- Home
- Investigative
- จัดซื้อจัดจ้าง
- ขมวดปม! หลักฐานอิศราvs.คำชี้แจง กทท. -ไฉนไร้ปมบ.พี่สาวเลขาฯปธ.บอร์ดคว้างานร้อยล.
ขมวดปม! หลักฐานอิศราvs.คำชี้แจง กทท. -ไฉนไร้ปมบ.พี่สาวเลขาฯปธ.บอร์ดคว้างานร้อยล.
"...สาเหตุสำคัญที่กทท.ยังไม่ชี้แจงผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของบริษัทที่เข้ามารับงาน กับผู้บริหารระดับสูงในกทท. เป็นยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ แต่เป็นความต้องการของผู้บริหารระดับสูง กทท.รายหนึ่ง ที่อยากให้ข้อมูลในส่วนของการปฏิบัติตามระเบียบ และราคาเหมาะสม ถูกเผยแพร่ออกไปก่อน เพื่อยืนยันให้สังคมเห็นว่าเรื่องนี้ เป็นไปด้วยความโปร่งใส ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น..."
ทำไมในหนังสือชี้แจงของ กทท. กรณีข่าวการจัดซื้อและติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) พร้อมอุปกรณ์และ ข่าวบริษัท บีซีดี 5 จำกัด ปรากฎชื่อเป็นคู่สัญญารับงานสร้างปั้นจั่นของการท่าเรือฯ ในนามกลุ่มกิจการร่วมค้าฯ ที่ส่งมาให้สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รับทราบ ถึงไม่ปรากฎข้อมูลผลการตรวจสอบเกี่ยวกับกรณีบริษัทเอกชนที่ได้รับงานว่าจ้างทั้ง 2 โครงการ มีความเชื่อมโยงเป็นธุรกิจของ นาง อัญชลีพร อภิศิตสวัสดิ์ พี่สาว 'นาวาเอก เบญจพล หรูสกุล เลขานุการของ พลเรือเอก อภิวัฒน์ ศรีวรรธนะ ประธานกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ทั้งที่ เป็นประเด็นสำคัญที่สุดในการนำเสนอข่าวของสำนักข่าวอิศราในช่วงที่ผ่านมา?
นี่คือ คำถามสำคัญที่เกิดขึ้น ภายหลังจากล่าสุด เมื่อวันที่ 11 พ.ค.2560 ที่ผ่านมา เรือเอก สุทธินันท์ หัตถวงษ์ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ได้ลงนามในหนังสือถึงสำนักข่าวอิศรา เพื่อชี้แจงกรณีข่าวการจัดซื้อและติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) พร้อมอุปกรณ์และ ข่าวบริษัท บีซีดี 5 จำกัด ปรากฎชื่อเป็นคู่สัญญารับงานสร้างปั้นจั่นของการท่าเรือฯ ในนามกลุ่มกิจการร่วมค้าฯ
สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
หนึ่ง การจัดซื้อและติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) วงเงิน 3.6 ล้านบาท จากบริษัท แอดวานซ์ บิสซิเนสฯ กทท. จัดซื้อโดยวิธีพิเศษ ตามระเบียบการท่าเรือฯ ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2543 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบเฝ้าระวังภัย รวมถึงการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักกีฬา และผู้เข้าชม โดยเมื่อเกิดเหตุไม่พึงประสงค์สามารถเข้าระงับเหตุได้อย่างทันเวลา และหากแม้เกิดสถานการณ์ลุกลามเกินกว่าที่จะระงับยับยั้งได้ยังสามารถนำภาพ CCTV มาตรวจสอบผู้กระทำผิดได้
