- Home
- Investigative
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวสืบสวน
- ดูชัดๆสถานะธุรกิจ"คุณแดง-สุรางค์"ก้างขว้างคอ"ช่อง 7ประมูลคลื่นดิจิตอล?
ดูชัดๆสถานะธุรกิจ"คุณแดง-สุรางค์"ก้างขว้างคอ"ช่อง 7ประมูลคลื่นดิจิตอล?
เปิดใบหุ้น "จันทร์ 25 & บ.กรุงเทพโทรทัศน์ฯ " ดูสถานะธุรกิจ "คุณแดง-สุรางค์" ไขปริศนา ช่อง 7 เก้าอี้ร้อน ร่อนหนังสือแจง กสทช. ไร้ผลประโยชน์ประมูลคลื่นดิจิตอล?
กรณี พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธาน กสทช.ในฐานะประธานกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรศัพท์ (กสท.) ออกมาระบุว่า กสท. อยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเท็จจริงการมีส่วนได้ส่วนเสียและผลประโยชน์ร่วมกัน ระหว่าง บริษัท จันทร์ 25 จำกัด และบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด (ช่อง 7) ในการเข้ายื่นประมูลคลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจเป็นเหตุให้ทั้งสองบริษัทอาจถูกตัดรายชื่อออกจากการเป็นผู้เข้าร่วมการประมูลได้
โดยเบื้องต้น มีการระบุข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าไปถือครองหุ้นบริษัททั้ง 2 แห่ง ของ นางสุรางค์ เปรมปรีดิ์ หรือ คุณแดง เนื่องจากปรากฏข้อมูลว่า บริษัท จันทร์ 25 จำกัด มี นางสุรางค์ เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
ในขณะเดียวกัน นางสุรางค์และครอบครัวก็ยังคงถือหุ้นอยู่ในบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด (ช่อง 7) ถึงกว่า 20% แม้นางสุรางค์ จะถูกปลดพ้นจากทุกตำแหน่งในช่อง 7 ตั้งแต่ต้นปี 2555
(อ่านประกอบ:เตือน ”ช่อง7” ผู้ถือหุ้นซ้ำ ”บ.จันทร์25” อาจถูกตัดสิทธิประมูลทีวีดิจิตอล)
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบสข้อมูลในสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัท จันทร์ 25 จำกัด และบริษัท กรุงเทพโทรศัพท์และวิทยุ จำกัด (ช่อง 7) ที่นำส่งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ล่าสุด
พบว่า นางสุรางค์ เปรมปรีดิ์ ปรากฏชื่อเป็นผู้ถือหุ้นบริษัททั้งสองแห่งจริง
โดยสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัท จันทร์ 25 จำกัด ที่แจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2556 ระบุว่ามีผู้ถือหุ้นจำนวน 3 ราย
นางสุรางค์ เปรมปรีดิ์ ถือหุ้นใหญ่สุด จำนวน 1,263,202 หุ้น (จำนวนหุ้นทั้งหมด 1,600,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 6.25 บาท จากทุนจดทะเบียน 10,000,000 บาท) ตามมาด้วย นายไพโรจน์ เปรมปรีดิ์ ถืออยู่จำนวน 315,799 หุ้น และนายภาวุฒิ วรรธนะกุล 20,999 หุ้น
(ดูเอกสารประกอบ)
ขณะที่ในสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด (ช่อง 7) แจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2556 ระบุว่ามีผู้ถือหุ้นจำนวน 32 ราย
โดยนางสุรางค์ เปรมปรีดิ์ ถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับ 2 เท่ากับ นายกฤตย์ รัตนรักษ์ คือ 115,000 หุ้น (จำนวนหุ้นทั้งหมด 610,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท ทุนจดทะเบียน 61,000,000 บาท) โดยบริษัท ซีเคเอสโฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้นใหญ่สุด จำนวน 160,000 หุ้น ส่วนนายไพโรจน์ เปรมปรีดิ์ ถืออยู่จำนวน 14,800 หุ้น
