กรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า 30 บริษัทที่ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรมสรรพากรจำนวน 3,647.7 ล้านบาท กรรมการบริษัทจำนวน 12 คน มีภูมิลำเนาอยู่ใน จ.พิจิตรได้แก่
1.นางจุฑารัตน์ โภคา อายุ 36 ปีที่อยู่เลขที่ 150/4 หมู่ที่ 2 ต.บ้านบุ่ง อ.เมือง จ.พิจิตร
2.นางอารีวัลย์ แฟงเอม อายุ 37 ปี ที่อยู่เลขที่ 9 หมู่ที่ 3 ต.บ้านบุ่ง อ.เมือง จ.พิจิตร
3.นางปริศนา ศรีสกุล อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80/5 หมู่ที่ 4 ต.ย่านยาว อ.เมือง จ.พิจิตร
4.นางทิพย์สุดา จันเสน อายุ 30 ปี ที่อยู่เลขที่ 306/3 หมู่ที่ 1 ต.บ้านบุ่ง อ.เมือง จ.พิจิตร
5.นางอุไร ดวงคำ อายุ 38 ปี ที่อยู่เลขที่ 360/1 หมู่ที่ 1 ต.บ้านบุ่ง อ.เมือง จ.พิจิตร
6.นายมนูญ เรียนกระศิลป์ อายุ 43 ปี ที่อยู่เลขที่ 119/3 หมู่ที่ 4 ต.ย่านยาว อ.เมือง จ.พิจิตร
7.นางสำเนียง จวนสาง อายุ 43 ปี ที่อยู่เลขที่ 98/4 หมู่ที่ 4 ต.บ้านบุ่ง อ.เมือง จ.พิจิตร
8.นางสาวนุจรีย์ คำงาม อายุ 28 ปี ที่อยู่เลขที่ 17/3 หมู่ที่ 4 ต.บ้านบุ่ง อ.เมือง จ.พิจิตร
9.นางบุญรอด คำงาม อายุ 54 ปี ที่อยู่เลขที่ 17/3 หมู่ที่ 4 ต.บ้านบุ่ง อ.เมือง จ.พิจิตร
10.นางมาลี กองพิกุล อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17/5 หมู่ที่ 4 ต.บ้านบุ่ง อ.เมือง จ.พิจิตร
11.นางประจวบ แก่นเสน อายุ 47 ปี ที่อยู่เลขที่ 97/6 หมู่ที่ 4 ต.ย่านยาว อ.เมือง จ.พิจิตร
12.นายสุรศักดิ์ รุนอ่อน อายุ 39 ปี ที่อยู่เลขที่ 108/4 หมู่ที่ 4 ต.บ้านบุ่ง อ.เมือง จ.พิจิตร
(อ่านประกอบเปิดโฉมหน้า 14 กรรมการ 30 บริษัทปริศนา!12 คนอยู่“พิจิตร” http://www.isranews.org/investigate/investigative-04/item/21791-เปิดโฉมหน้า-14-กรรมการ-30-บริษัทปริศนา-12-คนอยู่“พิจิตร”.html)
วันที่ 16 มิถุนายน 2556 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ จ.พิจิตร เดินทางไปตรวจสอบบุคคลที่ถูกระบุว่ามีชื่อเป็นกรรมการ ประกอบด้วย
1.น.ส.ทิพย์สุดา จันเสน กรรมการ บริษัท วี.เอ็ม.ที.เมทัล จำกัด
2.นางสำเนียง จวงสาง กรรมการบริษัท เมเจอร์เมทัล จำกัด บริษัทลีดเดอร์สตีล จำกัด และบริษัท เดอะสตาร์กรุ๊ป จำกัด
3.นางจุฑารัตน์ โภคา กรรมการ บริษัท กรรมการบริษัท หอกิตติทรัพย์ จำกัด และบริษัท จีจีพีเอสไอ จำกัด
4.นางอารีวัลย์ แฟงเอม กรรมการบริษัท โอ.เอ.โอ.พี จำกัด และบริษัท พี.เอส.สำราญ จำกัด
เริ่มจากการเข้าไปสำรวจ บ้านจันเสน เลขที่ 306/3 หมู่ที่ 1 ต.บ้านบุ่ง อ.เมือง จ.พิจิตร ซึ่งพบเป็นบ้านของ น.ส.ทิพย์สุดา จันเสน สภาพบ้านเป็นบ้านไม้ หลังเล็ก ๆ ภาพเก่าใกล้ผุพัง เนื่องจากเคยถูกน้ำท่วมถึง
น.ส.ทิพย์สุดา จันเสน เปิดเผยว่า ไม่ทราบว่าไปมีหุ้นหรือถือหุ้นเป็น 2-3 หมื่นหุ้นได้อย่างไร ไมรู้เรื่องจริง ๆ ว่าธุรกิจ รับซื้อนำเขาแลส่งออกแร่โลหะเขาทำกันอย่างไร ก็เห็นจากสภาพบ้าน ชีวิตความเป็นทุกวันนี้ยังต้องไปทำงานเป็นลูกจ้าง ร้านเบเกอรี่กมลพรรณขนมจีบซาลาเปา ที่ จ.พิษณุโลก ได้ค่าจ้างไม่ถึงหมื่นบาท ช่วงทำงานต้องทิ้งลูก 2 คนอยู่ที่บ้านที่ จ.พิจิตร ให้แม่ดูแลเลี้ยงดูแทน
“ถ้ามีหุ้นมากขนาดนั้นชีวิตความเป็นอยู่คงดีกว่านี้ เพียงเท่านี้ยังทำงานแทบไม่มีเวลาพูดคุยอะไรกับใครตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ”