ทั้งนี้ กทท. ได้เชิญผู้มีอาชีพขายพัสดุที่จัดซื้อโดยตรง 3 บริษัท และในวันยื่นซองเสนอราคา มี 3 บริษัท เข้ายื่น ได้แก่ บริษัท ฟาร์ติมา อาร์.บี.ดี.เอส.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท แอดวานซ์ บิสซิเนสฯ และบริษัท คอร์เทค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งคณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษได้เปิดซองเสนอราคา และตรวจสอบเอกสารหลักฐานแล้ว พบว่า มี 1บริษัทเสนอราคาไม่ถูกต้องตามข้อกำหนดโครงการ ส่วนบริษัท ฟาร์ติมาฯ และบริษัท แอดวานซ์ บิสซิเนสฯ เสนอราคาถูกต้อง ทั้งนี้ กทท. ได้ต่อรองราคาบริษัท แอดวานซ์ บิสซิเนสฯ ซึ่งเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด โดยบริษัทดังกล่าวยินดีลดราคาคงเหลือราคาสินค้ารวม 18 iยการ รวมภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงิน 3,680,800 บาท จึงเห็นว่าเป็นราคาที่เหมาะสม และต่ำกว่าราคากลางจึงขออนุมัติซื้อ
สอง การจัดจ้างจากกิจการร่วมค้า ระหว่างบริษัท Dinson Industries Corporation กับบริษัท บีซีดี5 จำกัด จำนวน 3 สัญญา ได้แก่ งานจ้างเหมาสร้างรถคานเคลื่อนที่ล้อยาง จำนวน 2 คัน วงเงิน 199.2 ล้านบาท กทท. จัดจ้างตามขั้นตอนปฏิบัติ และดำเนินการตามระเบียบต่าง ๆ อย่างครบถ้วน ซึ่งการจัดหาเครื่องมือดังกล่าวรวมอยู่ในโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) จนได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ดำเนินโครงการ มีผู้ยื่นเอกสาร 4 ราย แต่มี 2 รายที่มีคุณสมบัติเบื้องต้นเป็นไปตามที่กำหนด คือ 1.Joint Venture GYC-ALL 2.Joint Venture Dinson Industries Corporation and BCD5 Co., Ltd. และคณะกรรมการประกวดราคาดำเนินการตามขั้นตอนการเสนอราคา พบว่า Joint Venture Dinson เป็นผู้ชนะการเสนอราคา และยินดีลดราคาลงเหลือ 199,200,000 บาท ต่ำกว่าราคากลางประมาณ 6.2 ล้านบาท และคณะกรรมการ กทท. เห็นชอบด้วย
งานจ้างเหมาสร้างปั้นจั่นยกขนตู้สินค้าหน้าท่าชนิดเดินบนราง วงเงินประมาณ 251 ล้านบาท กทท. จัดจ้างตามขั้นตอนปฏิบัติ และดำเนินการตามระเบียบต่าง ๆ อย่างครบถ้วน มีผู้ซื้อเอกสาร 14 ราย แต่มีผู้ยื่นเอกสาร 4 ราย ได้แก่ 1.กิจการร่วมค้า เอสพีอาร์ 2.Wuxi Huadong Heavy Machinery Co., Ltd. 3.Joint Venture Dinson และ 4.บริษัท ซีเอชอีซี (ไทย) จำกัด ผ่านการคัดเลือกได้เข้าร่วมเสนอราคา 2 ราย คือ กิจการร่วมค้า เอสพีอาร์ และ Joint Venture Dinson ทั้งนี้ Joint Venture Dinson เป็นผู้เสนอรคาต่ำสุด และถูกต้องตามที่ กทท. กำหนด จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้เป็นผู้ชนะการประกวดราคา โดย Joint Venture Dinson ยินดีลดราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงิน 251,664,000 บาท ต่ำกว่าราคากลาง 5,136,000 บาท
งานจ้างเหมาติดตั้งระบบ Main Hoist Emergency Brake สำหรับปั้นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่าชนิดเดินบนราง วงเงินประมาณ 82 ล้านบาท กทท. จัดจ้างตามขั้นตอนปฏิบัติ และดำเนินการตามระเบียบต่าง ๆ อย่างครบถ้วน โดยครั้งนี้เป็นการจัดจ้างครั้งที่ 4 เนื่องจาก 3 ครั้งแรกดำเนินการยกเลิก มีผู้ยื่นซองเสนอราคา 6 ราย แต่วันเสนอราคามีผู้มารับหนังสือเพียง 5 ราย โดยมีผู้สังเกตการณ์จากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และผู้แทนสหภาพแรงงานการท่าเรือฯ เข้ามาตรวจสอบด้วย โดยช่วงเวลากำหนดมีผู้ยื่นซองเสนอราคา 1 ราย คือ Joint Venture Dinson เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่า ยื่นข้อเสนอถูกต้องตามความต้องการของ กทท. ทุกประการ และยินดีลดราคา รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วเป็นเงิน 82,999,900 บาท จึงมีมติเป็นเอกฉันท์รับราคาและข้อเสนอของบริษัทดังกล่าว โดยต่ำกว่าราคากลาง 1,136,100 บาท (ดูเอกสารประกอบ)
