“ชมรมผู้ประกันตน” จี้จุรินทร์ออก กม.ขยายสิทธิบัตรทองรักษา
ยื่นหนังสือ รมว.สธ. ออก พ.ร.ก.ขยายบัตรทองรักษาครอบคลุมผู้ประกันตนหลังถูกริดรอนสิทธิมานาน 8 ปี “หมอวินัย”เผยเตรียมนำเข้าบอร์ด 18 เม.ย. ยันที่ผ่านมา สปสช.พร้อม ติดที่ผู้ประกันตนไม่เข้าใจ
วันที่ 4 เม.ย.54 ที่กระทรวงสาธารณสุข น.ส.สารี อ๋องสมหวัง พร้อมด้วยตัวแทนชมรมพิทักษ์สิทธิผู้ประกันตน เข้ายื่นหนังสือถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอให้ปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545
น.ส.สารี กล่าวว่าเป็นการเรียกร้องในฐานะที่นายจุรินทร์เป็นประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) เพราะที่ผ่านมาชมรมฯคิดว่าทั้ง สปสช.และสำนักงานประกันสังคม(สปส.) ทำผิด พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มาตรา5 ที่กำหนดให้บุคคลทุกคนมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขที่ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพตามที่ พ.ร.บ.กำหนด และมาตรา 10 กำหนดให้ สปสช.เตรียมความพร้อมในการให้บริการสาธารณสุขแก่ผู้มีสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยประกันสังคม ซึ่งทั้ง สปสช. และ สปส.ต้องหารือร่วมกันและเสนอรัฐบาลตราพระราชกฤษฎีกากำหนดระยะเวลาเริ่มการให้บริการผู้ประกันตน
น.ส.สารี กล่าวว่าการดำเนินการเพื่อให้ สปสช.จัดบริการแก่ผู้ประกันตนนั้น มาตรา 66 ยังระบุให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาภายใน 1 ปีนับตั้งแต่วันที่ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติบังคับใช้ 18 พ.ย.45 ซึ่งขณะนี้ล่วงเลยมา 8 ปียังไม่ดำเนินการใดๆ อีกทั้งผู้ประกันตนซึ่งต้องได้รับสิทธิตามกฎหมายนี้ยังไม่เคยทราบเหตุผล ดังนั้นชมรมฯจึงขอเรียกร้องให้ รมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานบอร์ด สปสช.ดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าวโดยเร็ว นอกจากนี้ในบ่ายวันนี้จะเข้ายื่นหนังสือต่อ นพ.สมเกียรติ์ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ในฐานประธานคณะกรรมการประกันสังคม เช่นกัน
“ขอให้ รมว.สาธารณสุข ดำเนินการออกพระราชกฤษฎีกาโดยเร็วในการให้สิทธิ์ผู้ประกันตน หากไม่มีการดำเนินการ ถือเป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย คงต้องฟ้องศาลปกครองไป” น.ส.สารี กล่าว
ด้าน นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช.กล่าวว่าเป็นข้อเสนอที่ดี เพราะจะทำให้มีการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งในการประชุมบอร์ด สปสช.วันที่ 18 เม.ย. นี้ รมว.สาธารณสุข อาจนำเรื่องนี้บรรจุวาระการประชุม และแต่งตั้งตัวแทนเพื่อหารือกับ สปส.ต่อไป อย่างไรก็ตามการดำเนินการตามมาตรา 10 ที่ทางชมรมผู้พิทักษ์สิทธิผู้ประกันตนเรียกร้องนั้น ตามกฎหมายจะต้องเป็นการโอนมาพร้อมงบประมาณของ สปส.ด้วย แต่ที่ผ่านมามีข้อเรียกร้องการหยุดจ่ายเงินรักษาพยาบาลในส่วนผู้ประกันตนและให้รัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลแทน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจะต้องมีการคำนวณงบประมาณเหมาจ่ายในส่วนผู้ประกันตนที่เหมาะสมใหม่
เนื่องจากต้องยอมรับว่าการบริการในส่วนของระบบบัตรทองและ สปส. นั้นแตกต่างกัน โดยบัตรทองการรักษาจะเริ่มต้นในส่วนของบริการปฐมภูมิที่เริ่มจากสถานีอนามัย โรงพยาบาลชุมชนก่อน ขณะที่ระบบ สปส.จะเริ่มที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่และโรงพยาบาลเอกชน ทำให้ค่าใช้จ่ายในการบริการแตกต่างกัน ซึ่งขณะนี้ ดร.อัมมาร สยามวาลา รองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพแห่งชาติ(คพคส.) กำลังพิจารณาเคาะต้นทุนการบริการสำหรับผู้ประกันตน
“การดำเนินการตามมาตรา 10 นั้น ที่ผ่านมาความพร้อมไม่พร้อมไม่ได้อยู่ที่ตัวสำนักงาน แต่อยู่ที่ความพร้อมของผู้ประกันตนที่ไม่เข้าใจและไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง ซึ่งในช่วงเริ่มต้นยอมรับว่าระบบบัตรทองมีปัญหา งบไม่พอ ทำให้คนคิดว่าเราอยากได้เงิน สปส.มาโปะในระบบ แต่หลังจาก 8 ปี สปสช.พัฒนาระบบไปมากจนมีความพร้อมแล้ว แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับผู้ประกันตนเอง ซึ่งต้องมีการทำความเข้าใจว่าอะไรที่เป็นประโยชน์สูงสุด” เลขาธิการ สปสช. กล่าว .