- Home
- Investigative
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวสืบสวน
- เปิดหลักฐานเชิงประจักษ์ ทำไม 'ลูกค้า'เชื่อซื้อMAZDA ป้ายแดง แต่ได้รถถูกเฉี่ยวชนแทน?
เปิดหลักฐานเชิงประจักษ์ ทำไม 'ลูกค้า'เชื่อซื้อMAZDA ป้ายแดง แต่ได้รถถูกเฉี่ยวชนแทน?
"...เขาได้ทำการตรวจสอบสภาพรถเพิ่มเติม พบว่า บริเวณด้านซ้ายข้างในของกระโปรงรถด้านล่าง (หันหน้าเข้าหารถจากทางด้านล่าง) มีรอยสีเป็นรูปคลื่น ขณะที่อีกฝั่งเรียบไม่มีรอยอะไร ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติมากสำหรับรถป้ายแดงที่เพิ่งซื้อมาใหม่.."
นับจนถึงเวลานี้ สาธารณชนคงได้รับทราบข้อมูลกรณี นายบุญรัก อภิรติกุล เจ้าหน้าที่ระดับสูงสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ที่ร้องเรียนต่อสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า เมื่อเดือน เม.ย. 2557 ได้จองซื้อรถใหม่ป้ายแดง ยี่ห้อ MAZDA รุ่น CX5 2.2 ดีเซล จากบริษัทขายรถยนต์แห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดย เสียค่าจอง 5,000 บาท ค่ามัดจำ 100,000 บาท และจ่ายค่ารถที่เหลืออีก 1,560,000 (ส่วนลด 5,000 บาท) รวมเป็นเงินจำนวน 1.67 ล้านบาท และเมื่อรับรถมาแล้ว บริษัท ฯ แถมประกันภัยชั้น 1 ของ บริษัท สินมั่นคง ประกันภัย จำกัด ทั้งนี้ ขับมาได้ระยะหนึ่ง บังเอิญขับไปเฉี่ยวชนเสาที่จอดรถ จึงเรียกเจ้าหน้าที่ประกันมา เพื่อออกใบแคลมประกัน ตามขั้นตอนปกติ
ทว่า เจ้าหน้าที่ประกันตรวจสอบรายการเลขที่กรมธรรม์ ,ทะเบียนรถ ,ตัวถังรถ แล้วแจ้งว่า รถคันนี้เคยเฉี่ยวชน หรือได้รับความเสียหายมาแล้ว 5 รายการ ทั้งที่ เพิ่งซื้อรถใหม่ป้ายแดงมาใหม่ จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่า รถป้ายแดงที่ซื้อมาใหม่ อาจเป็นรถที่มีการเฉี่ยวชนมาก่อน ในช่วงการขนส่งรถ
ขณะที่ นายบุญรัก พยายามติดตามเรื่องมาเกือบ 2 ปีแล้ว ก็ยังแต่ไม่ได้รับความเป็นธรรมอะไร และเมื่อพยายามติดต่อไปยังหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ก็ถูกดองเรื่องไว้นาน
(อ่านประกอบ : โปรดระวัง! ซื้อรถ MAZDA ป้ายแดง อาจได้รถที่ถูกเฉี่ยวชน มามอบให้?)
ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับ "คู่กรณี" ของ นายบุญรัก
ในช่วงเช้าวันที่ 27 พ.ค.2559 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้ติดต่อไปยัง บริษัท สินมั่นคง ประกันภัย จำกัด เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงอีกด้าน
โดยได้พูดคุยกับ น.ส.บุษกร ช่างปั้น พนักงานลูกค้าสัมพันธ์ของบริษัทฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่รายหนึ่ง ให้ข้อมูลเบื้องต้นว่า นายบุญรัก อภิรติกุล มีรายชื่ออยู่ในระบบลูกค้าของทางบริษัทจริง
แต่นายบุญรัก ได้หมดประกันไปแล้ว เมื่อวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2558
และจากการตรวจสอบข้อมูลการร้องเรียนของทางบริษัทฯ ไม่ปรากฏชื่อของนายบุญรักในระบบแต่อย่างไร
เมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงข้อมูลการเคลมประกันภัยรถยนต์ยี่ห้อ MAZDA รุ่น CX5 2.2 ดีเซล เจ้าหน้าที่รายนี้แจ้งว่า นายบุญรัก มีข้อมูลการเคลมประกันที่ผ่านมากับทางบริษัทจำนวนทั้งหมด 3 ครั้ง
แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เพราะไม่มีอำนาจในการเปิดเผยข้อมูล
พร้อมระบุว่า จะขอรับเรื่องไว้ และจะแจ้งให้ทางผู้จัดการทราบอีกครั้ง หลังจากกลับจากการลากิจ
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังโชว์รูมและศูนย์บริการ บริษัท แรงค์ พี.ที. โอคอร์เนอร์ จำกัด สาขาลาดพร้าว (เวิร์นส์มาสด้าลาดพร้าว) ซึ่งนายบุญรัก ระบุว่า ซื้อรถMAZDA รุ่น CX5 2.2 ดีเซล มาจากที่แห่งนี้
เบื้องต้นได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์รายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ต้องคุยกับทางฝ่ายขาย ก่อนจะโอนสาย ต่อไป
ต่อมา เจ้าหน้าที่รายเดิมรับสาย ระบุว่า “ตอนนี้ฝ่ายขายไม่มีใครอยู่เลยไม่มีคนรับโทรศัพท์ ไม่ทราบว่าทางผู้ร้องเรียนได้ระบุเลขเครื่องมาด้วยหรือไม่ เพื่อจะได้ให้เขาเช็คว่าเจ้าหน้าที่คนใดเป็นผู้ขาย อย่างไรแล้ว ทิ้งชื่อและเบอร์ติดต่อกลับไว้ได้หรือไม่ เมื่อทราบแล้วว่าเจ้าหน้าที่คนไหนเป็นคนขาย จะให้เจ้าตัวเขาติดต่อกลับไป”
ผู้สื่อข่าวจึงทิ้งเบอร์โทร.ไว้ เพื่อรอการติดต่อกลับอีก (จนถึงปัจจุบันยังไม่ติดต่อกลับมา)
อย่างไรก็ตาม แม้สำนักข่าวอิศรา จะยังไม่ได้รับคำชี้แจงอย่างเป็นทางการกรณีนี้ จาก บริษัท สินมั่นคง ประกันภัย จำกัด และ บริษัท แรงค์ พี.ที. โอคอร์เนอร์ จำกัด ตัวแทนขายรถยนต์ MAZDA รุ่น CX5 2.2 ดีเซล ให้กับนายบุญรัก
แต่ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา ได้รับมอบเอกสารหลักฐานชุดหนึ่ง จากนายบุญรัก ที่นำไปใช้ประกอบขั้นตอนการยืนเรื่องขอความเป็นธรรมต่อ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ซึ่งมีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงจาก บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 20 พ.ค.2558 ที่ทำไปถึง สคบ. รวมอยู่ด้วย