สรุปสาระสำคัญของคำชี้แจง คือ กทท. ยืนยันว่างานจัดซื้อจ้างทั้ง 2 โครงการเป็นไปตามขั้นตอน และผู้ชนะเสนอราคางานต่ำที่สุด
(อ่านประกอบ : ไม่แจงปมบ.พี่สาวเลขาฯปธ.บอร์ดคว้างาน! กทท.ยันซื้อกล้องCCTV-สร้างปั้นจั่นร้อยล.โปร่งใส)
แต่ไม่ปรากฎข้อมูลชี้แจงตามประเด็นที่สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบ พบว่า บริษัทเอกชนที่ได้รับงานไป มีความเชื่อมโยงเป็นธุรกิจของ นาง อัญชลีพร อภิศิตสวัสดิ์ พี่สาว 'นาวาเอก เบญจพล หรูสกุล เลขานุการของ พลเรือเอก อภิวัฒน์ ศรีวรรธนะ ประธานกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) พี่สาวของนาวาเอก เบญจพล หรูสกุล เลขานุการของ พลเรือเอก อภิวัฒน์ ศรีวรรธนะ ประธานบอร์ด กทท. ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญของเรื่องนี้แต่อย่างใด
กทท. ไม่ทราบจริงๆ หรือว่าเงื่อนปมสำคัญที่สุดของเรื่องนี้คืออะไร?
สำนักข่าวอิศรา ไล่เรียงข้อมูลเกี่ยวกับการปรากฎชื่อบริษัทของ นาง อัญชลีพร อภิศิตสวัสดิ์ เข้าไปรับงานในกทท. มานำเสนอให้กทท. และสาธารณชนได้รับทราบแบบชัดๆ อีกครั้ง ดังนี้
หนึ่ง สตง.ทำหนังสือถึงกทท. เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณี บริษัท บูรพา เทอร์มินอล จำกัด ของ นาง อัญชลีพร อภิศิตสวัสดิ์ ปรากฎชื่อเข้าไปรับงานบริการยกขนและเคลื่อนย้ายตู้สินค้าขึ้นลงรถไฟเป็นการชั่วคราว ระยะเวลา 7 เดือน วงเงินกว่า 52 ล้านบาท โดยวิธีพิเศษ จากท่าเรือแหลมฉบัง ใน 2 ประเด็นหลัก คือ
1. เอกชนที่ได้รับการคัดเลือกเข้ามาเป็นผู้รับจ้างงานนี้ ประกอบธุรกิจซื้อขายซอฟท์แวร์ และมีรายได้ในปี 2558 เพียงแค่ 3 แสนบาทเท่านั้น
2. ในปัจจุบัน บริษัทเอกชนที่มีประสบการณ์ในการให้บริการยกขนและเคลื่อนย้ายตู้สินค้าขึ้นลงรถไฟในประเทศไทย มีจำนวนกว่า 6 ราย เหตุใดจึงไม่ได้เชิญผู้ประกอบการทั้ง 6 ราย ซึ่งมีประสบการณ์ในการทำงานนี้เข้าร่วมคัดเลือกเป็นผู้รับจ้างงานนี้ด้วย
เบื้องต้น เรือเอกสุทธินันท์ หัตถวงษ์ ผู้อำนวยการกทท. ชี้แจงข้อเท็จจริงสำนักข่าวอิศราว่า การว่าจ้างงานโครงการนี้ ท่าเรือแหลมฉบังได้ใช้วิธีพิเศษ มีการตั้งคณะกรรมการจัดจ้างขึ้นมาดำเนินการตามขั้นตอนระเบียบการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2543 โดยมีการเชิญเอกชน 3 ราย เข้าเป็นผู้ร่วมเสนอราคา ได้แก่ บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด บริษัท เอส ซี จี โลจิสติกส์ จำกัด และบริษัท ทีไลน์ ทรานสปอร์ต จำกัด
อย่างไรก็ตาม บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด ได้แจ้งว่า ได้ทำการจดทะเบียนกิจการร่วมค้าใหม่ และขอเข้าร่วมดำเนินการในนามกิจการร่วมค้า บูรพา เทอร์มินอล ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด บริษัท บูรพา เทอร์มินอล จำกัด และบริษัท โกลบอล อินเตอร์ จำกัด โดย บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด เป็นผู้ดำเนินการหลัก ส่วนบริษัท บูรพา เทอร์มินอล จำกัด เป็นผู้ให้การสนับสนุนในด้านการจัดทำระบบซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการปฏิบัติงาน ซึ่งคณะกรรมการจัดจ้างฯ ได้พิจารณาราคาของ กิจการร่วมค้า บูรพา เทอร์มินอล พบว่าเสนอราคาต่ำสุด และได้ลงนามว่าจ้าง กิจการร่วมค้า บูรพา เทอร์มินอล
