- Home
- Investigative
- การทำผิดของเอกชน
- ชำแหละปม"ค่าจ้างวิจัย"เอแบคโพลล์"รับจ๊อบงานนอก ไม่ส่งเงินคืนมหาวิทยาลัย
ชำแหละปม"ค่าจ้างวิจัย"เอแบคโพลล์"รับจ๊อบงานนอก ไม่ส่งเงินคืนมหาวิทยาลัย
"...มีข้อสังเกตว่า ผู้ว่าจ้างบางรายชำระเงินค้าจ้างแล้ว แต่มหาวิทยาลัย ยังไม่ได้รับเงินซึ่งส่อไปในทางทุจริตและผู้รับผิดชอบไม่ยอมแสดงสมุดบัญชีตามที่คณะกรรมการร้องขอ ซึ่งต้องตรวจสอบในเชิงลึกโดยอาศัยกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งคณะกรรมการไม่สามารถตรวจสอบได้ เช่น บัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย ที่เอแบคโพลล์เปิดไว้เพื่อรับเงินจากโครงการที่หน่วยงานราชการว่าจ้างทำวิจัย..."
นอกเหนือจากประเด็นการนำเงินไปใช้ประโยชน์ในเรื่องส่วนตัว ของ "ผู้เกี่ยวข้อง" ในสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ อาทิ ซื้อสุนัขพันธุ์บีเกิ้ล 2 ตัว นาฬิกา ทองคำ หรือการนำเงินเบิกล่วงหน้าจากมหาวิทยาลัยไปใส่ไว้ในบัญชีตนเอง เพื่อให้มีกระแสเงินเดินบัญชีที่ต่อเนื่องเป็นประโยชน์ในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ที่ปรากฎชัดอยู่ในรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการบริหารงานของ "สำนักวิจัยเอแบคโพลล์" ตามที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำมาเสนอไปแล้ว
(อ่านประกอบ : เปิดคำให้การคดี"เอแบคโพลล์"ยัน"ผู้บริหาร"ใช้เงินสนง.ซื้อลูกหมาตัวละเกือบหมื่น)
ในรายงานการสอบสวนฉบับนี้ ยังระบุถึงประเด็นปัญหาสำคัญ ที่มีการตรวจสอบพบอีกหนึ่งเรื่อง คือ "รายได้วิจัยค้างรับ" ซึ่งมีข้อเท็จจริงบางส่วนที่ชี้ให้เห็นว่า มี "ผู้เกี่ยวข้อง" บางราย ได้รับเงินค่าว่าจ้างงานวิจัยจากเอกชนมาแล้ว และไม่ได้มีการนำส่งเงินให้กับทางมหาวิทยาลัยฯ ตามขั้นตอนปฏิบัติ
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลในรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการบริหารงานของ "สำนักวิจัยเอแบคโพลล์" มานำเสนอ ณ ที่นี้
โดยในรายงานผลการตรวจสอบฯ ระบุว่า คณะกรรมการได้มีการตรวจสอบพบว่า การบริหารจัดการ เอแบคโพลล์ มีรายได้วิจัยค้างรับเป็นจำนวนมากถึง 33 โครงการ รวมเป็นเงิน 16,386,163.70 บาท
โดยมีสาเหตุมาจากการบริหารจัดการที่ผิดพลาดบกพร่อง ไม่เอาใจใส่ ไม่โปร่งใส คือ
1. การรับจ้างทำวิจัย ไม่มีการทำสัญญาในบางโครงการ ทำให้ขาดหลักฐานสำคัญในการติดตามทวงถามไม่ได้ผล
2. การรับจ้างทำวิจัยที่มีการทำสัญญาเป็นการส่วนตัวของผู้บริหาร เช่น โครงการงดเหล้าเข้าพรรษา ปี 2554 โครงการศึกษาพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกฮอลล์ปี 2556 และทั้งสองโครงการได้ทำงบประมาณขอเบิกยืมเงินทดรองจากมหาวิทยาลัยไปดำเนินการ แต่ไม่ส่งรายได้เข้ามหาวิทยาลัยให้ครบถ้วน (ดูรายละเอียดโครงการในภาพประกอบ)
3. ในการส่งมอบงานวิจัยให้ผู้ว่าจ้าง พบว่าทีมงานวิจัยขาดการตรวจสอบเงื่อนไขการชำระเงินตามสัญญาอย่างรอบคอบ และไม่ตรวจสอบกับสำนักงานบริหารการเงินก่อนว่า ผู้วาจ้างได้ชำระเงินงวดก่อนครบถ้วนหรือยัง ก่อนที่จะส่งมอบงานในงวดต่อไป เนื่องจากปรากฎข้อเท็จจริงว่ามีการส่งงวดงานแล้ว แต่งวดเงินไม่ชำระทำให้มีลูกหนี้ค้างชำระเป็นจำนวนมากดังกล่าว
4.ผู้ว่าจ้างยกเลิกการจ้างหรือไม่พอใจในผลงานวิจัยและปฏิเสธการจ่ายเงินค่าจ้าง เช่น ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด แต่ได้มีการเบิกเงินล่วงหน้าจากมหาวิทยาลัยไปหมดแล้ว
5. ระบบการติดตามทวงถามหนี้ของหน่วยงานภายในสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ไม่มีประสิทธิภาพ ขาดการติดตามประสานงานที่ดีกับสำนักงานบริหารการเงิน ปล่อยปละละเลยทำให้ระยะการค้างชำระหนี้บางโครงการล่วงเลยไปกว่า 1-2 ปี และผู้เกี่ยวข้อง ไม่ได้มีการตรวจสอบและติดตามอย่างจริงจัง อีกทั้งไม่รายงานให้มหาวิทยาลัยทราบเพื่อจะได้พิจารณาให้ดำเนินการทางคดีหรือไม่? อย่างไร ?
ทำให้มีข้อสังเกตว่าเสมือนมีการปกปิดข้อมูลบางประการ
6. มีข้อสังเกตว่า ผู้ว่าจ้างบางรายชำระเงินค้าจ้างแล้ว แต่มหาวิทยาลัย ยังไม่ได้รับเงินซึ่งส่อไปในทางทุจริตและผู้รับผิดชอบไม่ยอมแสดงสมุดบัญชีตามที่คณะกรรมการร้องขอ ซึ่งต้องตรวจสอบในเชิงลึกโดยอาศัยกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งคณะกรรมการไม่สามารถตรวจสอบได้ เช่น บัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย ที่เอแบคโพลล์เปิดไว้เพื่อรับเงินจากโครงการที่หน่วยงานราชการว่าจ้างทำวิจัย
ทั้งนี้ คณะกรรมการ เห็นว่า ผู้เกี่ยวข้อง ที่ถูกตรวจสอบ จะต้องติดตามทวงถามลูกหนี้ที่ค้างชำระค่าจ้างทำวิจัยทั้งหมด หากไม่ดำเนินการถือได้ว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยบกพร่องเป็นเหตุให้มหาวิทยาลัยได้รับความเสียหายต้องชดใช้ค่าเสียหายให้มหาวิทยาลัย
และเห็นควรให้ทนายความรับมอบอำนาจจากมหาวิทยาลัยดำเนินการตามกฎหมายต่อไป