- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- ฟังกันชัดๆ หลักการ-เหตุผล "สธ." ทำไมคนไทย ต้องโบกมือลา “ส้วมนั่งยองๆ”?
ฟังกันชัดๆ หลักการ-เหตุผล "สธ." ทำไมคนไทย ต้องโบกมือลา “ส้วมนั่งยองๆ”?

เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า คนไทย ถึงคราวที่จะต้องโบกมือลา “ส้วมแบบนั่งยอง” แล้วหันไปใช้ ส้วมแบบนั่งราบหรือแบบชักโครกแทน
หลังมติที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา ที่มีมติเห็นชอบแผนแม่บทพัฒนาส้วมสาธารณะไทยระยะที่ 3 (พ.ศ.2556-2559) ซึ่งมีสาระสำคัญอยู่ที่ การให้ ยกเลิกส้วมแบบนั่งยองและใช้ส้วมแบบนั่งราบหรือแบบชักโครกแทน ตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข
ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2556 ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกา กำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องสุขภัณฑ์เซรามิก : โถส้วมนั่งราบต้องเป็นไปตามมาตรฐานปี 2556
กำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องสุขภัณฑ์เซรามิก : โถส้วมนั่งราบต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เลขที่ มอก. 792 - 2554 ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 4380(พ.ศ. 2554) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511เรื่อง ยกเลิกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องสุขภัณฑ์วิเทรียสไชนา : โถส้วมนั่งราบ และกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องสุขภัณฑ์เซรามิก : โถส้วมนั่งราบ ลงวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
โดยกำหนดกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 120 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ชี้ให้เห็นว่า มาตรการเรื่องการใช้ส้วมของคนไทย ตามแผนแม่บทพัฒนาส้วมสาธารณะไทยระยะที่ 3 (พ.ศ.2556-2559) กำลังถูกสานต่อให้เป็นรูปธรรมจากหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาล
ทั้งนี้ เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง “สถานะ” และ “รูปแบบ” ของ ส้วมไทย ครั้งนี้
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้ทำการสืบค้นข้อมูลเอกสารประกอบการพิจารณาแผนแม่บทพัฒนาส้วมสาธารณะไทยระยะที่ 3 ที่กระทรวงสาธารณสุข นำเสนอต่อที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา พบข้อเท็จจริง ที่น่าสนใจหลายประการ ดังนี้
1. กระทรวงสาธารณสุข ได้ระบุความเป็นมาของเรื่องที่จะเสนอต่อที่ประชุม ครม. ว่า ส้วมเป็น ปัญหาพื้นฐานที่สำคัญทางด้านสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัยได้เริ่มดำเนินงานการมีและใช้ส้วมอย่างจริงจังตังแต่ปี 2503 ในรูปโครงการพัฒนาอนามัยท้องถิ่น
โดยมีจุดมุ่งหมายดำเนินการปรับปรุงสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมหมู่บ้านในชนบท เพื่อลดอัตราการป่วยและการตายของประชาชนในชนบท อันมีสาเหตุเนื่องจากโรคระบบทางเดินอาหารใช้กลวิธีมุ่งพัฒนาองค์กรของชุมชนให้สามารถเป็นฐานรองรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากเจ้าหน้าที่ของรัฐไปสู่ประชาชน
ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาปรากฏว่า ประชาชนมีความเข้าใจถึงอันตรายจากการปนเปื้อนของอุจจาระ และก่อให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เหมาะสมภายใต้ความร่วมมือของชุมชนและองค์กรส่วนท้องถิ่นเพื่อให้ชุมชนรับไปปฏิบัติได้จนถึงแผนพัฒนาสาธารณสุข ฉบับที่ 6 (2503-2534) กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดเป้าหมายที่สำคัญ คือ การดำเนินการเพื่อมุ่งเน้นให้ประชาชนมีสุขภาพดีถ้วนหน้า มีการตอบสนองความจำเป็นพื้นฐานของประชาชนให้ประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
จากความตระหนักและเล็งเห็นความสำคัญดังกล่าว ในปี 2532 กระทรวงสาธารณสุขได้ปรับเป้าหมายการดำเนินงานให้ประชาชนในประเทศไทยมีส้วมถูกหลักสุขาภิบาลครอบคลุมครัวเรือนจากร้อยละ 75 เป็นร้อยละ 90 กรมอนามัยในฐานะ ผู้รับผิดชอบจึงได้ทำโครงการรณรงค์สร้างส้วม 100 เปอร์เซ็นต์ขึ้น จนประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี
โดยการดำเนินงานจนถึงปี 2542 พบว่ามีส้วมถูกหลักสุขาภิบาลครอบคลุมครัวเรือนร้อยละ 98.1
2. กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้ทำการศึกษาสถานการณ์ส้วมสาธารณะในประเทศไทย ปี 2547 ปัญหาที่พบมาก คือ เรื่องความสกปรกและกลิ่นเหม็น รวมทั้งการทำความสะอาดไม่ดีพอ การชำรุดของถังเก็บกักสิ่งปฏิกูล ก่อให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการและชุมชนใกล้เคียง และอาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศ จึงได้ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายต่างๆ ที่มีความเห็นสอดคล้องกัน ขับเคลื่อนการพัฒนาส้วมสาธารณะไทยให้เกิดผล โดยจัดทำแผ่นแม่บทพัฒนาส้วมสาธารณะไทย ระยะที่ 1 (2549-2551) และแผนแม่บทพัฒนาส้วมสาธารณะไทยระยะที่ 2 (2552-2555)
- ผลการดำเนินการที่ผ่านมา
กระทรวงสาธารณสุข มีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานภายใต้แผนแม่บทพัฒนาส้วมสาธารณะไทย ระยะที่ 1 และระยะที่ 2 พบว่า จากการติดตามสถานการณ์การพัฒนาส้วมสาธารณะใน 12 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ 1. แหล่งท่องเที่ยว 2. ร้านจำหน่ายอาหาร 3. ตลาดสด 4. สถานีขนส่งทางบกและทางอากาศ 5. สถานีบริหารน้ำมันเชื้อเพลิง 6. สถานศึกษา 7. โรงพยาบาล 8 .สถานที่ราชการ 9. สวนสาธารณะ 10. ศาสนสถาน 11. ส้วมสาธารณะริมทาง และ 12. ห้างสรรพสินค้า/ศูนย์การค้า/ดิสเคานต์สโตร์
พบว่าในปี 2549/2554 มีส้วมสาธารณะผ่านเกณฑ์มาตรฐานส้วมสาธารณะ ระดับประเทศ ในภาพรวมปี 2549 ร้อยละ 9.08 ปี 2550 ร้อยละ 20.16 ปี 2551 ร้อยละ 30.85 ปี 2552 ร้อยละ 40.37 ปี 2553 ร้อยละ 49.50 และปี 2554 ร้อยละ 55.47 ตามลำดับ
- เหตุผลความจำเป็นที่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรี
กระทรวงสาธารณสุข ขอให้ข้อมูล เหตุผลความจำเป็นในการเสนอขอให้ ครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบแผนแม่บทพัฒนาส้วมสาธารณะไทย ระยะที่ 3 ดังนี้ คือ
1. การที่กระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้นำแผนแม่บทพัฒนาส้วมสาธารณะไทย ระยะที่ 1 และ 2 เสนอครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติเป็นนโยบายนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลให้การดำเนินงานพัฒนาส้วมสาธารณะไทย เมื่อสิ้นปี 2554 มีส้วมสาธารณะสะอาด เพียงพอ ปลอดภัย เพียงร้อยละ 55.47 ไม่บรรลุตามเป้าประสงค์ที่ตั้งไว้ที่ร้อยละ 60 ของกลุ่มเป้าหมาย
ทั้งนี้ เพราะการพัฒนาส้วมสาธารณะต้องใช้งบประมาณค่อนข้างมาก ที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องพัฒนาส้วมสาธารณะในกลุ่มเป้าหมายที่สามารถพัฒนาได้ง่าย และยินดีให้ความร่วมมือด้วยความสมัครใจ
ดังนั้น การพัฒนาส้วมสาธารณะช่วงแผนแม่บทพัฒนาส้วมสาธารณะไทย ระยะที่ 3 จึงเป็นต้องมีมาตรการที่เข้มข้นขึ้นเพื่อให้ภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือเพิ่มขึ้นเพื่อให้การพัฒนาส้วมสาธารณะไทยบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
2. จากสถานการณ์ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว ในขณะนี้จำนวนผู้สูงอายุไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 และจะเพิ่มเป็นร้อยละ 14 ในปี 2558 และคาดว่าประชากรผู้สูงอายุไทยจะเพิ่มเป็น ร้อยละ 20 ในปี 2568 หมายความว่าประเทศไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ในอีก 13 ปีข้างหน้า เพื่อเป็นการเตรียมการรับมือกับสังคมผู้สูงอายุ เพื่อให้ผู้สูงอายุมีชีวิตอย่างมีความสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในบั้นปลายชีวิต
กระทรวงสาธารณสุข จึงได้จัดทำแผนแม่บทพัฒนาส้วมสาธารณะไทย ระยะที่ 3 เพื่อกำหนดทิศทางการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ ที่ต้องให้ความสำคัญ ซึ่งพบว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะเจ็บป่วยด้วยโรคข้อเข่าเสื่อม จากการใช้ส้วมนั่งยองติดติดกันเป็นเวลานานหลายปี เนื่องจากพฤติกรรมการขับถ่ายของคนไทยส่วนใหญ่ ในปัจจุบันนิยมใช้ส้วมนั่งยอง จึงต้องลดปัจจัยเสี่ยงและชะลอการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อม โดยการรณรงค์และส่งเสริมให้มีและใช้ส้วมนั่งราบในครัวเรือนและที่สาธารณะ ที่จะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