ทั้งนี้ หากนับรวมจำนวนหุ้น ของ นางสุรางค์ และ นายไพโรจน์ ที่ถืออยู่ จะพบว่ามีจำนวน 129,800 หุ้น คิดเป็นจำนวนเกิน 20% จากหุ้นทั้งหมด 610,000 หุ้น
(ดูเอกสารประกอบ)
จากการตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัททั้งสองแห่ง พบว่า บริษัท จันทร์ 25 จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2536 ทุน 10 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 108 ถนนประดิพัทธ์ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบธุรกิจจัดสร้างและจัดจำหน่ายละครและการแสดงอื่น รวมถึงการจัดงานประกวดต่างๆ
ปรากฏชื่อ นางสุรางค์ เปรมปรีดิ์ หรือ นายไพโรจน์ เปรมปรีดิ์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ มีนาย พิศณุ นิลกลัด (ย้ายจากช่อง 7 ไปอยู่ช่อง 3 ในปัจจุบัน) รวมเป็นกรรมการด้วย
(อ่านประกอบ : เปิดขุมทรัพย์กูรู“พิศณุ นิลกลัด”ก่อนทิ้งช่อง 7 ซบช่อง 3 ฟัน 80 ล้าน)
ส่วนบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2510 มีทุน 61 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 998/1 ซอยร่วมศิริมิตร ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบธุรกิจโฆษณา
ปรากฏชื่อ นายกฤตย์ รัตนรักษ์ เป็นประธานกรรมการ ส่วนกรรมการที่เหลือประกอบไปด้วย นาย วีระพันธุ์ ทีปสุวรรณนาย เชิดศักดิ์ ตันสกุล ,น.ส. สุดธิดา รัตนรักษ์ นาย ชลอ นาคอ่อน นาย เจริญ จิรวิศัลย์ นาย ศรัณย์ วิรุตมวงศ์ นาย พลากร สมสุวรรณ นาย สมเกียรติ เจริญภิญโญยิ่ง
ขณะที่ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธาน กสทช.ในฐานะประธานกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรศัพท์ (กสท.) ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ขณะนี้ กสท. ยังไม่ได้มีการพิจารณาอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากทั้งสองบริษัท ยังไม่ได้ยื่นเรื่องประมูลเข้ามาเป็นทางการ อยู่ในขั้นตอนการซื้อแบบประมูลไปเท่านั้น
“เอกสารที่เรามีอยู่ในมือขณะนี้ คือ หนังสือชี้แจงจากช่อง 7 ที่แจ้งเข้ามาว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับคุณสุรางค์ เปรมปรีดิ์ แม้ว่าจะยังมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในช่อง 7 อยู่เท่านั้น”
เมื่อถามว่า มีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะข่าวลือว่าเรื่องนี้เป็นเกมที่อีกฝ่ายหนึ่ง พยายามบีบให้อีกฝ่ายหนึ่งซื้อหุ้นคืน พ.อ.นที กล่าวว่า “เราจะยังไม่มองหรือมีความเห็นอะไรในขณะนี้ เพราะยังไม่มีข้อมูลอะไรอยู่ในมือเลย”
อย่างไรก็ตาม พ.อ.นที ยืนยันว่า ในข้อกำหนดและเงื่อนไขการเข้าร่วมประมูล ทางกสท.ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาไปนานแล้ว ผู้ประกอบการที่จะเข้าร่วมการประมูลงานทุกคนต้องทราบรายละเอียดเป็นอย่างดี
“เราไม่รู้ว่าใครจะทำอะไร มีเกมมีแผนอะไร แต่เมื่อถึงกำหนดยื่นประมูลงานในช่วงปลายเดือนตุลาคม นี้ หากมีการตรวจสอบพบว่าบริษัทเอกชนรายใด มีความสัมพันธ์และมีผลประโยชน์ร่วมกัน เราก็ดำเนินการตัดสิทธิ์ตามกฎระเบียบที่วางไว้แน่นอน” พ.อ.นที ระบุ