ส่วนเหตุผลที่บริษัท บูรพา เทอร์มินอล จำกัด เข้ามาร่วมในกิจการรวมค้าด้วย เพราะงานส่วนนี้ ต้องใช้เรื่องระบบซอฟต์แวร์เข้ามาเกี่ยวข้อง แม้ว่าจะไม่ได้ทำธุรกิจขนส่งสินค้าโดยตรงก็ตาม
สำนักข่าวอิศรา ขยายผลการตรวจสอบต่อพบข้อมูลเพิ่มว่า นางอัญชลีพร อภิศิตสวัสดิ์ กรรมการผู้มีอำนาจและผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท บูรพา เทอร์มินอล จำกัด เคยใช้นามสกุลเดิมว่า 'หรูสกุล' ซึ่งเป็นนามสกุลเดียวกับ 'นาวาเอก เบญจพล หรูสกุล เลขานุการของ พลเรือเอก อภิวัฒน์ ศรีวรรธนะ ประธานกรรมการ กทท. โดยจากการสืบค้นข้อมูลในทะเบียนราษฎร พบว่า บุคคลทั้ง 2 มีความสัมพันธ์เป็น 'พี่น้องกัน' นางอัญชลีพร มีสถานะเป็นพี่สาว ส่วน นาวาเอก เบญจพล เป็นน้องชาย
ขณะที่ นายพลวศุตม์ มหาเอี่ยมศิริ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 บริษัท บูรพา เทอร์มินอล จำกัด เคยถูกกระทรวงการคลัง ทำหนังสือแจ้งเวียนหน่วยงานราชการ ว่า เป็นผู้ทิ้งงานหน่วยงานรัฐ จากการประกวดราคาซื้อโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบอีเมล์ กระทรวงยุติธรรม ระยะที่1 ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ วงเงิน10 ล้านบาท ของสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ในช่วงปลายเดือนต.ค.2557ที่ผ่านมา พร้อมกับ นายวิสูตร ทัศน์เอี่ยม และบริษัท โอจีเอ ซีนคอม จำกัด ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท โอ จี เอ เมกะเทค จำกัด ขณะที่นางอัญชลีพร ปรากฎชื่อเป็นกรรมการผู้มีอำนาจ และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทนี้มาโดยตลอดเช่นกัน
ก่อนที่เรือเอกสุทธินันท์ ผู้อำนวยการ กทท. จะให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา ว่า มีการสั่งยกเลิกการว่าจ้างเอกชนเข้ามารับงานนี้ไปแล้ว พร้อมสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เนื่องจากมีข้อขัดข้องหลายประการในการดำเนินการและเพื่อตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้าง
ปัจจุบัน กทท. ยังไม่ได้ชี้แจงข้อมูลความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงงานว่าจ้างส่วนนี้เพิ่มเติมให้แก่อิศราได้รับทราบแต่อย่างใด
สอง ต่อมาสำนักข่าวอิศรา ขยายผลการตรวจสอบข้อมูลพบว่า บริษัท แอดวานซ์ บิสซิเนส โซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด ของนาง อัญชลีพร อภิศิตสวัสดิ์ อีกแห่งหนึ่ง ปรากฎชื่อปรากฎชื่อเข้าไปรับงานซื้อขายและติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) พร้อมอุปกรณ์ ณ สนามฟุตบอล กทท. วงเงิน 3,680,800 บาท โดยวิธีพิเศษเช่นกัน
จากการตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท แอดวานซ์ บิสซิเนส โซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด ที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า การเข้าไปรับงานซื้อขายและติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) พร้อมอุปกรณ์ ณ สนามฟุตบอล กทท. วงเงิน 3,680,800 บาท ของ บริษัท แอดวานซ์ บิสซิเนส โซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด เกิดขึ้นในช่วงเดือน พ.ค. 2558 ขณะที่การแจ้งเพิ่มวัตถุประสงค์การทำธุรกิจโทรทัศน์วงจรปิด ของบริษัทฯ เกิดขึ้นหลังจากได้รับงานไปแล้ว ในช่วงกลางเดือนก.ย.2559 คำนวณช่วงระยะเวลาห่างกันนานเกือบปีเศษ
