- Home
- Investigative
- จัดซื้อจัดจ้าง
- เปิดเอกสารลับ"อนันตพร"พันอนุมัติงบปรับปรุงทำเนียบ-ข้อสงสัยผลสอบไมค์ฉาว!
เปิดเอกสารลับ"อนันตพร"พันอนุมัติงบปรับปรุงทำเนียบ-ข้อสงสัยผลสอบไมค์ฉาว!
"...ทั้งหมดนี่ คือ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับขั้นตอนการขออนุมัติเรื่องจัดทำโครงการปรับปรุง ทำเนียบรัฐบาล และบ้านพิษณุโลก ซึ่งมีงานจัดซื้อไมโครโฟนห้องประชุม ครม. ที่ถูกตั้งข้อสังเกตเรื่องราคาแพงเกินจริงรวมอยู่ด้วย ขณะที่ตัว พล.อ.อนันตพร ก็ปรากฎชื่อเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการอนุมัติจัดทำโครงการนี้ด้วย แทนที่จะเป็น "บุคคลอื่น" ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เข้ามาทำการสอบสวนข้อเท็จจริงแทน..."
ไม่ว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรายละเอียดผลสอบกรณีการติดตั้งไมโครโฟนห้องประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ที่ถูกตั้งข้อสังเกตราคาแพงเกินความเป็นจริง ที่พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ในฐานะคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการ ใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ(คตร.) อยู่ระหว่างนำเสนอรายงานผลการสอบสวนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบ จะออกมาเป็นอย่างไร
แต่ข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ในขณะนี้ คือ จุดเริ่มต้นของการจัดซื้อไมโครโฟนห้องประชุม ครม. ดังกล่าว เกิดขึ้นมาจากความพยายามเร่งรีบดำเนินการโครงการปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลและบ้านพิษณุโลก ในกรอบวงเงินกว่า 252 ล้าน ให้แล้วเสร็จเพื่อทันการใช้งานโดยเร็ว จนถึงขั้นต้องทำเรื่องขออนุมัติยกเว้นขั้นตอนการดำเนินการตามระเบียบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานรัฐ
และที่สำคัญกระบวนการนำเสนอเรื่อง ได้ผ่านความเห็นชอบจาก "ผู้มีอำนาจ" ในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขณะที่ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ก็ปรากฎรายชื่อเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการให้ความเห็นประกอบด้วย
( อ่านประกอบ: "เสธ.ไก่อู"ขอให้มั่นใจ"อนันตพร" ผลสอบไมค์ฉาวไม่ถึงขั้นทุจริต"ตรงไปตรงมา")
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบเอกสารราชการสำคัญหลายชิ้น ที่เกี่ยวข้องกับขั้นตอนการนำเสนอโครงการปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลและบ้านพิษณุโลก ซึ่งมีงานจัดซื้อไมโครโฟนห้องประชุม ครม. ร่วมอยู่ด้วย ปรากฎข้อมูลสำคัญดังนี้
1. เมื่อวันที่ 21 ก.ค.57 น.ส.เรณู ตังคจิวางกรู รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร รักษาราชการแทนเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ นร 0406 /2368 ถึง เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อแจ้งให้ทราบเรื่องสรุปผลการประชุมคณะกรรมการอำนวยการพัฒนาปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลและบ้านพิษณุโลก
ระบุสาระสำคัญ ว่า รองหัวหน้า คสช. พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว หัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ ได้เห็นชอบตามมติที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการพัฒนาปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลและบ้านพิษณุโลก ครั้งที่ 1/2557 เมื่อวันที่ 21 ก.ค.57 โครงการพัฒนาปรับปรุงทำเนียบรัฐบาล และบ้านพิษณุโลก การขออนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2549 และขอให้นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม คสช.เพื่อพิจารณาต่อไป
(ดูเอกสารประกอบ)
ขณะที่ในวันเดียวกัน น.ส.รุจิรา ริมผดี รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด เลขที่ นร 0506/ว (ล) 11825 ถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง , กระทรวงวัฒนธรรม , กระทรวงมหาดไทย ผอ.สำนักงบประมาณ, เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการ ใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ(คตร.) (พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก)