3. เพื่อเป็นการรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 และเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวของประเทศจึงจำเป็นต้องให้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันให้บริการส้วมสาธารณะที่สะอาด เพียงพอ ปลอดภัย แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ
4. เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนดำเนินการอย่างเคร่งครัดและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ออกกฎกระทรวงกำหนดส้วมที่ต้องด้วยสุขลักษณะในร้านจำหน่ายอาหารและหรือเครื่องดื่ม และสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันเชื่อเพลิงหรือก๊าซสำหรับยานพาหนะ พ.ศ.2555 ให้มีผลบังคับใช้กับผู้ประกอบการดังกล่าวข้างต้นแล้ว และจะดำเนินการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการอื่นต่อไป
- สาระสำคัญ ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
1.วัตถุประสงค์
1.1 เพื่อพัฒนาส้วมครัวเรือนให้เหมาะสมในการรองรับต่อการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
1.2 เพื่อให้ประเทศไทยมีส้วมสาธารณะได้มาตรฐาน สะอาด เพียงพอปลอดภัย
1.3 เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนคนไทยมีพฤติกรรมการใช้ส้วมสาธารณะที่ถูกสุขลักษณะ
1.4 เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการจัดการสิ่งปฏิกูลอย่างถูกหลักสุขาภิบาล
2. เป้าหมายความสำเร็จ
2.1 ครัวเรือนไทยใช้ส้วมแบบ “ส้วมนั่งราบ” ร้อยละ 90 ภายในปี พ.ศ. 2559
2.2 สถานบริการสาธารณะ และสถานที่สาธารณะ มีบริการ “ส้วมนั่งราบ” อย่างน้อย 1 ที่ร้อยละ 100 ของกลุ่มเป้าหมายภายในปี 2559
2.3 ประเทศไทยมีส้วมสาธารณะที่สะอาด เพียงพอ ปลอดภัย ร้อยละ 90 ของกลุ่มเป้าหมายในปี 2559
2.4 คนไทยมีพฤติกรรมการใช้ส้วมสาธารณะถูกสุขลักษณะ ร้อยละ 90 ของผู้ใช้บริการในปี 2559
2.5 องค์กรปกครองส่วนทิ้งถิ่นมีการจัดการสิ่งปฏิกูลอย่างถูกหลักสุขาภิบาล ร้อยละ 50 ภายในปี พ.ศ. 2559
3. กลุ่มเป้าหมาย
3.1 ส้วมครัวเรือน
3.2 ส้วมสาธารณะในสถานบริการสาธารณะ และสถานที่สาธารณะ 12 ประเทศ ได้แก่ 1. แหล่งท่องเที่ยว2. ร้านจำหน่ายอาหาร 3. ตลาดสด 4. สถานีขนส่งทางบกและทางอากาศ 5. สถานีบริหารน้ำมันเชื้อเพลิง 6. สถานศึกษา 7. โรงพยาบาล 8 .สถานที่ราชการ 9. สวนสาธารณะ 10. ศาสนสถาน 11. ส้วมสาธารณะริมทาง และ 12. ห้างสรรพสินค้า/ศูนย์การค้า/ดิสเคานต์สโตร์
4. การดำเนินงานตามแผนแม่บทพัฒนาส้วมสาธารณะไทยระยะที่ 3 (2556-2559)จะสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม มีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลได้ จำเป็นต้องมีกระบวนการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกระดับทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค รวมถึงภาคเอกชนหรือเจ้าของสถานประกอบการในการดำเนินงานภายใต้แผนแม่บทพัฒนาส้วมสาธารณะไทย ระยะที่ 3 มีการขับเคลื่อนโดยคณะกรรมการส้วมสาธารณะไทย ซึ่งมีหน้าที่กำหนดนโยบายในการพัฒนาส้วมสาธารณะไทย ตลอดจนผลักดันและให้การสนับสนุนแต่ละภาคส่วนให้มีการจัดทำเป็นแผนปฏิบัติการที่สอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุได้รับบริการที่มีมาตรฐาน ถูกสุขลักษณะ และสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข โดยจะมีการจัดกิจกรรมรณรงค์และดำเนินงานตามโครงการสำคัญๆ
-ข้อเสนอของส่วนราชการ
กระทรวงสาธารณสุข เสนอครม. พิจารณาดังนี้
1. เห็นชอบแผนแม่บทพัฒนาส้วมสาธารณะไทยระยะที่ 3 (2556-2559)
2. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนแม่บทฯ ดังกล่าว ไปสู่การปฏิบัติเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายความสำเร็จที่กำหนดไว้
ลงชื่อ นายประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผู้นำเสนอเรื่อง
นี่คือ หลักการและเหตุผล ของกระทรวงสาธารณสุข ที่มีต่อปัญหาเรื่องส้วมไทย อยู่ในขณะนี้
ส่วนสังคมไทย จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย
คงต้องจับตาดูกันต่อไป....