ขณะที่ข้อมูลที่กกท.ชี้แจงกับสำนักข่าวอิศรา ในประเด็นนี้ มีเพียงแค่การยืนยันว่า ดำเนินการตามระเบียบการท่าเรือฯ ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2543 ราคาจัดซื้อเหมาะสม ต่ำกว่าราคากลางจึงขออนุมัติซื้อ
โดยสำนักข่าวอิศรา เสนอว่าข้อเท็จจริงที่ต้องพิจารณาสำหรับประเด็นนี้ คือ
1. บริษัทฯ เข้าไปรับงานได้ เพราะมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจขายโทรทัศน์วงจรปิดอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้แจ้งวัตถุประสงค์ระบุข้อมูลชัดเจนเป็นทางการ ขณะที่ กทท. เห็นว่าบริษัทฯมีศักยภาพที่ดี และไม่สามารถจัดหาบริษัทฯ ไหนในประเทศไทยเข้ามารับงานได้
2. บริษัทฯ เข้าไปรับงานทั้งที่ไม่ได้ประกอบธุรกิจนี้โดยตรง เพิ่งจะมาแจ้งเพิ่มวัตถุประสงค์การทำธุรกิจประเภทนี้ หลังจากที่ได้งานไปแล้วเป็นระยะเวลาปีเศษ
3. ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของบริษัทผู้ชนะงาน ในฐานะพี่สาวของเลขาฯ ประธานบอร์ด กทท. มีผลต่อการเข้าไปรับงานส่วนนี้หรือไม่? อย่างไร?
แต่ไม่ปรากฎคำตอบเหล่านี้ ในคำชี้แจงที่ของกทท. ส่งมาให้สำนักข่าวอิศรารับทราบแต่อย่างใด
สาม ต่อมาสำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า บริษัท แอดวานซ์ บิสซิเนส โซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด เคยทำหนังสือถึงท่าเรือแหลมฉบัง ในช่วงเดือนก.ย.2558 เพื่อเสนอราคางานจ้างเหมาสร้างปั้นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่าชนิดบนราง ขนาดยกน้ำหนักไม่น้อยกว่า 40 เมตริกตัน ราคาคันละ 284 ล้านบาท และงานจ้างเหมาสร้างรถคานเคลื่อนที่ยกตู้สินค้า แบบ 6+1 สามารถยกตู้สินค้าน้ำหนักไม่น้อยกว่า 40 เมตริกตันใต้สเปรดเดอร์ จัดเรียงซ้อนตู้สินค้าได้สูง 6 ชั้น ราคาคันละ 97 ล้านบาท พร้อมกับ บริษัท บีซีดี5 จำกัด
ขณะที่จากการตรวจสอบฐานข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานรัฐ พบว่า บริษัท บีซีดี5 จำกัด ปรากฎชื่อเป็นคู่สัญญารับงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย ในนามกลุ่มกิจการร่วมค้ากับ บริษัท Dinson Industries Corporation จากจีน จำนวนหลายสัญญา ได้แก่
1. สัญญาจ้างเหมาสร้างรถคานเคลื่อนที่ล้อยาง (Rubber Tyred Gantry Crane:RTG) จำนวน 2 คัน วงเงิน 199.2 ล้านบาท (เฉลี่ยคันละ99,600,000 บาท) ตามสัญญาเลขที่ ทลฉ.จ. 70/2559 ทำสัญญาเมื่อวันที่ 27 ต.ค. 59
2. จ้างเหมาสร้างปั้นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่าชนิดเดินบนราง (Rail Mounted Shoreside Gantry Crane) วงเงิน 251,664,000 บาท ตามสัญญาเลขที่ จ. 42/2559 ทำสัญญาเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 59
