ้นปีนี้ พูดได้ว่า สินปีก็เหมือนสิ้นใจ เงินไม่มีแล้ว ที่จะไปทำการเมือง"
นี่คือ คำยืนยันบางช่วงบางตอนจาก “วีระกานต์ มุสิกพงศ์” อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ที่กล่าวเปิดใจกับสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึง ชะตาชีวิต การเมือง และเรื่องนปช.เสื้อแดง!
(อ่านประกอบ : “วีระกานต์” เปิดใจ ชะตาชีวิต การเมือง และเรื่องนปช.เสื้อแดง!)
คำถามที่น่าสนใจ ต่อคำพูดประโยคนี้ คือ อดีตประธาน นปช. ประสบปัญหาเรื่องการเงินมากขนาดนั้น จริงๆ หรือ
หากยังจำกันได้ ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบข้อมูลว่า บริษัท พีทีวี ทีวีเพื่อประชาชน จำกัด และ บริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ จำกัด ธุรกิจสื่อของกลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งมีนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กับพวกถือหุ้นใหญ่ ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น 1 ราย โดย นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ ได้โอนหุ้นของตนเองไปให้ หลายชาย คือ นายพิระศักดิ์ มุสิกพงศ์ มีอาชีพเป็นทนายความ ถือครองแทน
โดยการหุ้น บริษัท พีทีวี ทีวีเพื่อประชาชน จำกัด มูลค่าประมาณ 1 ล้านบาท เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.56 ส่วนการโอนหุ้นบริษัท เพื่อนพ้อง น้องพี่ จำกัด มูลค่า 3,600,000 บาท เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.56 เช่นกัน
ทั้งนี้ บริษัท พีทีวี ทีวีเพื่อประชาชน จำกัด แจ้งงบการเงินปี 2556 รายได้ เพียง 2,305.06 บาท รายจ่าย 30,607.79 บาท ขาดทุนสุทธิ 28,309.73 บาท สินทรัพย์ 4,886,157.90 บาท หนี้สิน 4,020,000 บาท (เงินกู้ยืมระยะสั้นจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกัน 4 ล้านบาท)
ขณะที่ บริษัท เพื่อนพ้อง น้องพี่ จำกัด แจ้งงบการเงิน ปี 2556 รายได้ 2,459,700.48 บาท ค่าใช้จ่าย 8,768,369.78 บาท ขาดทุนสุทธิ 6,308,669.30 บาท สินทรัพย์ 26,277,005.68 บาท (เงินให้กู้ยืมระยะสั้นแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกัน 20,955,000 บาท ) หนี้สิน 290,864.88 บาท
(อ่านประกอบ:PTV ถ่ายหุ้นใหม่ หลานชาย“วีระกานต์”โผล่-ปล่อยกู้ 20.9 ล้าน)
เบื้องต้น การโอนหุ้นทั้งหมด ของนายวีระกานต์ ไปให้หลานชาย ยังไม่มีการยืนยันว่าเป็นผลพ่วงมาจากสถานการณ์ทางการเมือง ภายหลังการรัฐประหารยึดอำนาจ เมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 หรือไม่? และเงินปล่อยกู้จำนวน 20 กว่าล้านบาท ไปอยู่ที่ใครบ้าง?
และท้ายที่สุด การโอนหุ้นบริษัทเอกชน 2 แห่งดังกล่าว นายวีระกานต์ ได้รับผลประโยชน์อะไรตอบแทนจากหลานชายบ้างหรือไม่ โดยเฉพาะในรูปตัวเงินตอบแทน?
แต่ข้อมูลที่น่าสนใจอีกชุดหนึ่ง คือ ล่าสุด “Peace TV” ชื่อใหม่ของ “Asia Update-UDD TV" ซึ่งเป็นทีวีของคนเสื้อแดง อยู่ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด (ชื่อเดิมบริษัท รวยทันที จำกัด ) จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 29 พ.ย.56 ทุนปัจจุบัน 50 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 2539 อาคารอิมพีเรียล เวิลด์ ลาดพร้าว ชั้น 5 ห้อง AI-Z1 ,Z2 ซอยลาดพร้าว 81 ถนนลาดพร้าว แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบธุรกิจวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์
ปรากฎชื่อ นายชูเกียรติ สิงห์ทอง เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ นายอนันต์ศักดิ์ คำเก่า เป็นผู้ถือหุ้นใหม่
(อ่านประกอบ : โฉมหน้า 3 นายทุนใหญ่ PEACE TV “เสี่ยหมู”โผล่ โยง PTV )
แจ้งงบการเงินแสดงผลประกอบการธุรกิจ ล่าสุด ปี 2556 (เดือนเดียว) ระบุว่ามีรายได้รวม 707.11 บาท
มีต้นทุนขาย และ/หรือบริการ 1,100,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 3,288,219.55 บาท
ขาดทุนสุทธิ 4,387,512.44 บาท
ด้วยตัวเลขทางธุรกิจที่ออกมาแบบนี้ หากในช่วงต้นปี 57 เป็นต้นมา รายได้ยังไม่ดีขึ้น กลุ่มคนที่กำลังประสบปัญหาเรื่องเงิน ใช้จ่ายอย่างกระเบียดกระเสียนจริงๆ
อาจจะไม่ได้มีเพียงแค่ “วีระกานต์" เพียงคนเดียวเท่านั้น