แกะรอย‘บ.อัพ ด.’ถูกพาดพิงซักฟอก ‘บิ๊กตู่’เอื้อ ปย.? คู่สัญญา ทบ.-ยาสูบ 3.3 พันล.
“...ประเด็นที่น่าสนใจ ข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ พบว่า บริษัท อัพ ด. แห่งนี้ เป็นคู่สัญญารัฐอย่างน้อย 2 หน่วยงานรัฐ คือกองทัพบก และโรงงานยาสูบ แบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา รวมวงเงิน 3,355,283,600 บาท…”
ประเด็นที่น่าสนใจในการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 4 ถูกเปิดด้วยนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวหาว่ามีกระบวนการแก้กฎหมายเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทบุหรี่ต่างชาติหลบเลี่ยงภาษี ท้ายที่สุดถูกศาลปรับแค่ 1.2 พันล้านบาทเศษ ทำประเทศเสียหายหลายหมื่นล้านบาท
นอกจากนี้นายศรัณย์วุฒิ ยังตั้งข้อสังเกตถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ มีการแต่งตั้ง พล.อ.ว. (ชื่อย่อ) เป็นประธานกรรมการโรงงานยาสูบ ก่อนดึงตัวกลับมาเป็นคนใกล้ชิด ต่อมาตั้ง พล.ท.ส. (ชื่อย่อ) เป็นประธานกรรมการโรงงานยาสูบ โดยดึง น.ส.ด. มาเป็นกรรมการโรงงานยาสูบ ก่อนเลื่อนขั้นเป็นผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ พร้อมอ้างอีกว่า ในการประมูลงานต่าง ๆ ของโรงงานยาสูบ จะต้องผ่านบริษัท อัพ ด. (ไม่ระบุชื่อเต็ม) โดยมีบุคคลชื่อนายปรีชา (ไม่ระบุนามสกุล) มีส่วนเกี่ยวข้องในบริษัทการค้าอาวุธด้วย รวมเป็นคู่สัญญากับโรงงานยาสูบกว่า 3.7 พันล้านบาท โดยมีปัญหาในการส่งมอบงานด้วย
หลายคนอาจตั้งคำถามว่า บริษัท อัพ ด. คือบริษัทอะไร นายปรีชา (ไม่ระบุนามสกุล) เป็นใคร ?
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบรายละเอียดจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า บริษัท อัพ ด. จดทะเบียนช่วงปี 2534 ทุนปัจจุบัน 48 ล้านบาท แจ้งวัตถุประสงค์การประกอบธุรกิจล่าสุด กิจกรรมบริหารทางการเงินอื่น ๆ ปัจจุบันมีกรรมการบริษัทอยู่ 2 ราย
ประเด็นที่น่าสนใจ ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2556 บริษัท อัพ ด. แห่งนี้ เคยเพิ่มทุนจดทะเบียนไปถึง 750 ล้านบาท ต่อมาปี 2561 ลดทุนลงเหลือ 188 ล้านบาท กระทั่งปลายปี 2561 ลดเหลือ 48 ล้านบาท
บริษัทแห่งนี้แจ้งงบการเงินเมื่อปี 2561 มีรายได้รวมกว่า 1.2 พันล้านบาท รายจ่ายรวม 1.1 พันล้านบาท กำไรสุทธิประมาณ 51.8 ล้านบาท
ประเด็นที่น่าสนใจ ข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ พบว่า บริษัท อัพ ด. แห่งนี้ เป็นคู่สัญญารัฐอย่างน้อย 2 หน่วยงานรัฐ คือกองทัพบก และโรงงานยาสูบ แบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา รวมวงเงิน 3,355,283,600 บาท ได้แก่
หนึ่ง ช่วงเวลาระหว่างปี 2547-2558 เป็นคู่สัญญากับกองทัพบก อย่างน้อย 8 สัญญา รวมวงเงิน 425,283,600 บาท (มีสัญญาหนึ่งซ่อมและปรับปรุงรถถังเบาแบบ 21 (สกอร์เปี้ยน) จำนวน 19 คัน ทำสัญญาเมื่อ 27 มิ.ย. 2557 วงเงิน 399,475,000 บาท)
โดยในช่วงปี 2556 ปรากฏชื่อนายปรีชา (ไม่ระบุนามสกุล) เป็นหุ้นใหญ่ และกรรมการบริษัทแห่งนี้ โดยร่วมกับบุคคลอีกรายหนึ่งที่เป็นกรรมการบริษัทค้าอาวุธอีกแห่งเป็นกรรมการและหุ้นส่วนบริษัทแห่งนี้ด้วย
สอง ช่วงเวลา 2559-2560 เป็นคู่สัญญากับโรงงานยาสูบกระทรวงการคลัง อย่างน้อย 3 สัญญา รวมวงเงิน 2,930,000,000 บาท
โดยในช่วงเวลาดังกล่าว ไม่ปรากฏชื่อนายปรีชา (ไม่ระบุนามสกุล) เป็นกรรมการและหุ้นใหญ่แล้ว โดยมีบุคคลอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามาเป็นกรรมการ และหุ้นใหญ่แทน ต่อมาปี 2561 มีการปรับลดวงเงินเหลือแค่ 188 ล้านบาท และปลายปี 2561 เหลือ 48 ล้านบาทตามลำดับ
เบื้องต้น สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) โทรศัพท์ติดต่อไปยังเบอร์ติดต่อเดิมของบริษัท อัพ ด. แห่งนี้ มีผู้ชายคนหนึ่งรับสาย ยืนยันว่า ที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ตั้งของบริษัท อัพ ด. แล้ว แต่เป็นที่ตั้งของบริษัทค้าอาวุธแห่งหนึ่ง ที่กรรมการเคยเป็นหุ้นส่วนของนายปรีชา (ไม่ระบุนามสกุล)
ต่อมาสำนักข่าวอิศราติดต่อไปยังเบอร์ 02-150-1xxx ของบริษัท อัพ ด. เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่บริษัทถูกพาดพิงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในกรณีนี้ โดยขอสายผู้บริหาร หรือกรรมการบริษัท อย่างไรก็ดี มีผู้หญิงรายหนึ่งรับสาย ระบุว่า ไม่สะดวกที่จะให้เบอร์ติดต่อผู้บริหาร ให้ผู้สื่อข่าวลองค้นหาเบอร์ติดต่อเอง หลังจากนั้นได้วางสายโทรศัพท์ทันที
ส่วนบริษัท อัพ ด. แห่งนี้ซึ่งถูกพาดพิงในศึกซักฟอก พล.อ.ประยุทธ์ จะได้รับการเอื้อประโยชน์จากรัฐบาลจริงหรือไม่ คงต้องรอฟังคำชี้แจงจากผู้เกี่ยวข้องต่อไป
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/