3. จ้างเหมาติดตั้งระบบ Main Hoist Emergency Brake สำหรับปั้นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่าชนิดเดินบนราง(Rail Mounted Shoreside Gantry Crane) 82,999,900.00 บาท วงเงิน 82,999,900 บาท ตามสัญญาเลขที่ จ. 37/2559 ทำสัญญาเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 59
รวมวงเงินทั้งสิ้น 533,863,900 บาท
โดยจากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกของสำนักข่าวอิศรา พบว่า
1. บริษัท บีซีดี5 จำกัด เพิ่งจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อ 30 มิถุนายน 2558 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนการยื่นหนังสือเสนอราคางานต่อท่าเรือแหลมฉบัง ประมาณ 2 เดือนเศษ
2. แบบฟอร์มในการจัดพิมพ์หนังสือเสนอราคาของ บริษัท บีซีดี5 จำกัด และบริษัท แอดวานซ์ บิสซิเนส โซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด คล้ายกันอย่างมาก
3. เอกสารจดทะเบียนจัดตั้งของบริษัทเอกชนทั้ง 2 แห่ง ที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า มีการใช้บุคคลกลุ่มเดียวกัน ในการติดต่องานกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และทำบัญชีงบดุล
4. นาง สายพิณ พยอมสวย กรรมการผู้มีอำนาจ และผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท บีซีดี5 จำกัด มีนามสกุลและที่อยู่เดียวกับ น.ส.เปรมมิกา พยอมสวย อดีตกรรมการบริษัท แอดวานซ์ บิสซิเนส โซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด ขณะที่เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ ที่ นาง สายพิณ พยอมสวย แจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า คือ หมายเลข 02-578-80-00 เป็นเบอร์โทรศัพท์ของ THE OGA GROUP ซึ่งเป็นชื่อกลุ่มบริษัท ของ นาง อัญชลีพร อภิศิตสวัสดิ์
5. คนในบ้านเลขที่ 6 ซอยอรรณพนฤมิตร ถนนดินแดง แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ซึ่งถูกใช้เป็นที่ตั้งบริษัท บีซีดี5 จำกัด ให้ข้อมูลกับสำนักข่าวอิศราว่า สาเหตุที่ที่อยู่ของบ้านหลังนี้ ถูกใช้เป็นที่ตั้งบริษัท บีซีดี5 จำกัด เป็นเพราะว่ามีคนที่รู้จักและมีบุญคุณกับ น.ส.อัครมุนี มาขอยืมที่อยู่ไปใช้ในการจดทะเบียนตั้งบริษัทฯ และไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการทำธุรกิจของ บริษัท บีซีดี 5 จำกัด และเมื่อเวลามีจดหมายหรือเอกสารเกี่ยวกับบริษัทส่งมาที่บ้านหลังนี้ ก็จะมีคนของบริษัทมารับไป
คำถามที่สำคัญสำหรับเรื่องนี่ที่กทท. ควรชี้แจงเพิ่มเติมด้วย คือ บริษัท บีซีดี5 จำกัด แท้จริงแล้วเป็นบริษัทกลุ่มเดียวกับ บริษัท แอดวานซ์ บิสซิเนส โซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด ของ นาง อัญชลีพร อภิศิตสวัสดิ์ พี่สาวเลขาฯประธานบอร์ดกทท. ซึ่งการทำธุรกิจของบริษัท บีซีดี5 ดำเนินการผ่านคนในบริษัทกลุ่มของนาง อัญชลีพร อภิศิตสวัสดิ์ ใช่หรือไม่? ถ้าใช้จะมีผลอะไรต่อการเข้ามารับงานสร้างปั้นจั่นมูลค่าหลายร้อยล้านบาทหรือไม่? สรุปบริษัทไหนที่เป็นผู้รับงานตัวจริง ถ้างานในอนาคตมีปัญหามีความเสียหายเกิดขึ้นบริษัทไหนจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ?
นี่ยังไม่นับรวมคำถามสำคัญเดิม เหมือนงานในสัญญาอื่นๆ ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของบริษัทผู้ชนะงาน ในฐานะพี่สาวของเลขาฯ ประธานบอร์ด กทท. มีผลต่อการพิจารณางานส่วนนี้ด้วยหรือไม่?
