ปธ.นิวเจนแอร์เวย์สโจทก์"อริสมันต์"โผล่ทำธุรกิจร่วมพี่ชาย"รมต."เพื่อไทย
เจาะขุมข่ายธุรกิจ "ประมุข ไชยวรรณ" ประธานสายการบินนิวเจน แอร์เวย์ส โจทก์ อริสมันต์ ปมเมีย โพสต์ภาพโชว์เฟซบุ๊ก พบถือหุ้นใหญ่บริษัทนำเข้าส่งออกรถมือสองไปต่างปท.ร่วมคนนามสุกล “สุวรรณทัต” รมช.คมนาคม?
นอกเหนือจากความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่าง นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง และนางระพีพรรณ พงศ์เรืองรอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ภรรยา นายอริสมันต์ กับ สายการบิน นิว เจน แอร์เวย์ส สายการบินน้องใหม่ ภายใต้การบริหารงานของ นายประมุข ไชยวรรณ ประธานกรรมการบริหารสายการบิน
ต่อกรณีที่ นางระพีพรรณ ได้โพสต์รูปภาพและข้อความเกี่ยวกับสายการบิน ในเฟซบุ๊กส่วนตัวที่ชื่อว่า “Rapipun Pongrueangrong” เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา
ก่อนที่ทั้งฝ่ายนายอริสมันต์ และสายการบินจะออกมายืนยันว่า ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกัน?
(อ่านประกอบ:แกะรอยคำให้การ“นิวเจนVSอริสมันต์”ใครพูดจริง-เท็จปมธุรกิจสายการบิน?)
ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลปูมหลังทางธุรกิจของ นายประมุข ไชยวรรณ ผู้บริหารสายการบินนิวเจนแอร์เวย์ส
พบว่า นายประมุข ปรากฏชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัทเอกชนหลายแห่ง แต่ในจำนวนนี้มีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ที่มีข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับหุ้นส่วนธุรกิจของนายประมุข ซึ่งมีนามสกุลเดียวกับ "รมต." ในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจ ระบุว่า บริษัท ไทย-อาฟริกา เฟรนชิฟ เทรดดิ้ง จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่
15 ธันวาคม 2548 ปัจจุบันมีทุน 15 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 8/38 ซอยลาดพร้าว 93 (โชคชัย 3) ถนนลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร
แจ้งประกอบกิจการนำเข้า ส่งออกรถยนต์ใช้แล้วไปจำหน่ายยังต่างประเทศ - นำเข้า,ส่งออก
จากการตรวจสอบข้อมูลรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัท ณ วันที่ 30 เมษายน 2556 พบว่า มีจำนวน 5 ราย คือ
1. นาย ประมุข ไชยวรรณ ถืออยู่จำนวน 100,000 หุ้นๆ ละ 100 บาท
2. นางสาว จุฑาทิพย์ วิลาด 20,000 หุ้น
3 นาย เจริญพงษ์ ศรประสิทธิ์ 10,000 หุ้น
4 นาย โดเร เฟอเรโบรี่ 10,000 หุ้น
และ 5. พลโท พฤกษ์ สุวรรณทัต 10,000 หุ้น
ทั้งนี้ พลโท พฤกษ์ สุวรรณทัต หนึ่งในผู้ถือหุ้นบริษัทฯ มีนามสกุล เดียวกับรัฐมนตรี หลายคนในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อาทิ พลอากาศเอก สุกำพล สุวรรณทัต อดีตรมว.กระทรวงคมนาคม , พลเอก พฤณฑ์ สุวรรณทัต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
จากการตรวจสอบข้อมูลการแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน พลเอก พฤณฑ์ สุวรรณทัต ที่แจ้งไว้ต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในการเข้ารับตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พบว่า มีการระบุชื่อพี่น้อง จำนวนหลายคน หนึ่งในนั้น มีชื่อว่า “พฤกษ์ สุวรรณทัต” แต่ระบุยศ “พล.อ”
ขณะที่ นางสาวจุฑาทิพย์ วิลาด ปัจจุบันปรากฏรายชื่อเป็น ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท สบายดี แอร์เวย์ส จำกัด
ทั้งนี้ นายประมุข เคยให้สัมภาษณ์ว่า เดิมที่สายการบินแห่งนี้ บริษัท สบายดี แอร์เวยส เป็นเจ้าของ โดยนายตระกูลชัย เอ้กันหา ก่อตั้งขึ้นในปี 2555 จากนั้น แต่สบายดี แอร์เวยส ในตอนนั้นไม่ประสบความสำเร็จในการจัดหาผู้ถือหุ้น ทางบริษัท นิว เจนเนอร์เรชั่น ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด จึงมาเทคโอเวอร์บริษัทสบายดีฯ ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้าน
โดยกลุ่มธุรกิจที่เข้ามาถือหุ้นใหม่ มี สองกลุ่มคือ กลุ่มนิวเจนคือคุณนิตยา ขจรเกียรติชัย ถือหุ้น 49.9995 % และคุณจุฑาทิพย์ วิลาด จากกลุ่มบางกอก เอวิเอชั่น ถือหุ้น 49.9995 % พร้อมยืนยันว่าไม่มีทางที่คุณอริสมันต์จะมาร่วมทุนด้วย เพราะทางสายการบินมีทุนมากพอแล้ว
จากการตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท สบายดี แอร์เวย์ส จำกัด เมื่อเดือนกรกฎาคม 2555 ปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้น จำนวน 3 คน โดยนายตระกูล เอ้กันหา ผู้ถือหุ้นใหญ่ จำนวน 102,000 หุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 200,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 1,000 บาท (ทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท) ตามมาด้วย นายฉุง ยุง สุข สัญชาติเกาหลี ถืออยู่ 78,000 หุ้น และนายฤทธิ์ประพา ผริตะโกมล 20,000 หุ้น
ก่อนที่ในช่วงเดือนกันยายน 2556 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ทำการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ โดย น.ส.จุฑาทิพย์ วิลาด และน.ส.นิตยา ขจรเกียรติชัย ปรากฎรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ คนละ 99,999 หุ้น ส่วนนาย ธีรวัฒน์ ลีลาภรณ์สกุล และนายฤทธิ์ประพา ผริตะโกมล ถืออยู่คนละ 1 หุ้น
ส่วนนายตระกูล เอ้กันหา ปัจจุบันปรากฎรายชื่อเป็นกรรมการบริษัทฯ
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจยังระบุด้วยว่า ในช่วงแรกเริ่มจดทะเบียนตั้งบริษัทฯ มีการแจ้งที่ตั้งสำนักงานใหญ่ เลขที่ 41 ซอยโพธิ์แก้ว 3 แยก 9 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. ก่อนจะแจ้งย้ายที่อยู่มาที่เลขที่ 222 อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ 1 สนามบินดอนเมือง ชั้น 2 ห้อง 2337 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210 ในปัจจุบัน
ส่วนงบดุลปี 2555 ซึ่งเป็นปีแรกในการเริ่มต้นกิจการ ที่แจ้งไว้ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า มีรายได้รวม 1.46 บาท รวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 2,590,339.50 บาท ขาดทุนสุทธิ 2,590,338.04 บาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ แจ้งว่ามีทรัพย์สินรวม 197,536,901.46 บาท มีหนี้สินอยู่ 127,239.50 บาท