คำวินิจฉัยส่วนตน 5 ตุลาการศาลรธน. ข้างมากคดีเสียบบัตร ไฉนให้โมฆะวาระ 2-3 ไม่ตีตกทั้งฉบับ?
“...ทั้งหมดคือความเห็นบางห้วงบางตอนในคำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 5 ราย ที่ชี้ให้เห็นว่า กระบวนการตราร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ เฉพาะวาระที่ 2-3 ที่ปรากฏพฤติการณ์เสียบบัตรแทนกันเท่านั้น ที่มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ส่วนในวาระที่ 1 และในชั้นแปรญัตติถือว่าถูกต้องแล้ว จึงทำให้สภาผู้แทนราษฎรได้รับโอกาสโหวตใหม่ และร่างกฎหมายดังกล่าวไม่ถูกตีตกทั้งฉบับ…”
จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 วินิจฉัยร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ เฉพาะการลงมติให้ความเห็นชอบในวาระที่ 2-3 เนื่องจากพบว่ามี ส.ส. อย่างน้อย 3 ราย มีพฤติการณ์เสียบบัตรแทนกัน แต่ไม่ได้มีผลให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯดังกล่าวตกไป จึงสั่งการให้สภาผู้แทนราษฎรดำเนินการลงมติใหม่ในวาระที่ 2-3 โดยสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาลงมติเสร็จสิ้น ขณะที่ พ.ร.บ.งบประมาณฯ ถูกประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาแล้วนั้น (อ่านประกอบ : ประกาศใช้ พ.ร.บ.งบปี 63 ‘กลาโหม’ ได้มากสุดอันดับ 4 ‘กอ.รมน.’ รับ 6.7 พันล., พฤติการณ์ต่างจากปี 56-มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน!คำวินิจฉัยศาล รธน.ร่าง พ.ร.บ.งบฯได้ไปต่อ)
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่คำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 ราย ในการพิจารณาวินิจฉัยกรณีดังกล่าว โดยเสียงข้างมาก 5 ราย ได้แก่ นายนุรักษ์ มาประณีต นายจรัญ ภักดีธนากุล นายบุญส่ง กุลบุปผา นายปัญญา อุดชาชน และนายวรวิทย์ กังศศิเทียม ส่วนเสียงข้างน้อย 4 ราย ได้แก่ นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ชัช ชลวร และนายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี
สำหรับสาระสำคัญของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 5 ราย ที่เห็นว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯดังกล่าวตราขึ้นมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญเฉพาะในวาระที่ 2-3 เนื่องจากมี ส.ส. อย่างน้อย 3 ราย มีพฤติการณ์เสียบบัตรแทนกัน แต่ไม่ได้มีผลทำให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ทั้งฉบับต้องถูกตีตกไป เนื่องจากเห็นว่าข้อเท็จจริงในคดีนี้ไม่ปรากฏว่าในการประชุมพิจารณาออกเสียงลงมติให้รับหลักการในวาระที่ 1 และในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ (ขั้นแปรญัตติ) ก่อนเข้าสู่วาระที่ 2 มีการกระทำใดที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญแต่ประการใด จึงอาศัยมาตรา 74 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 สั่งการให้สภาผู้แทนราษฎรดำเนินการโหวตใหม่เฉพาะวาระที่ 2-3 ให้ถูกต้อง
ประเด็นสำคัญที่หลายคนตั้งคำถามคือ ทำไมร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ถึงไม่ถูกตีตกไปทั้งฉบับ เหมือนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 15-18/2556 (กรณีร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท) และ 3-4/2557 (กรณีแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญที่มาของ ส.ว.) ที่พบพฤติการณ์ ส.ส. เสียบบัตรแทนกันเช่นเดียวกับกรณีนี้ ?
นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้ความเห็นไว้อย่างน่าสนใจในคำวินิจฉัยส่วนตน และถูกนำไประบุไว้ในคำวินิจฉัยฉบับเต็มคดีนี้ด้วย ดังนี้
“ถึงแม้ศาลรัฐธรรมนูญจะเคยมีคำวินิจฉัยว่า การลงมติที่มีผู้ทุจริตออกเสียงลงมติแทนกันมีผลทำให้ร่างกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบของรัฐสภาจะต้องตกไปทั้งฉบับตามคำวินิจฉัยที่ 15-18/2556 และคำวินิจฉัยที่ 3-4/2557 ก็ตาม”
“แต่ประเด็นข้อวินิจฉัย พฤติการณ์แห่งคดี และบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องในคดีนี้มีความแตกต่างจากประเด็นข้อวินิจฉัย พฤติการณ์แห่งคดี และบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวอย่างมีนัยสำคัญ กล่าวคือ คดีนี้ไม่มีประเด็นเกี่ยวกับข้อความอันเป็นสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด คงมีปัญหาที่กระบวนการตราร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เท่านั้น ทั้งข้อเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏชัดว่า การพิจารณาออกเสียงลงมติของสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 1 และในชั้นแปรญัตติ ก่อนเสนอให้พิจารณาวาระที่ 2 ดำเนินการไปโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญทุกประการ ถือได้ว่าเป็นขั้นตอนที่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ก่อนแล้ว นอกจากนี้ยังมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนที่ประเทศชาติจะต้องได้กฎหมายฉบับนี้ไปช่วยแก้ปัญหาความล่าช้าและอุปสรรคในการเบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดิน”
(บางส่วนในคำวินิจฉัยส่วนตนของนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรณีเสียบบัตรแทนกันในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ)
ขณะที่ นายนุรักษ์ มาประณีต ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ให้ความเห็นว่า การกระทำในกระบวนการตราร่างกฎหมายดังกล่าว นอกจากจะเป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของการเป็น ส.ส. ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ต้องปฏิบัติหน้าที่โดยไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความครอบงำใด ๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ และความผาสุกของประชาชนโดยรวม โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 แล้ว ยังขัดต่อหลักความซื่อสัตย์สุจริตที่ ส.ส. ได้ปฏิญาณไว้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 115 และขัดต่อหลักการออกเสียงลงคะแนนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 120 วรรคสาม ที่ให้ ส.ส. คนหนึ่งมีเพียงหนึ่งเสียงในการออกเสียงลงคะแนน มีผลทำให้การออกเสียงลงคะแนนของสภาผู้แทนราษฎรในการประชุมนั้นเป็นการออกเสียงที่ไม่สุจริต ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่แท้จริงของปวงชนชาวไทย
เมื่อกระบวนการออกเสียงลงคะแนนในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จึงถือว่ามติของสภาผู้แทนราษฎรในกระบวนการตราร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวในวาระที่ 2-3 รวมถึงข้อสังเกตของ กมธ. เป็นมติที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ อันมีผลทำให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ เป็นไปตามแนวทางคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 15-18/2556 และ 3-4/2557 โดยไม่จำต้องวินิจฉัยการออกเสียงลงคะแนนของ ส.ส. คนอื่น แต่ตอนท้ายมีความเห็นว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ในวาระที่ 2-3 ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ จึงให้สภาผู้แทนราษฎรไปพิจารณาให้ความเห็นชอบใหม่ต่อไป
นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ให้ความเห็นสรุปได้ว่า กระบวนการตราดังกล่าวในวาระที่ 2-3 เป็นกระบวนการตราที่ไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ดีในการลงมติวาระที่ 3 สภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ด้วยเสียงข้างมาก อีกทั้งการที่ประชาชนชาวไทยผู้เป็นเจ้าของภาษีของประเทศได้มอบฉันทานุมัติให้ ส.ส. ซึ่งถือเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยจำนวนถึง 253 คน มาเป็นผู้พิจารณาและตรากฎหมายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ถือว่าคะแนนเสียงดังกล่าวเป็นคะแนนเสียงที่สำคัญยิ่งในการลงมติ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะให้การลงคะแนนเสียงเพียงส่วนน้อยที่เกิดจากการกระทำที่ละเมิดต่อหลักการของรัฐธรรมนูญมาล้มล้างความชอบธรรมของร่างกฎหมายอันสำคัญยิ่งของประเทศในครั้งนี้ ดังนั้นเมื่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ไม่มีข้อความใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ แต่กระบวนการออกเสียงเฉพาะในวาระที่ 2-3 เท่านั้นที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เมื่อหักคะแนนเสียงกรณีเสียบบัตรแทนกันออกไปแล้ว จำนวนคะแนนเสียงในสภาผู้แทนราษฎรผู้สุจริตยังคงเป็นคะแนนเสียงข้างมาก และไม่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงมติในการลงคะแนนของ ส.ส. จึงเท่ากับว่ากระบวนการตราร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญเฉพาะวาระที่ 2-3