ขณะที่ข้อมูลที่กกท.ชี้แจงกับสำนักข่าวอิศรา ในประเด็นนี้ มีเพียงแค่การยืนยันว่า ดำเนินการตามระเบียบการท่าเรือฯ ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2543 ราคาจัดซื้อเหมาะสม ต่ำกว่าราคากลางจึงขออนุมัติซื้อเช่นเดิม
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลจากแหล่งข่าวระดับสูงในกทท. ว่า สาเหตุสำคัญที่กทท.ยังไม่ชี้แจงผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของบริษัทที่เข้ามารับงาน กับผู้บริหารระดับสูงในกทท. เป็นยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ แต่เป็นความต้องการของผู้บริหารระดับสูง กทท.รายหนึ่ง ที่อยากให้ข้อมูลในส่วนของการปฏิบัติตามระเบียบ และราคาเหมาะสม ถูกเผยแพร่ออกไปก่อน เพื่อยืนยันให้สังคมเห็นว่าเรื่องนี้ เป็นไปด้วยความโปร่งใส ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ได้ติดต่อไปยัง เรือเอกสุทธินันท์ หัตถวงษ์ ผู้อำนวยการกทท. เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมกรณีข่าวการจัดซื้อและติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) พร้อมอุปกรณ์และ ข่าวบริษัท บีซีดี 5 จำกัด ปรากฎชื่อเป็นคู่สัญญารับงานสร้างปั้นจั่นของการท่าเรือฯ ในนามกลุ่มกิจการร่วมค้าฯ ที่ส่งมาให้สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org อีกครั้ง
เรือเอกสุทธินันท์ ยืนยันว่า การตรวจสอบข้อมูลสถานะบริษัทเอกชนที่ได้งาน ซึ่งถูกระบุว่ากรรมการผู้มีอำนาจและผู้ถือหุ้นใหญ่ เป็นพี่สาวของเลขาฯประธานบอร์ดกทท. ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อดำเนินการเรียบร้อยแล้ว จะแจ้งให้สำนักข่าวอิศรารับทราบอีกครั้ง
เมื่อถามว่า ทำไมกทท. ต้องรีบชี้แจงเฉพาะประเด็นเรื่องการจัดซื้อว่าดำเนินการตามระเบียบ และราคาเหมาะสม ทั้งที่ ประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของบริษัทที่เข้ามารับงาน กับผู้บริหารระดับสูงในกทท. ยังตรวจสอบไม่แล้วเสร็จ และผลการชี้แจงมีลักษณะการันตีว่าทั้ง 2 โครงการโปร่งใส
เรือเอกสุทธินันท์ หัตถวงษ์ ผู้อำนวยการกทท. ตอบเพียงสั้นๆ แค่ว่า ผู้บริหารระดับสูงในกทท.บางคน อยากให้ชี้แจงเรื่องนี้ออกไปก่อน
แต่ไม่ได้ชี้แจงข้อมูลชัดเจนว่า ผู้บริหารระดับสูงรายนี้เป็นใคร มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ และวัตถุประสงค์ที่แท้จริงในการเข้ามาล้วงลูกสั่งการเรื่องนี้คืออะไรกันแน่ ?
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในคำชี้แจงของกทท.ที่ส่งมาให้เบื้องต้น ก็สามารถช่วยยืนยันข้อเท็จจริงให้สาธารณชนได้เห็นชัดเจนมากขึ้นว่า กลุ่มบริษัทในเครือของ พี่สาว เลขาฯประธานกทท. ทั้งทางตรงและทางอ้อม ปรากฎชื่อเข้าไปรับงานในกทท.จำนวนหลายสัญญา วงเงินรวมเป็นหลักร้อยล้านบาท ตามข้อมูลที่สำนักข่าวอิศรานำเสนอไปจริง
ส่วนสถานะความสัมพันธ์ระหว่าง พี่สาว ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทเอกชน กับ น้องชาย ที่มีตำแหน่งใหญ่โต เป็นถึงเลขาฯ ประธานบอร์ด กทท. จะมีผลอะไรต่อเรื่องนี้หรือไม่นั้น
คงต้องรอฟังผลการตรวจสอบของ กทท. และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) อีกครั้ง
ซึ่งขั้นตอนนี้คงจะมีปัญหาสำคัญประการเดียวที่จะต้องจับตาดู คือ ไม่รู้ว่าจะต้องใช้ระยะเวลานานแค่ไหน ทั้ง 2 หน่วยงาน ถึงจะสรุปผลการตรวจสอบได้
และที่สำคัญผลการตรวจสอบที่ออกมา จะตั้งอยู่บนพื้นฐานยึดถือข้อเท็จจริงหลักฐานเป็นสำคัญ มีการเปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องได้ชี้แจงข้อมูลอย่างเต็มที่ ทำงานตรงไปตรงมา ไม่เอนเอี่ยงเข้าข้าง ฟอกความผิด ช่วยเหลือผู้ใดผู้หนึ่ง ไม่ว่าจะมีสถานะทางสังคม ยศตำแหน่งสูงทรง แค่ไหนก็ตามหรือไม่ ?