เพื่อขอความเห็นประกอบการอนุมัติโครงการพัฒนาปรับปรุงทำเนียบรัฐบาล และบ้านพิษณุโลก และขออนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมและตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2549 และขออนุมัติโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 ดังกล่าว
โดยระบุว่า ฝ่ายกิจการพิเศษ คณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ ได้เห็นชอบให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอเรื่องดังกล่าว เพื่อประกอบการพิจารณาของคสช.โดยด่วน
ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยนายดิสทัต โหตระกิตย์ รองเลขาธิการฯ รักษาราชการแทน เลขาธิการ คณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ทำหนังสือตอบความเห็นกลับ เลขาธิการครม. ในวันที่ 21 ก.ค.57 ทันที
โดยระบุว่า การพิจารณายกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมและตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2549 เป็นกรณีพิเศษ เป็นอำนาจของคณะกรรมกรรมว่าด้วยการพัสดุหรือคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์แล้วแต่กรณี
ดังนั้น หากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประสงค์จะขออนุมัติยกเว้น ควรเสนอเรื่องไปยังคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุหรือคณะกรรมการว่าด้วยพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แล้วแต่กรณี โดยไม่จำต้องเสนอเรื่องเพื่อขออนุมัติต่อหัวหน้า คสช.
ส่วนการอนุมัติโครงการการปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลและบ้านพิษณุโลก โดยการขอโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 เห็นว่า เป็นโครงการใหม่ ที่มิได้กำหนดไว้ในพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 57 หากมีความจำเป็นต้องดำเนินการโครงการดังกล่าว กรณีนี้ย่อมเป็นเรื่องที่หัวหน้าคสช.มีอำนาจที่จะอนุมัติได้
ขณะที่ นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ตอบความเห็นว่า เห็นสมควรที่ หัวหน้าคสช. จะพิจารณาอนุมัติในหลักการให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงสถานที่ต่างๆ และสภาพแวดล้อม ภายในทำเนียบรัฐบาล ในกรอบวงเงิน 252 ล้านบาท โดยให้ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ส่วนการยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบในการจัดซื้อจัดจ้าง เห็นสมควรให้เป็นไปตามความเห็นกระทรวงการคลัง
ส่วน พล.อ. อนันตพร กาญจนรัตน์ ประธาน คตร. ตอบความเห็นว่า คตร.พิจารณาแล้ว เห็นชอบตามที่ฝ่ายกิจการพิเศษ คสช. เสนอ เนื่องจากเป็นการพัฒนาปรับปรุงอาคารที่สำคัญต่างๆ ของทำเนียบและบ้านพิษณุโลก รวมทั้งภูมิทัศน์และระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ให้อยู่ในสภาพดี ทันสมัยด้วยเทคโนโลยี่พร้อมใช้งาน และมีความสง่างามเหมาะสมสำหรับใช้เป็นศูนย์กลางการบริหารราชการแผ่นดิน
โดยมีข้อเสนอแนะ "ควรกำหนดมาตรการควบคุมเพื่อให้การดำเนินการมีความโปร่งใส่"
(ดูเอกสารประกอบ)
2. ต่อมาวันที่ 24 ก.ค.57 น.ส.รุจิรา ริมผดี รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ นร 0506/12013 ถึงหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขออนุมัติโครงการพัฒนาปรับปรุงทำเนียบรัฐบาล และบ้านพิษณุโลก และขออนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมและตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2549 และขออนุมัติโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557
ระบุเนื้อหาสำคัญว่า ฝ่ายกิจการพิเศษ คสช.ได้เสนอเรื่องนี้ ขณะที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้เสนอเอกสารเพิ่มเติม รวมทั้ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงบประมาณ และ คตร. ได้เสนอความเห็นไปเพื่อประกอบการพิจารณาของ คสช.ด้วย
พร้อมระบุว่า คสช.ได้ประชุมปรึกษาเมื่อวันที่ 22 ก.ค.57 ลงมติว่า อนุมัติให้หลักการโครงการพัฒนาปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลและบ้านพิษณุโลก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และอนุมัติค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการในกรอบวงเงิน 252,000,000 บาท โดยให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 57 ภายใต้แผนงานพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารราชการแผ่นดินผลผลิตการบริหารจัดการของรัฐบาล จากงบรายจ่ายอื่น รายการค่าใช้จ่ายในการขับเครื่องยุทธศาสตร์ของรัฐบาล จำนวน 256,000,000 บาท ไปตั้งจ่ายในงบลงทุน รายการปรับปรุงอาคารสถานที่ต่างๆ และสภาพแวดล้อมภายในทำเนียบรัฐบาล และให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
"ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการดังกล่าว ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีดำเนินการบันทึกภาพอาคาร สถานที่ สภาพพื้นที่ ตลอดจนพัสดุ สิ่งของสำคัญต่างๆ ทั้งในช่วงก่อนดำเนินการระหว่างดำเนินการ และเมื่อดำเนินการพัฒนาปรับปรุงแล้วเสร็จไว้ให้ชัดเจนครบถ้วน เพื่อเป็นข้อมูลทางประวัติศาสตร์และเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบอ้างอิงต่อไปด้วย"
"สำหรับกรณีการพิจารณายกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2549 กรณีพิเศษ นั้นเป็นอำนาจของคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุหรือคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ แล้วแต่กรณีตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จึงให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอเรื่องไปยังคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ และคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แล้วแต่กรณี เพื่อพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) เร่งดำเนินการจัดประชุมคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวโดยเร็วด้วย"
ทั้งนี้ หนังสือฉบับนี้ ได้มีการนำส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบเป็นทางการทั้งในส่วน ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม
3. ขณะที่กระทรวงการคลัง โดยนายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ทำหนังสือตอบความเห็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 30 ก.ค. 57 หลังการพิจารณาของ คสช.
ระบุสาระสำคัญว่า ครม.ไม่มีอำนาจยกเว้นหรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกว่าด้วยการพัสดุ และวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จะดำเนินการต้องขออนุมัติต่อคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ และคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยตรง
ส่วนการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปี 57 โดยหลักการจะต้องเสนอความเห็นไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณานำเสนอ ครม.ให้ความเห็นชอบ ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของหัวหน้าคสช. ตามประกาศ คสช.เรื่องให้อำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีเป็นอำนาจหน้าที่ของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
โดยเบื้องต้น พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้เห็นชอบและดำเนินการตามข้อเสนอของปลัดกระทรวงการคลัง ด้วย
ทั้งหมดนี่ คือ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับขั้นตอนการขออนุมัติเรื่องจัดทำโครงการปรับปรุง ทำเนียบรัฐบาล และบ้านพิษณุโลก ซึ่งมีงานจัดซื้อไมโครโฟนห้องประชุม ครม. ที่ถูกตั้งข้อสังเกตเรื่องราคาแพงเกินจริงรวมอยู่ด้วย
ซึ่งล่าสุด พล.อ.อนันตพร ประธาน คตร. อยู่ระหว่างนำเสนอรายงานผลการสอบสวนให้ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีได้รับทราบ เป็นทางการ
โดยสรุปว่า "ผลสอบที่ออกมาพบว่าไม่ถึงขั้นมีการทุจริต เพียงแต่มีส่วนต่างเยอะ จึงทำให้มองไม่ดี เนื่องจากต้องรีบดำเนินการให้เสร็จทันตามเวลาและจะให้มีการประกวดราคาจัดจ้างใหม่"
ขณะที่ตัว พล.อ.อนันตพร ก็ปรากฎชื่อเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการอนุมัติจัดทำโครงการนี้ด้วย
แทนที่จะเป็น "บุคคลอื่น" ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เข้ามาทำการสอบสวนข้อเท็จจริงแทน?
จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร ที่เมื่อผลสอบกรณีนี้ ถูกเปิดเผยออกมาว่า "ไม่ถึงขั้นมีการทุจริต แต่มีส่วนต่างเยอะ"
คนในสังคมไทย จึงยังมีความคลางแคลงสงสัยถึงการทำงานแบบตรงไปตรงมากันต่อไป
อย่างที่เห็นและเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้!