ส่วนนายบุญส่ง กุลบุปผา ให้ความเห็นสรุปได้ว่า เมื่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ไม่มีข้อความใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ แต่กระบวนการออกเสียงลงคะแนนเฉพาะในวาระที่ 2-3 โดย ส.ส. บางคนเท่านั้นมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ซึ่งจำนวนคะแนนเสียงของ ส.ส. ผู้สุจริตยังคงเป็นคะแนนเสียงข้างมาก และไม่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงมติในการลงคะแนนของสภาผู้แทนราษฎร จึงเท่ากับว่ากระบวนการตราร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญเฉพาะในส่วนวาระที่ 2-3 แต่ไม่ถึงขนาดส่งผลให้ร่าง พ.ร.บ.นั้นเป็นอันตกไป และไม่กระทบกระเทือนถึงความสมบูรณ์ของคะแนนเสียงข้างมากอันสุจริตในการลงมติของ ส.ส. รายอื่น
ขณะที่นายปัญญา อุดชาชน มีความเห็นโดยสรุปว่า การกระทำดังกล่าว (เสียบบัตรแทนกัน) เป็นการกระทำทางนิติบัญญัติ (Legislative Action) ที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ข้อ 80 วรรคสาม จึงส่งผลให้กระบวนการตราร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ไม่ชอบด้วยหลักนิติธรรมและรัฐธรรมนูญ โดยตามหลักกฎหมายทั่วไปและข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติว่ามีการออกเสียงลงคะแนนแทนกันในวาระที่ 2 จึงเห็นว่ากระบวนการตราร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ไม่ชอบด้วยหลักนิติธรรมและรัฐธรรมนูญเฉพาะกระบวนการตราในวาระที่ 2 โดยไม่กระทบต่อการพิจารณาของ กมธ. ที่พิจารณาเสร็จแล้วในวาระที่ 3 ทั้งนี้แตกต่างจากกรณีเสียบบัตรแทนกันตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 15-18/2556 และ 3-4/2557 ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ตกไปทั้งฉบับ เนื่องจากผลคดีมีปัญหาความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญทั้งกระบวนการตรา และเนื้อหาในหลายประเด็น แต่คดีนี้มีปัญหาเฉพาะความไม่ชอบของกระบวนการตราเท่านั้น
ทั้งหมดคือความเห็นบางห้วงบางตอนในคำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 5 ราย ที่ชี้ให้เห็นว่า กระบวนการตราร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ เฉพาะวาระที่ 2-3 ที่ปรากฏพฤติการณ์เสียบบัตรแทนกันเท่านั้น ที่มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ส่วนในวาระที่ 1 และในชั้นแปรญัตติถือว่าถูกต้องแล้ว จึงทำให้สภาผู้แทนราษฎรได้รับโอกาสโหวตใหม่ และร่างกฎหมายดังกล่าวไม่ถูกตีตกทั้งฉบับ
ส่วนความเห็นของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย 4 ราย ได้แก่ นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ชัช ชลวร และนายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี เห็นว่า การตราร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯดังกล่าว ตราขึ้นโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญแล้ว
อ่านประกอบ :
ประกาศใช้ พ.ร.บ.งบปี 63 ‘กลาโหม’ ได้มากสุดอันดับ 4 ‘กอ.รมน.’ รับ 6.7 พันล.
พฤติการณ์ต่างจากปี 56-มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน!คำวินิจฉัยศาล รธน.ร่าง พ.ร.บ.งบฯได้ไปต่อ
เปิดชื่อตุลาการศาล รธน.ลงมติ 5:4 ร่าง พ.ร.บ.งบฯไม่โมฆะ-ให้โหวตใหม่วาระ 2-3
อีกคดี!ปมเสียบบัตรแทนแก้ที่มา ส.ว. ปี 56-ศาล รธน.สั่งโมฆะ วัดบรรทัดฐานการเมืองไทย?
‘ศรีสุวรรณ’ร้อง ป.ป.ช.สอบ ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน อาจเข้าข่ายทุจริต-ขัดกันแห่งผล ปย.
คำร้อง ปธ.สภาฯถึงศาล รธน.แล้ว! ขอให้วินิจฉัยปม 4 ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน
เทียบยุคก่อนไม่ได้! ปธ.ป.ป.ช.ชี้ปมเสียบบัตรแทนข้อเท็จจริงอาจต่างกัน-แบะท่ารอรับคำร้อง
90 ส.ส.ชง ปธ.สภาฯส่งศาล รธน.วินิจฉัยปมเสียบบัตรแทนกันตอนพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ
ล้วงคำวินิจฉัยศาล รธน.ปม ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน-ผ่าน 7 ปีเกิดขึ้นซ้ำรอดูบรรทัดฐาน?
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/