ทั้งที่ ในความเป็นจริงปัจจุบัน ประเทศไทย เราอยู่ในยุคการบริหารของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่กำลังเข้ามาปฏิรูปประเทศ และประกาศจุดยืนต่อต้านปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ
ขณะที่ผู้บริหารระดับสูงในกทท.ก็ล้วนแล้ว เป็นนายทหารระดับสูง ทำไม ณ วันนี้ เรายังต้องมาพูดหรือทวงถามประเด็นอะไรแบบนี้กันอีก?
อ่านประกอบ :
ลุยสอบท่าเรือแหลมฉบัง ใช้วิธีพิเศษจ้าง บ.ขายซอฟท์แวร์ รับงานขนสินค้า7เดือน52 ล.
เทียบชัดๆ6เอกชนvs.บ.ขายซอฟท์แวร์ ก่อนท่าเรือแหลมฉบังใช้วิธีพิเศษจ้างขนสินค้า 52 ล.
ใช้นามสกุลเดียวเลขาฯปธ.กทท.!เปิดตัวเจ้าของบ.ซอฟท์แวร์ ได้งานวิธีพิเศษขนสินค้า52ล.
ค้นทะเบียนราษฎรไขสัมพันธ์ลึก'นามสกุล'เลขาฯปธ.กทท.-เจ้าของบ.ซอฟท์แวร์ ที่แท้พี่น้องกัน!
ข้อมูลใหม่ บ.ซอฟท์แวร์ รับจ้างขนสินค้า 52 ล. ผู้ถือหุ้นโดนแจ้งชื่อทิ้งงาน ก.ยุติธรรม10ล.
พิรุธเพียบ! สตง.ยันลุยสอบท่าเรือแหลมฉบังจ้างบ.ขนสินค้า52ล.-ขยายผลจัดซื้อวัสดุฯรพ.มหาราชฯ
เบื้องหลัง!ผู้ถือหุ้นบ.ซอฟท์แวร์โดนแจ้งชื่อทิ้งงานก.ยุติธรรม10ล.-เสนอเอกสารเท็จ
ยกเลิกแล้ว!กทท.สั่งสอบท่าเรือแหลมฉบังจ้างบ.พี่สาวเลขาฯปธ.บอร์ด ขนสินค้า52ล.
ใช้วิธีพิเศษอีกแล้ว!บ.'พี่สาว'เลขาฯปธ.กทท.คว้างานติดตั้ง CCTV เพิ่ม1สัญญา 3.6 ล.
แกะรอย บ.พี่สาวเลขาฯปธ.กทท. แห่ง2 แจ้งทำธุรกิจทีวีวงจรปิดหลังได้งานเกือบปีเศษ!
ข้อมูลจัดซื้อกทท.ลามสร้างปั้นจั่น-รถคาน533ล.!ผู้ชนะตั้ง บ.ก่อนเสนอราคาแค่2เดือน
คนบ.พี่สาวเลขาฯปธ.กทท.โผล่หน้าบ้าน! เปิดตัวบริษัทคู่แข่งได้งานสร้างปั้นจั่นร้อยล.
ได้ยินชื่ออิศราวางสายทันที! เลขาฯปธ.กทท.ไม่ว่างแจงปมบ.พี่สาวคว้างานวิธีพิเศษ
เปิดหลักฐานชุด2มัด บ.พี่สาวเลขาฯปธ.กทท-คู่เทียบราคาสร้างปั้นจั่นร้อยล.กลุ่มเดียวกัน
755 ล้าน!โชว์รายได้ล่าสุด5บริษัทพี่สาวเลขาฯปธ.กทท.-ก่อนถูกสอบคว้างานวิธีพิเศษ
ผู้มีพระคุณขอยืมที่อยู่ตั้งบริษัท! คนบ้านซ.อรรณพฯ ปัดเอี่ยวบ.คว้างานปั้นจั่นกทท.ร้อยล.