คนที่สอง นางสำเนียง จวงสาง กล่าวว่า เดิมมีบ้านดีกว่านี้เป็นบ้านที่หลวงพ่อปรีชาสร้างให้คนยากจนแต่พอสร้างให้เสร็จ แม่ไม่ให้อยู่ด้วย จึงมาปลูกเพิงพัก เลี้ยงหมูไว้ 2 ตัว อาชีพทุกวันนี้ทำอาชีพรับจ้างซักผ้ารีดผ้า รายได้ไม่มีแน่นอน นอกจากนี้ยังต้องแบบรับภาระหลานวัยขวบเศษที่ลูกสาวทิ้งไว้ แล้วไปมีครอบครัวใหม่
ส่วนที่บอกว่ามีชื่อถือหุ้นบริษัทแร่ ส่งออก นางสำเนียงกล่าวว่าให้พูดตามตรงไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้เลย ไม่รู้ว่าจะได้เงินภาษีคืนมาอย่างไร ก็ทุกวันนี้ก็หาเช้ากินค่ำ ยังแทบไม่มีเงินจะใช้อยู่แล้ว จะเอาปัญญาที่ไหนไปทำงานพวกนั้นให้ได้เงินมากๆ แต่ถ้าต้องให้ทำงานผิดกฎหมาย ก็คงไม่ทำดีกว่า กลัว ไม่อยากไปนอนในคุก
นางสำเนียงยังถามผู้สื่อข่าวกลับด้วยว่า “แล้วอย่างนี้ต้องทำอย่างไร จะต้องรับความผิดแทนคนอื่นไหม”
คนที่สาม นางจุฑารัตน์ โภคา พบว่า เป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในโรงเรียนพิจิตรปัญญานุกูล สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตำแหน่งแม่บ้าน เงินเดือน 5,700 บาท และมีรายได้เสริมอีกประมาณเดือนละ 700-1,000 บาท จากการเก็บขยะภายในโรงเรียนขาย
นางจุฑารัตน์ กล่าวว่า รู้สึกตกใจมากที่ทราบว่า มีหุ้นมีบริษัท หอกิตติทรัพย์ จำกัด ไม่เคยรู้เรื่องหุ้น ไม่เคยเลยหุ้น ไม่รู้ว่าการไปถือหุ้นที่ว่าถึง 8,000 หุ้นนั้นเขาทำกันอย่างไร ไม่ทราบว่าใครเอาชื่อไปแอบอ้าง
“เราก็เงินเดือนนิดเดียว ทำงานตั้งแต่ ตี 5 ครึ่ง จนถึง 6 โมงเย็น จึงเลิกงานมีวันหยุด 1 วัน วันอาทิตย์ งานหนัก งานเยอะ ทำงานแทบไม่มีเวลาคิดหรือทำอะไรแค่ทำงานอย่างเดียวก็หนักมากแล้ว ส่วนชีวิตครอบครัวความเป็นอยู่กัน 3 คนพ่อแม่ลูก ก็พอกินเท่าที่มี จะมีกินดีบางวันที่ขายขยะได้เงินเป็น 100 บาท เท่านั้นจะซื้อหมูไก่บ้าง”
และบอกว่าทั้งชีวิตไม่เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ตลอดชีวิตอยู่บ้านที่ จ.พิจิตรมาโดยตลอด พอทราบว่าตัวเองเป็นข่าว ก็ไม่ได้กังวลใจอะไร เพราะไม่ใช่สิ่งที่เราทำ ไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ แต่ก็ไม่ทราบว่ามีใครเอาชื่อเราไปใช้แอบอ้างตรงจุดนี้ได้อย่างไร
คนที่สี่ นางอารีวัลย์ แฟงเอม บอกว่าเพิ่งทราบเรื่อง รู้ทางโทรศัพท์ นี่แหละรู้สึกตกใจมาก ไม่ทราบเรื่องเป็นมาอย่างไร เพราะตลอด 10 กว่าปี ทำงานอยู่ที่โรงเรียนโรงเรียนพิจิตรปัญญานุกูล สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มาโดยตลอด ตำแหน่งแม่ครัว ได้รับเงินเดือน 6,300 บาท ทำงานเก็บเงินสร้างบ้านปูนชั้นเดียว หลังไม่ใหญ่มาก เป็นเงินจากน้ำพักน้ำแรง ไม่เคยไปทำงานทุจริตผิดกฎหมายก็รู้สึกภูมิใจ
“เรื่องที่สอบถาม กรณีเข้าไปถือหุ้นนั้น ไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะไม่ทราบในเรื่องนี้ คิดว่าคงมีคนเอาชื่อไปแอบอ้าง หรือไม่ก็คงมีคนชื่อนามสกุลเหมือนกัน ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่ทราบเรื่องจริง ๆ”
สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบเอกสารการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทพบว่า ในการจดทะเบียนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ผู้ได้รับมอบอำนาจในดำเนินการจัดตั้งบริษัทจากนางอารีวัลย์ แฟงเอม และน.ส.ทิพย์สุดา จันเสน คือ นายสุรเชษฐ์ มหารำลึก ผู้ได้รับมอบอำนาจจากนางสำเนียง จวนสาง และ นางุฑารัตน์ โภคา คือ นายวิษณุ อสุนีย์