ระบุเนื้อหาสำคัญว่า ปัญหาเรื่องการแจ้งบาดแผลก่อนทำประกันภัย 5 รายการ เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่รับประกัน ได้ระบุบาดแผลผิดกรมธรรม์ ซึ่งบริษัทฯ ทราบปัญหาความผิดพลาดและได้ดำเนินการลบบาดแผลดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และได้หนังสือขอโทษลูกค้าจำนวน 2 ฉบับ ดังนี้
1.ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2558 ได้ระบุเลขที่กรมธรรม์ผิด คือ 57-1-0-301782 รถ TOYOTA YARIS ที่ถูกต้องคือ กรมธรรม์ 57-1-0221674 รถ TOYOTA VIOS
2. ฉบับที่ 2 ส่งผ่านอีเมล์วันที่ 24 มี.ค.2558 ได้ชี้แจงการระบุเลขที่กรรมธรรม์ที่ถูกต้องคือ 57-1-0-221674 รถ TOYATA VIOS รายละเอียดบาดแผลแคลทเลขที่ 136-1-10172/2557 รถ MAZDA CX-5 ซึ่งซ้ำกับข้อมูลกรมธรรม์ 57-1-0-221674 รถ TOYATA VIOS เป็นบาดแผนที่เกิดเหตุก่อนทำประกัน (ดูเอกสารประกอบ)
ขณะที่ ตัวแทนบริษัท แรงค์ พี.ที. โอคอร์เนอร์ จำกัด ผู้จำหน่ายรถให้กับ นายบุญรัก ก็ทำหนังสือชี้แจงเป็นทางการว่า ปัญหาเกิดจากความผิดพลาดในการคีย์ข้อมูลรถสลับคันกัน และบริษัทประกันภัยสินมั่นคง ได้ออกจดหมายขอโทษผ่านบริษัท แรงค์ พี.ที.โอคอร์เนอร์ จำกัด เพื่อส่งต่อมายังนายบุญรัก ด้วย (ดูเอกสารประกอบ)
คำถามที่น่าสนใจ คือ เมื่อได้รับทราบคำชี้แจงดังกล่าวแล้ว ทำไม 'นายบุกรัก' ถึงยังปักใจเชื่อว่า รถ MAZDA ป้ายแดง ที่ซื้อมาใหม่ เป็นรถที่มีปัญหาถูกเฉี่ยวชนมาก่อนอีก
ทำไมถึงไม่เชื่อว่า "เจ้าหน้าที่พิมพ์ข้อมูลผิดพลาด" และก้มหน้าก้มตาใช้รถคันนี้ในชีวิตประจำวันต่อไปตามปกติ
กรณีคำถามนี้ นายบุญรัก ให้สัมภาษณ์ยืนยันกับสำนักข่าวอิศรา เพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากการเดินทางไปตรวจสอบความจริง ของตนเอง ที่บ้านของเจ้าของรถ TOYOTA Vios และได้รับทราบความจริงทั้งหมดว่า รถ TOYOTA Vios ดังกล่าว ซื้อมาจากบริษัท โตโยต้า เมื่อประมาณปี 2551 โดยได้รับประกันภัยชั้น 1 ฟรีปีแรก ทำกับบริษัท สินมั่นคงประกันภัย
(ในช่วงเกิดเหตุ บริษัทสินมั่นคงฯ ทำหนังสือชี้แจงนายบุญรัก จำนวน 2 ฉบับ ฉบับที่ 1 แจ้งขออภัยว่าบริษัท ได้บันทึกบาดแผล, ความเสียหาย, ของรถผิดกรรมธรรม์ และเป็นของรถผิดคัน ที่ถูกต้องเป็นขอรถ TOYOTA Yaris กรมธรรม์ เลขที่ 57-1-0-301782 ต่อมาบริษัทสินมั่นคงฯ มีหนังสือชี้แจงมาเป็นฉบับที่ 2 แจ้งขออภัยเป็นครั้งที่ 2 ว่า บริษัท ได้บันทึกบาดแผลผิดคัน เป็นครั้งที่ 2 ที่ถูกต้องเป็นของรถ TOYOTA Vios กรมธรรม์เลขที่ 57-1-0221674 และรูปถ่ายบาดแผลของรถที่มีเพียง 5 รายการ)
ขณะที่เจ้าของรถ TOYOTA Vios ก็ยืนยันว่า ความจริงรถคันนี้มีบาดแผลมากกว่า 5 รายการ แต่เป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นในปี 2551 ไม่ได้เกิดขึ้นในปี 2557 ซึ่งเขาได้ซื้อรถ MAZDA ป้ายแดงจากบริษัทขายรถยนต์แห่งหนึ่งรายนี้ และเกิดการเฉี่ยวชนแต่อย่างใด
ซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลของทางบริษัทประกันฯ ที่แจ้งว่า เป็นข้อมูลปี 2557 และที่ผ่านมาก็พยายามติดต่อขอดูข้อมูลปี 2551 ว่าบาดแผลรถเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่ได้เคยได้รับทราบข้อมูลส่วนนี้ด้วย
จึงทำให้เขาเชื่อว่า มีบุคคลบางกลุ่มพยายามทำหลักฐานปลอมขึ้นมา เพื่อปกปิดความจริงว่า รถยนต์ป้ายแดง ที่เขาซื้อมา แท้จริงแล้วเป็นรถมีตำหนิ ผ่านการเฉี่ยวชนมาแล้ว ก่อนจะนำมาขายต่อให้
ยังมีหลักฐานเชิงประจักษ์ 2 ส่วน ที่สนับสนุนความคิดให้เขาเชื่อมั่นแบบนั้น คือ
หนึ่ง ในช่วงที่มีปัญหาเรื่องการนำไปเคลมประกัน และถูกระบุว่าเป็นรถที่มีบาดแผลเก่ามาก่อน 5 แห่ง รับผิดชอบค่าซ่อมให้ได้แค่ 50%
เขาได้ทำการตรวจสอบสภาพรถเพิ่มเติม พบว่า บริเวณด้านซ้ายข้างในของกระโปรงรถด้านล่าง (หันหน้าเข้าหารถจากทางด้านล่าง) มีรอยสีเป็นรูปคลื่น ขณะที่อีกฝั่งเรียบไม่มีรอยอะไร ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติมากสำหรับรถป้ายแดงที่เพิ่งซื้อมาใหม่ (ดูภาพประกอบ)
สอง เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่หนักแน่นขึ้น ว่า รถที่เขาซื้อมา เป็นรถใหม่ หรือรถที่เคยเกิดปัญหาถูกเฉี่ยวชนมาก่อน
เขาได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบสภาพรถมาตรวจสอบ ก่อนจะพบข้อสังเกตสำคัญว่า น็อตซ้าย+ขวา ที่ใช้ขันติดกันชนหลัง เคยมีการถอด สังเกตจากหัวน็อต นอกจากนี้ ยังพบรอยคราบแลคเกอร์ ซึ่งเกิดจากการกดทับของขอบยางประตูหลัง ในขณะที่แลคเกอร์ ยังไม่แห้ง ขณะที่ตำแหน่งเดียวกันด้านขวาปกติ (ดูภาพประกอบ)
ด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์ ทั้งสองส่วน ที่นำเสนอไป พร้อมกับพฤติการณ์ของบริษัทประกันภัย และบริษัทตัวแทนขายรถที่แสดงออกมา จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่จะทำให้ นายบุญรักษ์ ปักใจเชื่อมั่น 100 % ว่า รถป้ายแดงที่เขาเพิ่งซื้อมา แท้จริงแล้ว เป็นรถที่เคยมีตำหนิมากก่อนอย่างแน่นอน
นายบุญรักษ์ ยังย้ำด้วยว่า ข้อมูลทั้งหมดนี้ เขาเคยนำไปให้ทาง สคบ.พิจารณาแล้ว แต่ดูเหมือนทาง สคบ. จะไม่รับฟังข้อมูลและหลักฐานของตนเลยแม้แต่น้อย
ในทางตรงกันข้าม ดูเหมือนจะรับฟังข้อมูลจากฝ่ายบริษัทตัวแทนขายรถยนต์และบริษัทประกันมากกว่า จึงทำให้เขารู้สึกผิดหวังอย่างมาก ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้
ทั้งที่ ในความเป็นจริงแล้ว นายบุญรัก เป็นลูกค้าผู้ใช้รถ MAZDA มาเป็นสิบๆ ปี และยังเป็นเจ้าของรถ MAZDA อีก 3 คัน คือ Mazda CX5 Mazda 3 & Mazda 626 ด้วย
และถ้าพูดเรื่องฐานะหน้าที่การงานในปัจจุบันแล้ว เขายิ่งไม่มีความจำเป็นอะไรที่ จะต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อรถราคาไม่กี่ล้านบาท
แต่ที่เขาลงทุนลงแรงทำอยู่ทุกวันนี้ คือ การต่อสู้ในฐานะผู้บริโภค คนธรรมดา ที่ควรจะมีสิทธิและได้รับการคุ้มครองสิทธิของตนเอง
มากกว่าสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ เท่านั้นเอง!
"ขณะที่ผมพอมีการศึกษา รู้กฎหมายอยู่บ้าง ยังถูกกระทำขนาดนี้ คนตัวเล็ก ธรรมดา จะไม่ยิ่งถูกกระทำมากกว่านี้หรือ" นายบุญรัก กล่าวย้ำประโยคเดิมที่เคยพูดไว้ตั้งแต่แรก